‘แป้งผสมรองพื้น’ เป็นอีกหนึ่งไอเทมเครื่องสำอางที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะด้วยคุณสมบัติของการใช้งานที่สามารถใช้งานได้ง่ายไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ หรือ มืออาชีพก็สามารถใช้ได้ เป็นไอเทมเครื่องสำอางที่จะช่วยเสกผิวหน้าให้สวย เรียบเนียน ช่วยปกปิดจุดบกพร่องได้ในพริบตา ! แต่.. หลายคนก็อาจจะยังไม่รู้ว่าควรเลือกแป้งผสมรองพื้นอย่างไร วันนี้ TAP จึงมี วิธีเลือกแป้งผสมรองพื้น มาฝากว่าควรเลือกอย่างไร เพื่อให้ได้แป้งผสมรองพื้นที่ตรงใจ เหมาะกับสภาพผิว และ ช่วยให้แป้งติดทนตลอดทั้งวัน
แป้งผสมรองพื้น VS แป้งไม่ผสมรองพื้น ต่างกันอย่างไร ?
เชื่อว่าหลายคนที่เห็นหน้าตาของไอเทมเครื่องสำอางแป้งที่บรรจุอยู่ในตลับอาจจะแยกไม่ออกว่าอะไรคือความแตกต่าง ต้องบอกว่าแป้งที่อยู่ในตลับจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
- แป้งผสมรองพื้น (Powder Foundation)
- แป้งไม่ผสมรองพื้น (Pressed Powder)
ซึ่งแป้งทั้ง 2 ประเภทนี้ จะมีหน้าที่ และ คุณสมบัติที่ต่างกัน อย่างเช่น แป้งผสมรองพื้น (Powder Foundation) จะเน้นในเรื่องของการให้ความปกปิดจุดบกพร่องต่าง ๆ บนใบหน้า อาทิ เช่น รอยดำ รอยคล้ำ รอยสิว สีผิวที่ไม่สม่ำเสมอกัน ช่วยให้ผิวหน้ามีความเรียบเนียน ช่วยควบคุมความมัน เน้นการปกปิดทำให้ผิวดูสวย ในขณะที่ แป้งไม่ผสมรองพื้น (Pressed Powder) จะเน้นในเรื่องของการเซตเครื่องสำอาง อาทิ เช่น รองพื้น คอนซีลเลอร์ ช่วยกระจายแสงให้ผิวหน้า ระดับการปกปิดจะน้อยกว่าแต่จะให้ความรู้สึกที่เบาสบายผิวหน้านั่นเองค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : บอกต่อ ! 10 แป้งคุมมัน ไม่อุดตัน กันน้ำ กันเหงื่อ ป้องกันสิว ใช้แล้วหน้าไม่เยิ้ม
บอกต่อ วิธีเลือกแป้งผสมรองพื้น by TAP
1. วิธีเลือกแป้งผสมรองพื้น : จากเฉดสีผิวของตนเอง
หลาย ๆ คนอาจจะมีปัญหาในการใช้แป้งผสมรองพื้นแล้วรู้สึกว่าหน้าลอย หน้าเทา ซึ่งต้องบอกว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหานี้ คือการเลือกสีแป้งผสมรองพื้นไม่ตรงกับเฉดสีผิวของตัวเองนั่นเองค่ะ เพราะเฉดสีผิวของแต่ละคนก็จะมีความแตกต่างกัน บางคนอาจจะซื้อแป้งจากการดูรีวิวของ Beauty Blogger ที่มีสีผิวขาวกว่าตัวเองแล้วไปซื้อตาม หรือใช้การเดาสุ่มโดยที่ไม่ได้ลองเฉดสีของแป้งว่าเข้ากับสีผิวของตัวเองหรือไม่ จึงทำให้มีปัญหาหน้าเทา หน้าลอย หน้าหมองหลังจากใช้แป้งผสมรองพื้นได้ค่ะ เพราะฉะนั้น วิธีเลือกแป้งผสมรองพื้น ที่ถูกต้องควรเริ่มจากการเลือกสีแป้งผสมรองพื้นให้ตรงกับสีผิวของตัวเอง ดังนี้..
-
Cool Undertones หรือ ผิวโทนชมพู
สำหรับคนที่มีสีผิวอมชมพู โดยสามารถสังเกตได้จากเส้นเลือดบริเวณข้อมือถ้าหากเส้นเลือดที่เห็นเป็นสีม่วง หรือ สีฟ้า แปลว่าคุณมีผิวในอมชมพู ซึ่งจะเหมาะกับแป้งที่มีสีขาวอมชมพู ขาวนวล ๆ ไม่ติดเหลืองนั่นเองค่ะ จะทำให้เวลาทาแป้งผสมรองพื้นแล้วหน้าจะยิ่งผ่องมีออร่า หน้าไม่ดรอป ไม่หมองระหว่างวัน
-
Warm Undertones หรือ ผิวโทนเหลือง
ในส่วนของคนที่มีผิวโทนขาวเหลือง ผิวเหลือง โดยสามารถดูได้จากเส้นเลือดบริเวณข้อมือจะมีสีเขียว ซึ่งจะเหมาะกับการใช้แป้งผสมรองพื้นในโทนเหลือง หรือ สีเนื้อ เพราะจะช่วยปรับสภาพสีผิวให้มีความเรียบเนียน ไม่วอก ไม่ลอย ดูเป็นธรรมชาตินั่นเองค่ะ
-
Neutral Undertones หรือ ผิวโทนธรรมชาติ
คนที่มีเส้นเลือดบริเวณข้อมือเป็นสีเขียว และ สีฟ้าผสมกันจัดอยู่ในกลุ่มคนที่มีสีผิวธรรมชาติ หรือ Neutral Undertones ซึ่งจะเป็นกลุ่มคนที่สามารถใช้แป้งได้ทั้ง 2 เฉดสี ทั้งโทนชมพู และ โทนเหลือง ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน
TIPS by TAP : ถ้าหากอยากให้ผิวหน้ามีความขาวกระจ่างใสมีออร่า แนะนำให้เลือกใช้แป้งผสมรองพื้นโทนชมพู แต่ถ้าอยากให้ผิวหน้าดูมีความเป็นธรรมชาติ แนะนำให้ใช้แป้งผสมรองพื้นโทนเหลืองค่ะ
-
Olive Undertones / Dark Skin หรือ ผิวคล้ำ ผิวสองสี
และสำหรับคนที่มีผิวคล้ำ ผิวเข้ม หรือ ผิวสองสี ควรหลีกเลี่ยงการเลือกใช้แป้งผสมรองพื้นที่ติดโทนอมชมพู เพราะ 100% ถ้าใช้แป้งในโทนนี้จะทำให้หน้าลอย หน้าเทา หน้าวอกอย่างแน่นอน ! ควรเลือกแป้งผสมรองพื้นที่มีสีเข้มกว่าปกติ หรือ สีเนื้อที่มีความเข้มขึ้นมา 1 – 2 เฉดสี จะช่วยทำให้ผิวหน้ามีความเรียบเนียน สีผิวมีความสม่ำเสมอ และหน้าไม่วอก ไม่ลอย หน้าไม่เทา
2. วิธีเลือกแป้งผสมรองพื้น : จากสภาพผิว
โดยส่วนมากสาว ๆ ที่เลือกใช้แป้งผสมรองพื้นมักจะมีสภาพผิวที่เป็นผิวธรรมดา ผิวผสม หรือ ผิวมันเป็นส่วนมาก เพราะสาว ๆ ที่มีสภาพผิวแห้งมักจะรู้สึกว่าแป้งผสมรองพื้นใช้แล้วหน้าจะมีความแห้ง หรือ เป็นคราบได้ง่าย เพราะฉะนั้นการเลือกแป้งผสมรองพื้นให้เหมาะกับสภาพผิวก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สามารถทำให้มีผิวหน้าที่สวยเด้งได้นั่นเองค่ะ
TIPS by TAP :
-
สำหรับสาว ๆ ที่มีสภาพผิวธรรมดา ผิวผสม ผิวมัน
ควรเลือกแป้งผสมรองพื้นที่เป็นสูตร Oil Control ที่จะช่วยควบคุมความมันได้ยาวนานตลอดทั้งวัน และไม่ควรซับหน้าด้วยกระดาษซับมัน เพราะจะทำให้ผิวหน้ามันได้เร็วมากยิ่งขึ้น ถ้าหากต้องการซับหน้าควรใช้กระดาษทิชชูค่อย ๆ กดซับ เพื่อซับความมันส่วนเกินออกจะทำให้ผิวหน้าสวย เนียน เด้ง และหน้ามันน้อยลงนั่นเองค่ะ
-
สำหรับสาว ๆ ที่มีสภาพผิวแห้ง
ถ้าหากอยากใช้แป้งผสมรองพื้นควรเลือกแป้งผสมรองพื้นที่ช่วยมอบความชุ่มชื้นให้กับผิว หรือ เลือกแป้งผสมรองพื้นสูตร Glow มากกว่าสูตร Matte หรือ Oil Control และอาจจะใช้เทคนิคที่จะช่วยทำให้แป้งผสมรองพื้นไม่เป็นคราบ คือหลังจากทาแป้งผสมรองพื้นเสร็จแล้วแนะนำให้ฉีดสเปรย์น้ำแร่ให้ฉ่ำ ๆ ลงบนผิวหน้าและเป่าให้แห้งจะทำให้แป้งผสมรองพื้นที่ทาลงไปบนผิวหน้ามีความฉ่ำ วาว โกลว์ ไม่แห้งเป็นคราบอีกด้วยค่ะ
3. วิธีเลือกแป้งผสมรองพื้น : จากสารกันแดด หรือ ค่า SPF
เนื่องจากว่าแป้งผสมรองพื้นเป็นไอเทมที่จะช่วยให้ประหยัดเวลาในการแต่งหน้า หรือ มักถูกหยิบมาใช้ในวันที่เร่งรีบ จึงควรเลือกแป้งผสมรองพื้นที่สารกันแดด หรือ ค่า SPF 30 ขึ้นไป เพราะจะช่วยปกป้องผิวหน้าจากรังสียูวี แสงแดด และ ยังช่วยเสริมประสิทธิภาพของครีมกันแดดที่ทาไปก่อนหน้าได้อีกด้วยค่ะ
ข้อควรรู้ by TAP : ถึงแม้ว่าแป้งผสมรองพื้นจะมีค่า SPF สูงแค่ไหนแต่สาว ๆ ก็ไม่ควรที่จะเลย หรือ ข้ามขั้นตอนการทาครีมกันแดดอย่างเด็ดขาด ! เพราะว่าประสิทธิภาพของการปกป้องผิวจากแสงแดดอาจจะแทนกันไม่ได้ และปัญหาผิวส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นสิว ผิวหมองคล้ำ หน้าโทรม ฝ้า กระ ล้วนแล้วแต่เกิดจากแสงแดด และ รังสียูวีทั้งนั้น เพราะฉะนั้นต้องทาครีมกันแดดเป็นประจำเหมือนกับการทาครีมบำรุงผิวเลยค่ะ
และทั้งหมดนี้ก็เป็น วิธีเลือกแป้งผสมรองพื้น ที่ TAP ได้นำมาฝากสาว ๆ ที่ชอบใช้แป้งผสมรองพื้น ซึ่งหวังว่าจะทำให้การเลือกซื้อแป้งผสมรองพื้นของสาว ๆ ในครั้งถัดไป สาว ๆ จะสามารถเลือกแป้งผสมรองพื้นได้อย่างถูกใจ ตรงกับสภาพผิว และ ความต้องการ เพื่อลดปัญหาใช้แป้งผสมรองพื้นแล้วหน้าวอก หน้าลอย หน้าเทา แต่ช่วยให้มีผิวหน้าที่เรียบเนียน หน้าผ่องมีออร่า และแป้งติดทนนานตลอดทั้งวัน !
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
บอกต่อ ! 10 รองพื้นติดทน คุมมัน หน้าปัง ปกปิดกริบ ผิวเรียบเนียน
ป้ายยา ! 10 แปรงลงรองพื้น ใช้แล้วผิวเนียนกริบ เกลี่ยง่าย หน้าเป๊ะ ไม่เป็นคราบ
รองพื้นบำรุงผิว ! 10 Tinted Moisturizer ยี่ห้อไหนดี ติดทน บางเบา ผิวสวยใสฉ่ำเป๊ะ
ที่มา : trueid
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!