สำหรับคุณพ่อ – คุณแม่ที่กำลังสนใจอยากซื้อ เครื่องนึ่งขวดนม มาใช้เพื่อช่วยทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรค และกำจัดเชื้อแบคทีเรียในขวดนมของลูกน้อยบอกเลยว่าพลาดไม่ได้ ! เพราะวันนี้ theAsianparent ได้รวบรวม วิธีเลือกเครื่องนึ่งขวดนม มาฝาก ! เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกซื้อเครื่องนึ่งขวดนมให้มีความเหมาะสม และมีประสิทธิภาพในการใช้งานมากที่สุด ! ถ้าหากคุณพ่อ – คุณแม่อยากรู้แล้วว่า เครื่องนึ่งขวดนม ควรเลือกซื้ออย่างไรตามไปดูวิธีเลือกซื้อได้เลยค่ะ
แนะนำ วิธีเลือกเครื่องนึ่งขวดนม by TAP
1. วิธีเลือกเครื่องนึ่งขวดนม
เลือกจากประเภทของเครื่องนึ่งขวดนม
ซึ่งในปัจจุบันนี้เครื่องนึ่งขวดนมจะมีมากมายหลากหลายแบบ แต่โดยหลัก ๆ แล้วจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ เครื่องนึ่งขวดนมแบบไฟฟ้า และ เครื่องนึ่งขวดนมแบบนึ่งในไมโครเวฟ โดยที่ทั้ง 2 แบบก็จะมีข้อดี และ ข้อด้อยที่แตกต่างกันออกไปค่ะ
เป็นเครื่องนึ่งขวดนมที่จะอาศัยความร้อนจากไอน้ำในการฆ่าเชื้อโรค แต่ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาฆ่าเชื้อในการนึ่งขวดนม ซึ่งจะใช้เวลาในการนึ่งขวดนมประมาณ 5 – 15 นาที ขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อ และกำลังไฟฟ้าของเครื่องนึ่งขวดนมแต่ละรุ่น หลังจากนึ่งเสร็จจะคงสภาพปลอดเชื้อขณะปิดฝาได้ประมาณ 24 ชั่วโมง
ซึ่งข้อดีของเครื่องนึ่งขวดนมแบบไฟฟ้า คือจะมีระบบอบแห้งที่จะช่วยลดการสะสมของเชื้อรา และความอับชื้น ทำให้คุณพ่อ – คุณแม่สามารถมั่นใจในเรื่องของความสะอาดได้ และเมื่ออบแห้งขวดนมเสร็จก็สามารถใช้งานได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลารอให้ขวดนมแห้งเองตามธรรมชาติ แต่ส่วนข้อด้อยคือ จะมีราคาที่ค่อนข้างสูง ขนาดใหญ่ และทำความสะอาดยาก อีกทั้งยังไม่ค่อยสะดวกต่อการพกพานั่นเองค่ะ
-
เครื่องนึ่งขวดนมแบบไมโครเวฟ
โดยเครื่องนึ่งขวดนมแบบนี้จะอาศัยความร้อนจากไอน้ำในการฆ่าเชื้อโรคเช่นเดียวกับเครื่องนึ่งขวดนมแบบไฟฟ้า (แต่บางรุ่นจะต้องใช้ร่วมกับน้ำยาฆ่าเชื้อ) โดยจะใช้เวลาประมาณ 3 – 10 นาที ในการนึ่งขวดนม เพื่อฆ่าเชื้อโรค และเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งจะขึ้นกับกำลังไฟฟ้าที่เลือกใช้ และโดยส่วนใหญ่หลังจากนึ่งเสร็จหากปิดฝาไว้จะสามารถคงสภาพปลอดเชื้อได้ถึง 24 ชั่วโมงเช่นเดียวกับเครื่องนึ่งขวดนมแบบไฟฟ้า ซึ่งช่วงเวลาอาจแตกต่างกันในแต่ละยี่ห้อ และแต่ละรุ่น
ข้อดีของเครื่องนึ่งขวดนมแบบไมโครเวฟ คือราคาไม่แพงมาก มีขนาดที่กะทัดรัด พกพาได้สะดวก รวมถึงน้ำหนักเบากว่าเครื่องนึ่งขวดนมแบบไฟฟ้า อีกทั้งยังใช้งานง่าย และฆ่าเชื้อโรคได้รวดเร็ว แต่จะมีข้อด้อยตรงที่ไม่มีระบบอบแห้งในตัว และต้องเสียเวลาทำความสะอาดไมโครเวฟให้ปราศจากเศษอาหาร และกลิ่นก่อนใช้ทุกครั้งจึงอาจทำให้เสียเวลาในการนึ่งขวดนมมากกว่าปกติ
บทความที่เกี่ยวข้อง : 10 น้ำยาล้างขวดนม ที่ดีที่สุดสำหรับเด็ก ปลอดภัยสำหรับลูกรัก
2. วิธีเลือกเครื่องนึ่งขวดนม
จากระบบฆ่าเชื้อ
โดยเครื่องนึ่งขวดนมส่วนมากจะใช้วิธีการอบลมร้อน เพื่อเป่าสิ่งของให้แห้งสนิท แต่นอกจากการฆ่าเชื้อด้วยการนึ่งแล้ว ในเครื่องนึ่งขวดนมบางรุ่น บางยี่ห้อก็ยังมีระบบการฆ่าเชื้อแบบ Sterilize, ระบบ ION และระบบ UV อีกด้วยค่ะ โดยแต่ละระบบก็จะมีกลไกการทำงานที่ไม่เหมือนกัน อาทิ เช่น
- ระบบ Sterilize : จะเป็นระบบการอบแบบทั่วไปที่มีในเครื่องนึ่งขวดนม โดยที่ระบบนี้จะทำงานผ่านระบบการอบแห้งเหมือนกับระบบ ION แต่ระบบการอบแห้งด้วย ION จะมีฟังก์ชันการปล่อยประจุ เพื่อดักจับสิ่งสกปรก รวมถึงเชื้อโรคที่ลอยอยู่ในอากาศ และพื้นผิวซึ่งจะช่วยทำให้สิ่งของ (ขวดนมของลูกน้อย) มีความสะอาดมากยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ
- ระบบการฆ่าเชื้อด้วยแสง UV :โดยระบบนี้จะเป็นการอบแห้ง และ ฆ่าเชื้อไปพร้อมกัน ซึ่งภายในจะมีหลอดไฟ UV เพื่อเลียนแบบแสงจากธรรมชาติในระดับที่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยข้อดีของระบบ UV คือจะสามารถลดกลิ่นอับได้เป็นอย่างดีในระยะเวลาที่มีความรวดเร็ว ทำให้ประหยัดเวลาในการอบนั่นเองค่ะ
3. วิธีเลือกเครื่องนึ่งขวดนม
แนะนำให้เลือกเครื่องนึ่งขวดนมที่มีระบบอบแห้งในตัว
การทำงานของเครื่องนึ่งขวดนมจะมีขั้นตอนในการดึงไอน้ำร้อนขึ้นมา เพื่อทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรค และเชื้อแบคทีเรียของขวดนมที่อยู่ด้านใน และเมื่อทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยแล้วขวดนมของลูกน้อยจะไม่ได้แห้งไปในทันที ซึ่งเมื่อปล่อยทิ้งไว้ในเครื่องนึ่งเป็นเวลานานจะทำให้ขวดนมเกิดกลิ่นอับ อีกทั้งยังอาจจะทำให้มีปัญหาเชื้อแบคทีเรีย และ เชื้อราตามมาได้อีกด้วยค่ะ แทนที่ขวดนมของลูกจะสะอาดกลายเป็นว่าเป็นแหล่งรวมของเชื้อโรคแทน ซึ่งอาจจะส่งผลต่อสุขภาพของลูกน้อยได้
เพราะฉะนั้นเครื่องนึ่งขวดนมที่มีระบบอบแห้งในตัวจึงเป็นเครื่องนึ่งขวดนมที่อยากแนะนำ เพราะหลังจากนึ่งขวดนมเสร็จแล้วตัวเครื่องก็จะมีระบบที่จะทำหน้าที่คล้ายกับการผึ่งลมด้วยการเป่าลมร้อน เพื่อช่วยให้ขวดนมด้านในเครื่องนึ่งแห้งสนิทได้เร็วขึ้น และช่วยฆ่าเชื้ออีกครั้งเพื่อความสะอาดที่หมดจด ส่งผลดีต่อสุขภาพ และสุขอนามัยของลูกน้อย
4. วิธีเลือกเครื่องนึ่งขวดนม
จากขนาดของเครื่องนึ่งขวดนมที่สามารถวางขวดนมได้เยอะ
และสำหรับวิธีเลือกเครื่องนึ่งขวดนมวิธีสุดท้ายที่ theAsianparent อยากแนะนำก็คือ แนะนำให้คุณพ่อ – คุณแม่เลือกซื้อเครื่องนึ่งขวดนมที่มีขนาดที่ค่อนข้างกว้างสามารถวางขวดนมได้เยอะ (หลาย ๆ ขวด) และสามารถวางขวดนมที่มีดีไซน์คอขวดกว้าง ๆ ได้ เพราะเครื่องนึ่งขวดนมที่ดีเวลาที่วางขวดนมของลูกน้อยเข้าไปนึ่งขวดนมจะต้องไม่เบียด หรือ แออัดมากจนเกินไป เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพในการทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรค กำจัดแบคทีเรียได้ไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้นการเลือกซื้อเครื่องนึ่งขวดนมจึงควรเลือกขนาดที่มีความกว้างสามารถรองรับการวางขวดนมแล้วยังมีพื้นที่เหลือ เพื่อให้ไอความร้อนได้กระจายตัวอย่างทั่วถึงนั่นเองค่ะ
คำแนะนำการใช้เครื่องนึ่งขวดนม by TAP
1. ต้องวางขวดนมที่ผ่านการล้างทำความสะอาดมาแล้วเท่านั้น! แนะนำให้คุณพ่อ – คุณแม่ล้างขวดนมด้วยผลิตภัณฑ์สำหรับล้างทำความสะอาดขวดนมก่อน หลังจากนั้นให้ล้างน้ำให้สะอาดก่อนนำไปใส่ในเครื่องนึ่งขวดนม
TIPS by TAP : ไม่ควรวางขวดนมที่ยังไม่ได้ล้าง หรือ ขวดนมที่มีคราบสิ่งสกปรกในเครื่องนึ่งขวดนมเด็ดขาด เพราะเครื่องนึ่งขวดนมมีวัตถุประสงค์ในการใช้งาน เพื่อฆ่าเชื้อโรค และ เชื้อแบคทีเรียที่ขวดนมที่ผ่านการทำความสะอาดมาก่อนแล้วเท่านั้น
2. แนะนำให้กำจัดคราบตะกรันอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อลดคราบตะกรันของตัวเครื่องนึ่งขวดนม ป้องกันการก่อตัวของเกล็ด หรือ คราบตะกรันที่สะสมฝังแน่นจนทำความสะอาดเครื่องนึ่งขวดนมได้ยาก และเพื่อความสะอาดของเครื่องนึ่งขวดนมด้วยจะได้ไม่มีเชื้อโรค หรือสิ่งสกปรกติดไปกับขวดนมของลูกน้อย
และทั้งหมดนี้ก็เป็น วิธีเลือกเครื่องนึ่งขวดนม พร้อมคำแนะนำในการใช้งานที่ theAsianparent ได้นำมาฝากสำหรับคุณพ่อ – คุณแม่ที่กำลังสนใจอยากซื้อเครื่องนึ่งขวดนมสามารถใช้วิธีเลือกเหล่านี้ไปประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อเครื่องนึ่งขวดนมได้เลยค่ะ เพื่อให้ได้เครื่องนึ่งขวดนมที่มีประสิทธิภาพ ใช้งานได้ดี คุ้มค่า และสามารถใช้งานได้นาน
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
10 เครื่องนึ่งขวดนม ยี่ห้อไหนดี ปลอดภัย ปี 2023
แนะนำ 9 กล่องเก็บขวดนม ป้องกันสิ่งสกปรกได้ดี ปลอดภัยต่อลูกน้อย
10 น้ำยาล้างขวดนม ที่ดีที่สุดสำหรับเด็ก ปลอดภัยสำหรับลูกรัก
ที่มา : theasianparent
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!