นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารกแรกเกิด เนื่องจากมีสารอาหารครบถ้วนมากกว่า 200 ชนิด และมีภูมิคุ้มกันที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของลูกน้อย การเก็บรักษานมแม่ให้คงคุณค่าทางอาหารจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ลูกน้อยได้รับประโยชน์สูงสุดจากนมแม่ คุณแม่หลายท่านจึงอยากทราบวิธีการเก็บรักษานมแม่ให้ได้นานและปลอดภัย บทความนี้จะไขข้อข้องใจเกี่ยวกับ วิธีเก็บนมแม่ ตั้งแต่การเตรียมตัว ปริมาณนมแม่ที่ควรสต็อก การปั๊มนม และการนำนมแม่แช่งแข็งมาใช้ รวมถึงเคล็ดลับในการเก็บรักษานมแม่ให้อยู่ได้นานถึง 2 ปี และไม่เหม็นหืน เพื่อให้คุณแม่มั่นใจได้ว่าลูกน้อยจะได้รับนมแม่ที่มีคุณภาพดีที่สุด
ลูกน้อยควรได้รับนมแม่นานแค่ไหน?
องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้ทารกได้รับนมแม่แต่เพียงอย่างเดียวใน 6 เดือนแรก และควรให้นมแม่ควบคู่ไปกับอาหารเสริมจนถึงอายุอย่างน้อย 2 ปี หรือมากกว่านั้น การให้นมแม่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ ในเด็ก เช่น โรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด โรคอ้วน และโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ปริมาณนมที่ทารกต้องการจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอายุ น้ำหนัก และความถี่ในการให้นม โดยทั่วไปทารกแรกเกิดจะต้องการนมประมาณ 2-3 ออนซ์ต่อการให้นมแต่ละครั้ง และจะเพิ่มปริมาณขึ้นตามอายุ คุณแม่สามารถสังเกตสัญญาณความหิวของลูกน้อย เช่น การดูดนิ้ว การร้องไห้ หรือการขยับปาก เพื่อประเมินปริมาณนมที่ลูกน้อยต้องการได้ค่ะ
วิธีเก็บนมแม่ สต็อกน้ำนมได้นานถึง 2 ปี
การสต็อกน้ำนมแม่เป็นวิธีที่ดีในการให้ลูกน้อยได้รับนมแม่อย่างต่อเนื่อง แม้ในวันที่คุณแม่ต้องออกไปทำงานหรือทำกิจกรรมอื่นๆ แต่ปริมาณน้ำนมที่ต้องสต็อกจะแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงวัยของลูกน้อย
การคำนวณปริมาณนมที่ต้องสต็อก
หากคุณแม่ต้องออกไปทำงาน ควรสต็อกน้ำนมให้เพียงพอต่อการให้นมลูกน้อยในระหว่างที่ไม่อยู่บ้าน วิธีการง่ายๆ คือ การสังเกตปริมาณนมที่ลูกน้อยกินในแต่ละมื้อ และคูณด้วยจำนวนมื้อที่คุณแม่จะไม่อยู่บ้าน เช่น ถ้าลูกน้อยกินนมมื้อละ 3 ออนซ์ และคุณแม่ไม่อยู่บ้าน 8 ชั่วโมง (ประมาณ 3 มื้อ) ก็ควรสต็อกนมประมาณ 9 ออนซ์ และเมื่อกลับมาจากทำงานก็ปั๊มน้ำนมคืนในปริมาณเท่าเดิม
เมื่อลูกน้อยโตขึ้น ความต้องการนมจะลดลง และลูกน้อยจะเริ่มทานอาหารเสริมควบคู่ไปด้วย ดังนั้น คุณแม่จึงควรปรับปริมาณนมที่สต็อกให้เหมาะสมกับวัยและความต้องการของลูกน้อย
อายุของลูก (วัน/เดือน) | ปริมาณนมต่อครั้ง (ออนซ์) | จำนวนครั้งต่อวัน | ปริมาณนมที่ควรสต็อกต่อวัน (ออนซ์) |
วันที่ 1-2 | 0.17 (1 ช้อนชา) | 8-10 ครั้ง | 1.36 – 1.7 |
3-30 วัน | 1-1.5 | 8-10 ครั้ง | 8-15 |
1 เดือน | 2-4 | 7-8 ครั้ง | 14-32 |
2-6 เดือน | 4-6 | 5-6 ครั้ง | 20-36 |
6-12 เดือน | 6-8 | 4-5 ครั้ง | 24-40 |
1 ขวบขึ้นไป | 6-8 | 3-4 ครั้ง | 18-32 |
หมายเหตุ: ตารางนี้เป็นเพียงค่าประมาณ เนื่องจากปริมาณนมที่ทารกต้องการจะแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล ปัจจัยอื่นๆ เช่น น้ำหนักตัว ความถี่ในการให้นม และการเจริญเติบโตของทารกก็มีผลต่อปริมาณนมที่ต้องกิน
เคล็ดลับในการสต็อกน้ำนมแม่
- เลือกภาชนะที่สะอาด ควรเลือกใช้ขวดนมหรือถุงเก็บนมที่ทำจากวัสดุปลอดภัย เช่น พลาสติกเกรดอาหาร หรือแก้ว และต้องล้างทำความสะอาดอย่างทั่วถึงก่อนนำมาใช้ทุกครั้ง
- แบ่งปริมาณให้เหมาะสม แบ่งบรรจุน้ำนมในปริมาณที่พอดีกับการให้นมลูกน้อยแต่ละครั้ง เพื่อป้องกันการปนเปื้อนและลดการสูญเสียน้ำนม หากเหลือน้ำนมในขวด ควรนำไปอุ่นใหม่และให้ลูกน้อยดื่มให้หมดภายใน 1 ชั่วโมง
- ติดฉลาก ติดฉลากระบุวันที่และเวลาที่ปั๊มนม เพื่อควบคุมอายุของนม และนำนมที่ปั๊มก่อนมาใช้ก่อนเสมอ
- เก็บในที่เย็น การเก็บรักษาน้ำนมได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิที่ใช้ในการเก็บ
- จัดระเบียบการเก็บ จัดเรียงลำดับการเก็บน้ำนมก่อนหลัง เพื่อสะดวกในการนำมาใช้ และง่ายต่อการควบคุมอายุของนม
ช่องแช่แข็งตู้เย็นประตูเดียว ตู้เย็นช่องแช่แข็งแบบประตูแยก เก็บนมแม่ได้นานแค่ไหน
สถานที่เก็บรักษา | อุณหภูมิโดยประมาณ (°C) | ระยะเวลาที่เก็บได้ |
อุณหภูมิห้อง | 27-32 | 3-4 ชั่วโมง |
อุณหภูมิห้อง | 16-26 | 4-8 ชั่วโมง |
กระติกน้ำแข็ง (มีน้ำแข็งตลอดเวลา) | 15 | 24 ชั่วโมง |
ตู้เย็นช่องธรรมดา (ด้านในสุด) | 0-4 | 3-5 วัน |
ช่องแช่แข็ง ตู้เย็นประตูเดียว | -15 | 2 สัปดาห์ |
ช่องแช่แข็ง ตู้เย็นประตูแยก | -18 | 3-6 เดือน |
ช่องแช่แข็งเย็นจัด (ตู้เย็นพิเศษ) | -20 | 6-12 เดือน |
หมายเหตุ: อายุการเก็บรักษาของนมแม่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อุณหภูมิของช่องแช่แข็ง คุณภาพของภาชนะ และวิธีการจัดเก็บ
วิธีเก็บนมแม่ สต๊อคนมถุงละกี่ออนซ์
ปริมาณนมในแต่ละถุงขึ้นอยู่กับความสะดวกในการใช้งานของแต่ละคน โดยทั่วไปจะแบ่งบรรจุน้ำนมประมาณ 2-4 ออนซ์ต่อถุง ซึ่งเป็นปริมาณที่เหมาะสมสำหรับการให้นมแต่ละครั้ง อย่างไรก็ตาม คุณแม่สามารถปรับปริมาณได้ตามความต้องการของลูกน้อย
สูตรในการปั๊มนม
ไม่มีสูตรตายตัวในการปั๊มนม แต่มีหลักการทั่วไปดังนี้
- ระยะแรกหลังคลอด ควรปั๊มนมให้ได้ 8- 10 มื้อต่อวัน โดยปั๊มนมนานครั้งละ 15-20 นาที
- ระยะ 2-3 เดือนแรกหลังคลอด ควรปั๊มอย่างน้อยทุก 5-6 ชั่วโมง โดยกลางคืนควรปั๊มอย่างน้อย 1 ครั้ง
- ปั๊มทันทีหลังลูกดูดไปแล้ว 10-15 นาที หลังจากที่ลูกน้อยดูดนมจากเต้าข้างใดข้างหนึ่งไปแล้วประมาณ 10-15 นาที ให้ปั๊มนมออกจากเต้านั้นต่อทันที วิธีนี้จะช่วยให้เต้านมได้ถูกกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง และช่วยให้ร่างกายผลิตน้ำนมเพิ่มขึ้นได้ ช่วยให้ได้น้ำนมปริมาณที่มากขึ้น และช่วยป้องกันปัญหาเต้านมคัด
- ปั๊มนมระหว่างมื้อนม หลังจากที่ลูกน้อยเข้าเต้าไปแล้วประมาณ 1 ชั่วโมง ให้ปั๊มนมพร้อมกันทั้ง 2 เต้า นาน 10-15 นาที การปั๊มนมระหว่างมื้อจะช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำนม และช่วยให้เต้านมว่างพร้อมสำหรับการให้นมลูกครั้งต่อไป ช่วยให้ได้น้ำนมสำรอง และช่วยให้เต้านมไม่คัด
อยากเก็บนมสต๊อคให้ลูก ต้องปั๊มนมอย่างไร?
เพื่อให้ได้น้ำนมปริมาณมากและมีคุณภาพดี ควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้
- พักผ่อนให้เพียงพอ: การพักผ่อนที่เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายผลิตน้ำนมได้มากขึ้น
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: อาหารที่มีประโยชน์จะช่วยเพิ่มปริมาณและคุณภาพของน้ำนม
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การดื่มน้ำช่วยเพิ่มปริมาณน้ำนม
- คลายเครียด: ความเครียดอาจส่งผลต่อการผลิตน้ำนม
- เครื่องปั๊มนม: เลือกใช้เครื่องปั๊มนมที่เหมาะสมกับตัวเอง
- ความถี่ในการปั๊ม: ยิ่งปั๊มนมบ่อยเท่าไร ร่างกายก็จะยิ่งผลิตน้ำนมออกมามากขึ้นเท่านั้น
- ระยะเวลาในการปั๊ม: ควรปั๊มนมให้เกลี้ยงเต้าเพื่อกระตุ้นการผลิตน้ำนม
- เครื่องปั๊มนม: เลือกใช้เครื่องปั๊มนมชนิดที่ปั๊มนมพร้อมกันทั้ง 2 ข้าง
ทำไมนมแม่ถึงเหม็นหืน
น้ำนมแม่มีเอนไซม์ชนิดหนึ่งชื่อ เอนไซม์ไลเปส ซึ่งทำหน้าที่ย่อยไขมันในน้ำนม เมื่อเก็บน้ำนมไว้เป็นเวลานาน เอนไซม์นี้จะทำงาน ทำให้น้ำนมมีกลิ่นหืนคล้ายกลิ่นสบู่ หรือกลิ่นคาว ปริมาณเอนไซม์ไลเปสในน้ำนมของแต่ละคนจะแตกต่างกัน ดังนั้น บางคนอาจสังเกตเห็นกลิ่นหืนชัดเจนกว่าคนอื่น
นมที่สต็อกเหม็นหืนหลังละลาย สามารถให้ลูกได้ไหม ?
หลายคนคงเคยสงสัยว่า เมื่อน้ำนมแม่ที่เก็บไว้มีกลิ่นหืนแล้ว จะยังสามารถให้นมลูกได้อยู่หรือไม่? คำตอบคือ สามารถให้ลูกกินได้ค่ะ
น้ำนมแม่ที่มีกลิ่นหืนยังคงปลอดภัยสำหรับทารก ซึ่งจะไม่ทำให้ทารกท้องเสีย และแม้จะมีกลิ่นหืน แต่คุณค่าทางอาหารในน้ำนมแม่ก็ยังคงอยู่ครบถ้วน แต่หากลูกน้อยไม่ยอมดื่ม สามารถแก้ไขได้โดยการผสมกับนมสดใหม่ และค่อยๆ ปรับสัดส่วนจนลูกน้อยคุ้นเคย ไม่ควรอุ่นนม เพราะการอุ่นนมจะยิ่งทำให้น้ำนมมีกลิ่นหืนมากขึ้น ควรให้นมลูกในอุณหภูมิห้อง หรือแช่เย็นเล็กน้อย
วิธีเก็บนมแม่ สต็อกน้ำนมในช่องแช่แข็งอย่างไร ให้เหม็นหืนน้อยที่สุด ?
การเก็บรักษานมแม่ให้ถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อให้ลูกน้อยได้รับนมที่มีคุณค่าทางอาหารสูงสุดและปลอดภัยจากเชื้อโรคค่ะ นี่คือวิธีเก็บนมแม่ ในช่องแช่แข็งให้นานและมีกลิ่นหืนน้อยที่สุด
1. เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม
- อุปกรณ์ต้องสะอาด: เครื่องปั๊มนม ขวดนม และถุงเก็บนม ต้องสะอาดและผ่านการฆ่าเชื้ออย่างถูกวิธี
- เลือกภาชนะที่เหมาะสม: ถุงเก็บนมแบบหนาและแข็งแรง หรือขวดแก้วจะช่วยลดโอกาสที่อากาศจะเข้าไปสัมผัสกับนม ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของกลิ่นหืน
2. รีดอากาศออกให้หมด
- ลดช่องว่าง: ก่อนปิดฝาภาชนะ ควรรีดอากาศออกให้หมด เพื่อลดปริมาณออกซิเจนที่สัมผัสกับนม
- ป้องกันการเกิดคราบน้ำแข็ง: การรีดอากาศออกจะช่วยลดการเกิดคราบน้ำแข็งบนผิวน้ำนม ซึ่งอาจทำให้เกิดกลิ่นได้
3. เก็บในที่เหมาะสม
- ช่องแช่แข็ง: เลือกช่องแช่แข็งที่อุณหภูมิคงที่และเย็นจัด
- หลีกเลี่ยงผนัง: อย่าเก็บนมชิดผนังช่องแข็งที่มีระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ เพราะความชื้นอาจทำให้เกิดกลิ่นได้
- แยกจากอาหารอื่น: เก็บน้ำนมแยกจากอาหารอื่นๆ เพื่อป้องกันกลิ่นปนเปื้อน
4. ควบคุมอุณหภูมิ
- อุณหภูมิต่ำ: อุณหภูมิที่ต่ำมากจะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและชะลอปฏิกิริยาเคมีที่ทำให้เกิดกลิ่น
- อุณหภูมิคงที่: อุณหภูมิที่คงที่ตลอดเวลาจะช่วยรักษากุณภาพของนมแม่ได้ดีกว่า
5. ตรวจสอบอายุของนม
- ติดฉลาก: เขียนวันที่ปั๊มนมบนภาชนะทุกครั้ง เพื่อควบคุมอายุของนม
- FIFO: Fist In First Out นำนมที่ปั๊มก่อนมาใช้ก่อนเสมอ
6. หากนมมีกลิ่นหืน
- ผสมกับนมที่เพิ่งปั๊มใหม่: หากกลิ่นหืนไม่แรงมาก สามารถผสมกับนมที่เพิ่มปั๊มใหม่เพื่อลดความเข้มข้นของกลิ่น
- ปรับปริมาณ: ค่อยๆ เพิ่มสัดส่วนของนมสดใหม่ทีละน้อย เพื่อให้ลูกน้อยค่อยๆ ปรับตัว
- สังเกตอาการของลูก: หากลูกน้อยมีอาการผิดปกติหลังดื่มนมที่มีกลิ่น ควรปรึกษาแพทย์
เคล็ดลับเพิ่มเติม
- ปั๊มนมให้เร็วที่สุด: หลังจากปั๊มนมเสร็จ ควรรีบนำไปแช่แข็งทันที
- ใช้ภาชนะแก้ว: ภาชนะแก้วมีความคงทนและไม่ดูดซับกลิ่น
- หลีกเลี่ยงการละลายและแช่แข็งซ้ำ: การละลายและแช่แข็งซ้ำๆ จะทำให้น้ำนมเสียคุณภาพ
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม ควรปรึกษาแพทย์หรือที่ปรึกษาการให้นมบุตร
- เลือกภาชนะที่ปิดสนิท: เพื่อป้องกันไม่ให้อากาศเข้าไปสัมผัสกับนม
- เก็บในส่วนที่เย็นที่สุดของช่องแช่แข็ง: หลีกเลี่ยงการเก็บนมใกล้ประตูช่องแช่แข็ง
- อย่านำนมเข้าออกช่องแช่แข็งบ่อยครั้ง: การเปิด-ปิดช่องแช่แข็งบ่อยครั้งจะทำให้อุณหภูมิภายในเปลี่ยนแปลง และอาจส่งผลต่อคุณภาพของนม
การนำนมแม่ที่แช่แข็งมาใช้ ต้องละลายนมอย่างไร?
- ละลายนมในตู้เย็น: วิธีนี้เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด ควรนำนมออกจากช่องแช่แข็งมาไว้ในตู้เย็นช่องธรรมดาล่วงหน้าประมาณ 6-8 ชั่วโมง
- ละลายนมด้วยน้ำอุ่น: นำถุงนมแช่ในภาชนะที่มีน้ำอุ่นอุณหภูมิพอเหมาะ ไม่ควรใช้น้ำร้อนจัด
- อุ่นนม: หลังจากละลายนมแล้ว สามารถอุ่นนมด้วยวิธีต่างๆ เช่น นึ่งในหม้อนึ่ง หรือแช่ในน้ำอุ่น
การเก็บรักษานมแม่ให้ถูกวิธีจะช่วยให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารครบถ้วนและเติบโตอย่างแข็งแรง หากคุณแม่ปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้ จะช่วยให้เก็บนมแม่ได้นาน ลดปัญหาเรื่องกลิ่นหืนและทำให้คุณแม่มั่นใจได้ว่าลูกน้อยจะได้รับนมที่ดีที่สุดค่ะ หากมีข้อสงสัยใดๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการให้นมบุตรนะคะ
ที่มา : โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ , โรงพยาบาลวิชัยเวช , โรงพยาบาลเปาโล , โรงพยาบาลสมิติเวช
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
วิธีจัดเรียง สต๊อกนมแม่ และวิธีการเก็บนแม่ ในตู้แช่พื้นที่น้อย
คัดเต้าเป็นก้อน ปั๊มไม่ออก ทำอย่างไร เทคนิคนวดเต้านมก่อนปั๊ม
5 ผลไม้บำรุงน้ำนม เพิ่มน้ำนมให้กับคุณแม่น้ำนมน้อย