วิธีการตรวจครรภ์ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ผู้หญิงหลายคนถามหา เมื่อครั้งที่ประจำเดือนขาด โดยเฉพาะในช่วงที่ย้อนหลังไปมีเพศสัมพันธ์โดยขาดการป้องกัน หรือการป้องกันไม่ได้ประสิทธิภาพเต็มที่ อาทิ ถุงยางอนามัยฉีกขาด รวมไปถึงการลืมกินยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน โดยเรื่องที่ต้องสงสัยเป็นอันดับแรกก็คือเรื่องของ “การตั้งครรภ์” หรือ “ตั้งท้อง” นั่นเอง
วิธีการพิสูจน์ให้ทราบว่าตนเอง “ตั้งครรภ์” หรือไม่นั้น มีวิธีที่สามารถทำได้หลายวิธี ที่จะใช้เป็นหลักฐานและตรวจยืนยันได้ โดยส่วนใหญ่แล้วข้อกังวลที่สงสัยว่าเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์หรือไม่นั้น สามารถเริ่มได้จากการสังเกตอาการเริ่มต้นก่อนก็ได้
บทความที่น่าสนใจ ควรตรวจครรภ์ตอนไหน ตอนเช้า หรือตอนเย็น เพื่อผลลัพธ์ที่แม่นยำที่สุด ?
เช็กอาการที่บ่งบอกว่าตั้งท้องก่อนถามหา วิธีการตรวจครรภ์
- ประจำเดือนขาดหรือประจำเดือนเลื่อน ไม่มาตามกำหนด
- รู้สึกป่วยหรือไม่สบาย มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน รวมไปถึงความรู้สึกที่ไวต่ออาหารที่ไม่เคยเป็น
- หน้าอกมีความเปลี่ยนแปลง ที่บางครั้งอาจมีขนาดขยายใหญ่ขึ้นหรือหัวนมดำคล้ำ
- ท้องอืด ท้องเฟ้อ เนื่องจากการตั้งครรภ์ในช่วงแรกฮอร์โมนจะทำให้เกิดอาการเหล่านี้ได้
- ฉี่บ่อย เนื่องจากฮอร์โมนที่ปรับเปลี่ยนให้เลือดไหลผ่านไตมากขึ้น ทำให้กระเพาะปัสสาวะรับน้ำมากขึ้น
- อารมณ์แปรปรวนง่ายที่พบได้บ่อยในคุณแม่ตั้งครรภ์ ทั้งอารมณ์ดีใจ, เสียใจ, หดหู่, กังวล ที่เป็นผลกระทบเนื่องมาจากฮอร์โมน
- เหนื่อยและเพลียง่ายขึ้น เพราะระดับโพรเจสเทอโรนเพิ่มขึ้น ที่ทำให้รุ้สึกง่วงและอยากนอนมากขึ้น
วิธีการตรวจครรภ์ที่ 1. ด้วยชุดทดสอบการตั้งครรภ์
วิธีการตรวจที่ง่ายและสะดวกที่สุด คือการตรวจด้วยชุดทดสอบการตั้งครรภ์ สามารถหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อ หรือ ร้านขายยา โดยอุปกรณ์การตรวจตั้งครรภ์โดยการตรวจด้วยปัสสาวะมีอยู่ 3 แบบ ได้แก่ แบบจุ่ม( Test Strip), แบบหยด (Pregnancy Test Cassette) หรือแบบปัสสาวะผ่าน (Pregnancy Midstream Tests) ซึ่งเป็นแบบที่นิยมใช้มากที่สุด โดยมีหลายยี่ห้อและหลายราคา โดยประมาณจะอยู่ที่ 100 บาท
การแสดงผลของชุดตรวจ จะแสดงผลเป็นแถบขีดสีแดงเป็นส่วนใหญ่ โดยเป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่า หากผลการตรวจขึ้น 2 ขึ้น เท่ากับว่าผลเป็น Positive คือมีโอกาสตั้งครรภ์สูง และการแสดงผลขีดเดียว คือผลเป็นลบหรือไม่ตั้งครรภ์ แต่ทั้งนี้การทดสอบควรจะต้องคำนึงถึงปัจจัยต่อไปนี้ด้วย
- ช่วง 0-6 วันหลังจากปฏิสนธิ ระดับฮอร์โมนยังต่ำมาก มีโอกาสตรวจไม่พบ ควรตรวจซ้ำอีก 14 วัน
- ชุดตรวจการตั้งครรภ์ทั่วไปจะให้ผลทดสอบที่แม่นยำ เฉลี่ยแล้วถูกต้องราว 97% โดยแต่ละยี่ห้อจะมีค่าความไว หรือ Sensitivity บอกไว้ ทำให้สามารถอ่านผลได้อย่างแม่นยำตั้งแต่เนิ่น ๆ ควรอ่านข้อมูลให้ชัดเจนก่อนซื้อ
- “ผลบวกลวง” หรือที่ตรวจแสดง 2 ขีด แต่ไม่ได้ตั้งครรภ์ มีได้หลายสาเหตุ เช่น
– กระเพาะปัสสาวะอักเสบ มีเลือดหรือไข่ขาวในปัสสาวะ
– ชุดทดสอบการตั้งครรภ์เสื่อประสิทธิภาพ
– ใช้ชุดตรวจระหว่างที่ทานยาบางชนิด
– คนที่น้ำหนักมากหรือเป็นโรคไทรอนด์ อาจตรวจไม่เจอเนื่องจากฮอร์โมนมีความผิดปกติ - “ผลลบลวง” หรือที่ตรวจแสดงผลขีดเดียว แต่แท้จริงแล้วกำลังตั้งครรภ์ อาจจะเกิดได้จากขาดความเข้มข้นของปัสสาวะที่ตรวจ, ตรวจเร็วเกินกว่าการปฏิสนธิของไข่ หรือตรวจตอนท้องเกินกว่า 4 เดือน
วิธีการตรวจครรภ์ ที่ 2. โดยห้องปฏิบัติการ
การตรวจด้วยวิธีนี้เรียกกันว่า “Urine Pregnancy test” หรือ ยูพีที (UPT) ก็คล้ายกับการตรวจด้วยตนเอง แต่จะเป็นแบบจุ่ม (Test Strip) หรือแบบหยด (Pregnancy Test Cassette) ราคาโดยประมาณอยู่ที่ 300 บาท ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงพยาบาล
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลแล้ว เจ้าหน้าที่จะให้กระป๋องเพื่อเก็บปัสสาวะไปให้ห้องแล็บตรวจให้ โดยทั่วไปแล้วค่าความไว หรือ Sensitivity จะอยู่ที่ 20-25 mIU/ml ทำให้ตรวจได้แม้ระดับฮอร์โมนยังไม่สูงมากนัก และแปลผลโดยนักเทคนิคการแพทย์
วิธีการตรวจครรภ์ที่ 3. ด้วยการเจาะเลือด
การตรวจด้วยการเจาะเลือด เป็นวิธีที่ตรวจแล้วได้ผลแม่นยำที่สุด สามารถตรวจพบการตั้งครรภ์ได้ตั้งแต่ 2 สัปดาห์หลังจากมีการปฏิสนธิ ในขณะที่ตรวจด้วยชุดทดสอบการตั้งครรภ์อาจจะยังไม่พบผลบวก แต่การตรวจเลือดก็ได้ผลว่าพบฮอร์โมนการตั้งครรภ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
การตรวจด้วยวิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการตรวจเพื่อให้รู้ความชัดเจนโดยไว เช่น คนที่มีภาวะมีบุตรยาก หรือ คนที่มีประวัติการแท้งที่ต้องการข้อมูล เพื่อวางแผนการดูแลในการเสริมฮอร์โมนต่าง ๆ กันการเกิดภาวะอีกครั้ง ส่วนใหญ่มีค่าบริการอยู่ที่ 800 บาทโดยประมาณต่อการตรวจ 1 ครั้ง โดยราคาอาจมีการปรับเปลี่ยนตามแต่ละโรงพยาบาล
วิธีการตรวจครรภ์ ที่ 4. การตรวจอัลตราซาวนด์
การตรวจด้วยวิธีนี้เป็นการตรวจด้วยการใช้คลื่นเสียงความถี่สูงไปยังเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในช่องท้อง และสร้างภาพขึ้นมาแสดงผลบนหน้าจอ โดยวิธีนี้จะทำการตรวจโดยสูตินรีแพทย์ โดยวิธีการตรวจนี้นอกจากจะยืนยันว่ามีการตั้งครรภ์แล้วหรือไม่ ยังสามารถบอกตำแหน่งของการตั้งครรภ์ได้ด้วยอีกว่า ครรภ์นี้มีภาวะการอยู่นอกมดลูกหรือไม่
ข้อดีคือสามารถตรวจพบทั้งการตั้งครรภ์, ตำแหน่งที่ตั้งครรภ์, มดลูกมีความผิดปกติหรือไม่, เช็กภาวะความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น อีกทั้งเมื่อผ่านไป 4 เดือนแล้วยังสามารถตรวจเพศหรือคัดกรองความพิการได้อีก โดยค่าใช้จ่ายต่อการตรวจด้วยอัลตราซาวนด์อยู่ที่ประมาณ 2,000 บาท ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาลที่ตรวจ
การตรวจครรภ์ทั้ง 4 วิธีมีความสะดวกและความแม่นยำ รวมไปถึงข้อดีที่แตกต่างกันไป แต่เชื่อว่าส่วนใหญ่มักใช้วิธีการซื้อชุดทดสอบการตั้งครรภ์ด้วยตนเองมาตรวจที่บ้านเป็นอันดับแรก แนะนำว่าเพื่อผลที่แม่นยำ ควรตรวจในช่วงที่มั่นใจแล้วว่าประจำเดือนขาดหรือเลื่อนจริง ๆ และควรเลือกชุดตรวจที่มีคุณภาพจากร้านที่น่าเชื่อถือ และไม่ว่าจะเป็นผลบวกหรือผลลบแต่ก็ควรตรวจซ้ำหลายๆครั้ง หลาย ๆ ยี่ห้อ เพื่อความมั่นใจ
ทั้งนี้เมื่อใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ด้วยตนเอง พบว่าชุดตรวจทั้งหมดแสดงผลเป็นบวกโดยตลอด ควรปรึกษาสูตินรีแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อฝากครรภ์และรับการด้วยแลที่ถูกต้อง รวมไปถึงคำแนะนำที่ครอบคลุม เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงของคุณแม่และน้องต่อไป
บทความที่น่าสนใจ
คนท้องออกกำลังกายได้ไหม ? ควรทำหรือไม่ในขณะตั้งครรภ์
ราคายาคุมฉุกเฉิน แต่ละยี่ห้อเท่าไหร่บ้าง เทียบราคาอย่างละเอียด
ยาคุมกำเนิดแบบฉีด อีกหนึ่งทางเลือกป้องกันการตั้งครรภ์ที่ได้ผลดี!
ที่มา nakornthon.com , ch9airport.com ,petcharavejhospital.com