วิธีเก็บนมแม่ ทำตามง่าย เก็บน้ำนมได้นาน ไม่เหม็นหืน

ไขข้อข้องใจเกี่ยวกับ วิธีเก็บนมแม่ให้อยู่ได้นาน ไม่เหม็นหืน ปริมาณนมแม่ที่ควรสต็อก เคล็ดลับการปั๊มนม และการนำนมแม่แช่งแข็งมาใช้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารกแรกเกิด เนื่องจากมีสารอาหารครบถ้วนมากกว่า 200 ชนิด และมีภูมิคุ้มกันที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของลูกน้อย การเก็บรักษานมแม่ให้คงคุณค่าทางอาหารจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ลูกน้อยได้รับประโยชน์สูงสุดจากนมแม่ คุณแม่หลายท่านจึงอยากทราบวิธีการเก็บรักษานมแม่ให้ได้นานและปลอดภัย บทความนี้จะไขข้อข้องใจเกี่ยวกับ วิธีเก็บนมแม่ ตั้งแต่การเตรียมตัว ปริมาณนมแม่ที่ควรสต็อก การปั๊มนม และการนำนมแม่แช่งแข็งมาใช้ รวมถึงเคล็ดลับในการเก็บรักษานมแม่ให้อยู่ได้นานถึง 2 ปี และไม่เหม็นหืน เพื่อให้คุณแม่มั่นใจได้ว่าลูกน้อยจะได้รับนมแม่ที่มีคุณภาพดีที่สุด

ลูกน้อยควรได้รับนมแม่นานแค่ไหน?

องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้ทารกได้รับนมแม่แต่เพียงอย่างเดียวใน 6 เดือนแรก และควรให้นมแม่ควบคู่ไปกับอาหารเสริมจนถึงอายุอย่างน้อย 2 ปี หรือมากกว่านั้น การให้นมแม่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ ในเด็ก เช่น โรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด โรคอ้วน และโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ปริมาณนมที่ทารกต้องการจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอายุ น้ำหนัก และความถี่ในการให้นม โดยทั่วไปทารกแรกเกิดจะต้องการนมประมาณ 2-3 ออนซ์ต่อการให้นมแต่ละครั้ง และจะเพิ่มปริมาณขึ้นตามอายุ  คุณแม่สามารถสังเกตสัญญาณความหิวของลูกน้อย เช่น การดูดนิ้ว การร้องไห้ หรือการขยับปาก เพื่อประเมินปริมาณนมที่ลูกน้อยต้องการได้ค่ะ

วิธีเก็บนมแม่ สต็อกน้ำนมได้นานถึง 2 ปี

การสต็อกน้ำนมแม่เป็นวิธีที่ดีในการให้ลูกน้อยได้รับนมแม่อย่างต่อเนื่อง แม้ในวันที่คุณแม่ต้องออกไปทำงานหรือทำกิจกรรมอื่นๆ แต่ปริมาณน้ำนมที่ต้องสต็อกจะแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงวัยของลูกน้อย

การคำนวณปริมาณนมที่ต้องสต็อก

หากคุณแม่ต้องออกไปทำงาน ควรสต็อกน้ำนมให้เพียงพอต่อการให้นมลูกน้อยในระหว่างที่ไม่อยู่บ้าน วิธีการง่ายๆ คือ การสังเกตปริมาณนมที่ลูกน้อยกินในแต่ละมื้อ และคูณด้วยจำนวนมื้อที่คุณแม่จะไม่อยู่บ้าน เช่น ถ้าลูกน้อยกินนมมื้อละ 3 ออนซ์ และคุณแม่ไม่อยู่บ้าน 8 ชั่วโมง (ประมาณ 3 มื้อ) ก็ควรสต็อกนมประมาณ 9 ออนซ์ และเมื่อกลับมาจากทำงานก็ปั๊มน้ำนมคืนในปริมาณเท่าเดิม

เมื่อลูกน้อยโตขึ้น ความต้องการนมจะลดลง และลูกน้อยจะเริ่มทานอาหารเสริมควบคู่ไปด้วย ดังนั้น คุณแม่จึงควรปรับปริมาณนมที่สต็อกให้เหมาะสมกับวัยและความต้องการของลูกน้อย

อายุของลูก (วัน/เดือน) ปริมาณนมต่อครั้ง (ออนซ์) จำนวนครั้งต่อวัน ปริมาณนมที่ควรสต็อกต่อวัน (ออนซ์)
วันที่ 1-2 0.17 (1 ช้อนชา) 8-10 ครั้ง 1.36 – 1.7
3-30 วัน 1-1.5 8-10 ครั้ง 8-15
1 เดือน 2-4 7-8 ครั้ง 14-32
2-6 เดือน 4-6 5-6 ครั้ง 20-36
6-12 เดือน 6-8 4-5 ครั้ง 24-40
1 ขวบขึ้นไป 6-8 3-4 ครั้ง 18-32

หมายเหตุ: ตารางนี้เป็นเพียงค่าประมาณ เนื่องจากปริมาณนมที่ทารกต้องการจะแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล ปัจจัยอื่นๆ เช่น น้ำหนักตัว ความถี่ในการให้นม และการเจริญเติบโตของทารกก็มีผลต่อปริมาณนมที่ต้องกิน

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เคล็ดลับในการสต็อกน้ำนมแม่

  • เลือกภาชนะที่สะอาด ควรเลือกใช้ขวดนมหรือถุงเก็บนมที่ทำจากวัสดุปลอดภัย เช่น พลาสติกเกรดอาหาร หรือแก้ว และต้องล้างทำความสะอาดอย่างทั่วถึงก่อนนำมาใช้ทุกครั้ง
  • แบ่งปริมาณให้เหมาะสม แบ่งบรรจุน้ำนมในปริมาณที่พอดีกับการให้นมลูกน้อยแต่ละครั้ง เพื่อป้องกันการปนเปื้อนและลดการสูญเสียน้ำนม หากเหลือน้ำนมในขวด ควรนำไปอุ่นใหม่และให้ลูกน้อยดื่มให้หมดภายใน 1 ชั่วโมง
  • ติดฉลาก ติดฉลากระบุวันที่และเวลาที่ปั๊มนม เพื่อควบคุมอายุของนม และนำนมที่ปั๊มก่อนมาใช้ก่อนเสมอ
  • เก็บในที่เย็น การเก็บรักษาน้ำนมได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิที่ใช้ในการเก็บ
  • จัดระเบียบการเก็บ จัดเรียงลำดับการเก็บน้ำนมก่อนหลัง เพื่อสะดวกในการนำมาใช้ และง่ายต่อการควบคุมอายุของนม

ช่องแช่แข็งตู้เย็นประตูเดียว ตู้เย็นช่องแช่แข็งแบบประตูแยก  เก็บนมแม่ได้นานแค่ไหน

สถานที่เก็บรักษา อุณหภูมิโดยประมาณ (°C) ระยะเวลาที่เก็บได้
อุณหภูมิห้อง 27-32 3-4 ชั่วโมง
อุณหภูมิห้อง 16-26 4-8 ชั่วโมง
กระติกน้ำแข็ง (มีน้ำแข็งตลอดเวลา) 15 24 ชั่วโมง
ตู้เย็นช่องธรรมดา (ด้านในสุด) 0-4 3-5 วัน
ช่องแช่แข็ง ตู้เย็นประตูเดียว -15 2 สัปดาห์
ช่องแช่แข็ง ตู้เย็นประตูแยก -18 3-6 เดือน
ช่องแช่แข็งเย็นจัด (ตู้เย็นพิเศษ) -20 6-12 เดือน

หมายเหตุ: อายุการเก็บรักษาของนมแม่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อุณหภูมิของช่องแช่แข็ง คุณภาพของภาชนะ และวิธีการจัดเก็บ

วิธีเก็บนมแม่ สต๊อคนมถุงละกี่ออนซ์

ปริมาณนมในแต่ละถุงขึ้นอยู่กับความสะดวกในการใช้งานของแต่ละคน โดยทั่วไปจะแบ่งบรรจุน้ำนมประมาณ 2-4 ออนซ์ต่อถุง ซึ่งเป็นปริมาณที่เหมาะสมสำหรับการให้นมแต่ละครั้ง อย่างไรก็ตาม คุณแม่สามารถปรับปริมาณได้ตามความต้องการของลูกน้อย

สูตรในการปั๊มนม

ไม่มีสูตรตายตัวในการปั๊มนม แต่มีหลักการทั่วไปดังนี้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  • ระยะแรกหลังคลอด ควรปั๊มนมให้ได้ 8- 10 มื้อต่อวัน โดยปั๊มนมนานครั้งละ 15-20 นาที
  • ระยะ 2-3 เดือนแรกหลังคลอด ควรปั๊มอย่างน้อยทุก 5-6 ชั่วโมง โดยกลางคืนควรปั๊มอย่างน้อย 1 ครั้ง
  • ปั๊มทันทีหลังลูกดูดไปแล้ว 10-15 นาที หลังจากที่ลูกน้อยดูดนมจากเต้าข้างใดข้างหนึ่งไปแล้วประมาณ 10-15 นาที ให้ปั๊มนมออกจากเต้านั้นต่อทันที วิธีนี้จะช่วยให้เต้านมได้ถูกกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง และช่วยให้ร่างกายผลิตน้ำนมเพิ่มขึ้นได้ ช่วยให้ได้น้ำนมปริมาณที่มากขึ้น และช่วยป้องกันปัญหาเต้านมคัด
  • ปั๊มนมระหว่างมื้อนม หลังจากที่ลูกน้อยเข้าเต้าไปแล้วประมาณ 1 ชั่วโมง ให้ปั๊มนมพร้อมกันทั้ง 2 เต้า นาน 10-15 นาที การปั๊มนมระหว่างมื้อจะช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำนม และช่วยให้เต้านมว่างพร้อมสำหรับการให้นมลูกครั้งต่อไป ช่วยให้ได้น้ำนมสำรอง และช่วยให้เต้านมไม่คัด

อยากเก็บนมสต๊อคให้ลูก ต้องปั๊มนมอย่างไร?

เพื่อให้ได้น้ำนมปริมาณมากและมีคุณภาพดี ควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้

  • พักผ่อนให้เพียงพอ: การพักผ่อนที่เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายผลิตน้ำนมได้มากขึ้น
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: อาหารที่มีประโยชน์จะช่วยเพิ่มปริมาณและคุณภาพของน้ำนม
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การดื่มน้ำช่วยเพิ่มปริมาณน้ำนม
  • คลายเครียด: ความเครียดอาจส่งผลต่อการผลิตน้ำนม
  • เครื่องปั๊มนม: เลือกใช้เครื่องปั๊มนมที่เหมาะสมกับตัวเอง
  • ความถี่ในการปั๊ม: ยิ่งปั๊มนมบ่อยเท่าไร ร่างกายก็จะยิ่งผลิตน้ำนมออกมามากขึ้นเท่านั้น
  • ระยะเวลาในการปั๊ม: ควรปั๊มนมให้เกลี้ยงเต้าเพื่อกระตุ้นการผลิตน้ำนม
  • เครื่องปั๊มนม: เลือกใช้เครื่องปั๊มนมชนิดที่ปั๊มนมพร้อมกันทั้ง 2 ข้าง

ทำไมนมแม่ถึงเหม็นหืน

น้ำนมแม่มีเอนไซม์ชนิดหนึ่งชื่อ เอนไซม์ไลเปส ซึ่งทำหน้าที่ย่อยไขมันในน้ำนม เมื่อเก็บน้ำนมไว้เป็นเวลานาน เอนไซม์นี้จะทำงาน ทำให้น้ำนมมีกลิ่นหืนคล้ายกลิ่นสบู่ หรือกลิ่นคาว ปริมาณเอนไซม์ไลเปสในน้ำนมของแต่ละคนจะแตกต่างกัน ดังนั้น บางคนอาจสังเกตเห็นกลิ่นหืนชัดเจนกว่าคนอื่น

นมที่สต็อกเหม็นหืนหลังละลาย สามารถให้ลูกได้ไหม ?

หลายคนคงเคยสงสัยว่า เมื่อน้ำนมแม่ที่เก็บไว้มีกลิ่นหืนแล้ว จะยังสามารถให้นมลูกได้อยู่หรือไม่? คำตอบคือ สามารถให้ลูกกินได้ค่ะ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

น้ำนมแม่ที่มีกลิ่นหืนยังคงปลอดภัยสำหรับทารก ซึ่งจะไม่ทำให้ทารกท้องเสีย และแม้จะมีกลิ่นหืน แต่คุณค่าทางอาหารในน้ำนมแม่ก็ยังคงอยู่ครบถ้วน แต่หากลูกน้อยไม่ยอมดื่ม สามารถแก้ไขได้โดยการผสมกับนมสดใหม่ และค่อยๆ ปรับสัดส่วนจนลูกน้อยคุ้นเคย ไม่ควรอุ่นนม เพราะการอุ่นนมจะยิ่งทำให้น้ำนมมีกลิ่นหืนมากขึ้น ควรให้นมลูกในอุณหภูมิห้อง หรือแช่เย็นเล็กน้อย

 

วิธีเก็บนมแม่ สต็อกน้ำนมในช่องแช่แข็งอย่างไร ให้เหม็นหืนน้อยที่สุด ?

การเก็บรักษานมแม่ให้ถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อให้ลูกน้อยได้รับนมที่มีคุณค่าทางอาหารสูงสุดและปลอดภัยจากเชื้อโรคค่ะ นี่คือวิธีเก็บนมแม่ ในช่องแช่แข็งให้นานและมีกลิ่นหืนน้อยที่สุด

1. เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม

  • อุปกรณ์ต้องสะอาด: เครื่องปั๊มนม ขวดนม และถุงเก็บนม ต้องสะอาดและผ่านการฆ่าเชื้ออย่างถูกวิธี
  • เลือกภาชนะที่เหมาะสม: ถุงเก็บนมแบบหนาและแข็งแรง หรือขวดแก้วจะช่วยลดโอกาสที่อากาศจะเข้าไปสัมผัสกับนม ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของกลิ่นหืน

2. รีดอากาศออกให้หมด

  • ลดช่องว่าง: ก่อนปิดฝาภาชนะ ควรรีดอากาศออกให้หมด เพื่อลดปริมาณออกซิเจนที่สัมผัสกับนม
  • ป้องกันการเกิดคราบน้ำแข็ง: การรีดอากาศออกจะช่วยลดการเกิดคราบน้ำแข็งบนผิวน้ำนม ซึ่งอาจทำให้เกิดกลิ่นได้

3. เก็บในที่เหมาะสม

  • ช่องแช่แข็ง: เลือกช่องแช่แข็งที่อุณหภูมิคงที่และเย็นจัด
  • หลีกเลี่ยงผนัง: อย่าเก็บนมชิดผนังช่องแข็งที่มีระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ เพราะความชื้นอาจทำให้เกิดกลิ่นได้
  • แยกจากอาหารอื่น: เก็บน้ำนมแยกจากอาหารอื่นๆ เพื่อป้องกันกลิ่นปนเปื้อน

4. ควบคุมอุณหภูมิ

  • อุณหภูมิต่ำ: อุณหภูมิที่ต่ำมากจะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและชะลอปฏิกิริยาเคมีที่ทำให้เกิดกลิ่น
  • อุณหภูมิคงที่: อุณหภูมิที่คงที่ตลอดเวลาจะช่วยรักษากุณภาพของนมแม่ได้ดีกว่า

5. ตรวจสอบอายุของนม

  • ติดฉลาก: เขียนวันที่ปั๊มนมบนภาชนะทุกครั้ง เพื่อควบคุมอายุของนม
  • FIFO: Fist In First Out นำนมที่ปั๊มก่อนมาใช้ก่อนเสมอ

6. หากนมมีกลิ่นหืน

  • ผสมกับนมที่เพิ่งปั๊มใหม่: หากกลิ่นหืนไม่แรงมาก สามารถผสมกับนมที่เพิ่มปั๊มใหม่เพื่อลดความเข้มข้นของกลิ่น
  • ปรับปริมาณ: ค่อยๆ เพิ่มสัดส่วนของนมสดใหม่ทีละน้อย เพื่อให้ลูกน้อยค่อยๆ ปรับตัว
  • สังเกตอาการของลูก: หากลูกน้อยมีอาการผิดปกติหลังดื่มนมที่มีกลิ่น ควรปรึกษาแพทย์

เคล็ดลับเพิ่มเติม

  • ปั๊มนมให้เร็วที่สุด: หลังจากปั๊มนมเสร็จ ควรรีบนำไปแช่แข็งทันที
  • ใช้ภาชนะแก้ว: ภาชนะแก้วมีความคงทนและไม่ดูดซับกลิ่น
  • หลีกเลี่ยงการละลายและแช่แข็งซ้ำ: การละลายและแช่แข็งซ้ำๆ จะทำให้น้ำนมเสียคุณภาพ
  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม ควรปรึกษาแพทย์หรือที่ปรึกษาการให้นมบุตร
  • เลือกภาชนะที่ปิดสนิท: เพื่อป้องกันไม่ให้อากาศเข้าไปสัมผัสกับนม
  • เก็บในส่วนที่เย็นที่สุดของช่องแช่แข็ง: หลีกเลี่ยงการเก็บนมใกล้ประตูช่องแช่แข็ง
  • อย่านำนมเข้าออกช่องแช่แข็งบ่อยครั้ง: การเปิด-ปิดช่องแช่แข็งบ่อยครั้งจะทำให้อุณหภูมิภายในเปลี่ยนแปลง และอาจส่งผลต่อคุณภาพของนม

การนำนมแม่ที่แช่แข็งมาใช้ ต้องละลายนมอย่างไร?

  • ละลายนมในตู้เย็น: วิธีนี้เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด ควรนำนมออกจากช่องแช่แข็งมาไว้ในตู้เย็นช่องธรรมดาล่วงหน้าประมาณ 6-8 ชั่วโมง
  • ละลายนมด้วยน้ำอุ่น: นำถุงนมแช่ในภาชนะที่มีน้ำอุ่นอุณหภูมิพอเหมาะ ไม่ควรใช้น้ำร้อนจัด
  • อุ่นนม: หลังจากละลายนมแล้ว สามารถอุ่นนมด้วยวิธีต่างๆ เช่น นึ่งในหม้อนึ่ง หรือแช่ในน้ำอุ่น

การเก็บรักษานมแม่ให้ถูกวิธีจะช่วยให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารครบถ้วนและเติบโตอย่างแข็งแรง หากคุณแม่ปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้ จะช่วยให้เก็บนมแม่ได้นาน ลดปัญหาเรื่องกลิ่นหืนและทำให้คุณแม่มั่นใจได้ว่าลูกน้อยจะได้รับนมที่ดีที่สุดค่ะ หากมีข้อสงสัยใดๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการให้นมบุตรนะคะ

ที่มา :  โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ , โรงพยาบาลวิชัยเวช , โรงพยาบาลเปาโล , โรงพยาบาลสมิติเวช

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

วิธีจัดเรียง สต๊อกนมแม่ และวิธีการเก็บนแม่ ในตู้แช่พื้นที่น้อย

คัดเต้าเป็นก้อน ปั๊มไม่ออก ทำอย่างไร เทคนิคนวดเต้านมก่อนปั๊ม

5 ผลไม้บำรุงน้ำนม เพิ่มน้ำนมให้กับคุณแม่น้ำนมน้อย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา