ก้าวเข้าสู่ ปีมังกรทอง 2567 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณพ่อคุณแม่บ้านไหน กำลังวางแผนมีลูก วางแผนตั้งครรภ์ หรือหาฤกษ์คลอดดี ๆ ในปีนี้ ต้องฟิตร่างกายและขยันทำการบ้านกันหน่อยแล้วค่ะ เพราะปี 2567 ถือเป็น ปีมะโรงทอง ตามความเชื่อของคนไทย ส่วนในฝั่งความเชื่อของชาวจีน เรียกปีนี้ว่า ปีมังกรทอง (Year of the Gold Dragon หรือ 龙年 หลง-เหนียน แปลว่า ปีมังกร)
ปีมังกรทอง 2567 จึงเป็นปีที่ผู้หลักผู้ใหญ่เชื้อสายจีนหลาย ๆ บ้าน เฝ้ารอข่าวดีเรื่องการตั้งครรภ์ของเหล่าสะใภ้อย่างใจจดใจจ่อ เนื่องจากชาวจีนเชื่อว่า เด็กที่เกิดในปีมังกรทองจะมีความเป็นผู้นำสูง มีอำนาจบารมี น่าเกรงขาม สง่าผ่าเผย หนักแน่น กล้าหาญ ฉลาด ไหวพริบดี หยิบจับสิ่งใดก็จะประสบความสำเร็จ ร่ำรวยทรัพย์สินเงินทอง เป็นที่พึ่งพาของพ่อแม่และครอบครัวได้ในอนาคต
นอกจากนี้ เด็กที่เกิดในปี 2567 ยังมีธาตุประจำตัวคือ ธาตุทอง ซึ่งจะมีลักษณะเด่น คือ มีความเด็ดขาด แน่วแน่ กล้าหาญ ยึดถือหลักการและเหตุผลเป็นสิ่งสำคัญ
อยากมีลูก ปีมังกรทอง 2567 ต้องวางแผนยังไง?
หากคุณพ่อคุณแม่เห็นพ้องต้องกันแล้วว่า อยากมีลูกในช่วงฤกษ์ดีที่สุดในรอบ 12 ปี ต้องเร่งมือกันสักหน่อยแล้วค่ะ เพราะควรรีบตั้งครรภ์กันให้ทันในช่วงต้นปี 2567 เพื่อให้ฤกษ์คลอดน้องอยู่ภายในปีมังกรทองพอดิบพอดี
ปีมังกรทอง 2567 เริ่มวันไหน?
ตามปฏิทินจีนโบราณ กำหนดวันเริ่มต้นเข้าสู่ปีมังกรทอง 2567 คือ วันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ แต่ถ้าหากยึดตามปฏิทินไทย วันที่ 9 เมษายน (ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5) จะถือเป็นการเข้าสู่ปีมะโรงทองอย่างเป็นทางการ
ดังนั้น เพื่อไม่ให้ทุกท่านไม่พลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการให้กำเนิดมังกรทองของตระกูล เรามีเทคนิคดี ๆ ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ต้อนรับปีมังกรทองมาฝากว่าที่คุณพ่อคุณแม่กันด้วย
เคล็ด (ไม่) ลับ เพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์
อยากท้อง ปีมังกรทอง ต้องทำยังไง? อยากมีลูก เริ่มต้นได้ง่าย ๆ ค่ะ อันดับแรกคุณพ่อคุณแม่ควรเข้าพบสูตินรีแพทย์เพื่อวางแผนมีบุตร โดยคุณหมอจะตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์เพื่อคัดกรองโรคทางพันธุกรรม และตรวจสุขภาพของฝ่ายชายและฝ่ายหญิงว่าพร้อมมีบุตรหรือไม่ เช่น มีภาวะมีบุตรยากหรือไม่ รอบเดือนมาประจำสม่ำเสมอหรือไม่ มดลูกและรังไข่ของฝ่ายหญิงมีความพร้อมไหม อสุจิของฝ่ายชายแข็งแรงหรือไม่ เป็นต้น
หากคุณพ่อคุณแม่มีอายุน้อยกว่า 35 ปี คุณหมอจะแนะนำให้ลองมีเพศสัมพันธ์เป็นประจำสัปดาห์ละ 2 – 3 วัน วันละไม่เกิน 2 ครั้ง เป็นเวลา 1 ปี แต่ถ้าหากคู่แต่งงานมีอายุ 35 ปีขึ้นไป คุณหมอจะเพิ่มการตรวจคัดกรองความเสี่ยงภาวะมีบุตรยาก (Inferility) แนะนำให้พยายามมีบุตรด้วยวิธีธรรมชาติภายใน 6 เดือน พร้อมกับเพิ่มทางเลือกสำหรับการมีบุตรด้วยวิธีวิทยาศาสตร์ เช่น การทำกิ๊ฟท์ การทำอิ๊กซี่ หรือการทำไอวีเอฟ เป็นต้น
โดยเทคนิคเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ สำหรับคู่ที่อยากลองพยายามด้วยวิธีธรรมชาติ สามารถนำไปลองปรับใช้ได้ ดังนี้ค่ะ
- นับวันไข่ตก เป็นเทคนิคที่ช่วยให้คุณสามีและคุณภรรยามีทำการบ้านได้ในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะมากที่สุด โดยการมีเพศสัมพันธ์ช่วงก่อนและหลังไข่ตกประมาณ 2 – 3 วัน จะช่วยเพิ่มโอกาสให้อสุจิว่ายเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ที่เคลื่อนออกมาจากรังไข่ได้พอดิบพอดี เกิดการปฏิสนธิสำเร็จและสามารถตั้งครรภ์ได้ตามที่ตั้งใจ
- มีเพศสัมพันธ์ในท่วงท่าที่เหมาะสม เช่น ท่ามิชชันนารี โดยฝ่ายหญิงนอนหงาย ฝ่ายชายอยู่ด้านบน เมื่อฝ่ายชายหลั่งอสุจิแล้วให้ฝ่ายหญิงหนุนสะโพกด้วยหมอน และนอนนิ่ง ๆ อย่างน้อย 20 นาที เชื่อว่าจะช่วยให้อสุจิว่ายเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ที่ท่อนำไข่ได้สะดวกขึ้น หรือ ท่านารีขี่ม้า ให้ฝ่ายหญิงนั่งอยู่ด้านบน และฝ่ายชายอยู่ด้านล่าง จะทำให้สอดใส่ได้ลึกขึ้น เชื่อว่าจะเพิ่มโอกาสให้อสุจิวิ่งเข้าสู่เส้นชัยไปปฏิสนธิกันไข่ได้ดียิ่งขึ้น เป็นต้น
- งดการใช้เจลหล่อลื่น เนื่องจากสารเคมีในเจลหล่อลื่นหลายยี่ห้อ มีส่วนผสมที่ไปลดความสามารถในการเคลื่อนที่ของอสุจิลงมากถึง 60 – 100% หากจำเป็นต้องใช้ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม
- ลดความเครียด เพราะการวิตกกังวลมากเกินไปจนเกิดเป็นความเครียด จะส่งผลต่อการหลั่งฮอร์โมนภายในร่างกาย ทั้งยังส่งผลกระทบด้านจิตใจ เช่น นอนไม่หลับ หลักยาก ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ และอาจทำให้ไม่อยากมีเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย
- งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน แอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ และสารเสพติด เพราะอาจทำให้ไข่ไม่ตก อสุจิไม่แข็งแรง หรือฮอร์โมนผิดปกติได้
- ควบคุมน้ำหนัก การที่มีน้ำหนักน้อยไป หรือมากเกินไป ต่างส่งผลต่อการมีบุตรได้เช่นกัน
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยควบคุมน้ำหนัก สลายไขมันส่วนเกิน กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เติมออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย ช่วยให้อารมณ์ดี คลายความเครียด ซึ่งทั้งหมดนี้มีผลดีต่อระบบสืบพันธุ์ทั้งในทางตรงและทางอ้อม
- บำรุงร่างกายให้แข็งแรง ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ ปลาทะเล ดื่มนม พร้อมกันนี้ ว่าที่คุณแม่ยังควรบำรุงสุขภาพก่อนมีบุตร ด้วยการเสริมแร่ธาตุและวิตามิน ที่จำเป็นสำหรับคุณแม่ที่เตรียมตัวตั้งครรภ์ เช่น โฟเลต สังกะสี ธาตุเหล็ก แคลเซียม วิตามิน เป็นต้น
อยากมีลูก เตรียมตัวตั้งครรภ์ ดื่มนมอะไรดี?
สำหรับสารอาหารที่คุณแม่ควรได้รับก่อนการตั้งครรภ์และให้นมบุตร นอกจากโภชนาการที่ครบถ้วนทั้ง 5 หมู่แล้ว ยังจำเป็นต้องประกอบไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับคุณแม่เตรียมตัวตั้งครรภ์ เพื่อเป็นการบำรุงสุขภาพของตัวคุณแม่เอง เพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ และช่วยเสริมสารอาหารที่จำเป็นต่อเจ้าตัวเล็กที่กำลังจะถือกำเนิดเกิดมาในปีมังกรทองที่จะถึงนี้
หนึ่งในวิธีง่าย ๆ ที่ทำตามกันได้ทุกบ้าน ก็คือ การดื่มนม โดยการเลือกนมสำหรับคุณแม่เตรียมตัวตั้งครรภ์ คุณแม่ตั้งครรภ์ และคุณแม่ที่กำลังให้นมบุตร จะมีแนวทางและสารอาหารที่จำเป็นใกล้เคียงกันค่ะ
คุณแม่ตั้งครรภ์ ดื่มนมได้ไหม นมสำหรับคนท้อง เลือกอย่างไร?
การดื่มนมอย่างน้อยวันละ 1 – 2 แก้ว ถือเป็นการเติมสารอาหารที่อาจตกหล่นไป เนื่องจากการรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ รับประทานอาหารที่จำเจ หรือมีสารอาหารไม่ครบตามหลักโภชนาการได้ดี ซึ่งคุณแม่ที่เตรียมตัวตั้งครรภ์ และคุณแม่ตั้งครรภ์ สามารถดื่มนมได้ตามปกติ โดยสามารถมองหา นมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ที่ประกอบด้วยสารอาหารที่คัดสรรมาแล้วว่าเหมาะสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร เช่น
- วิตามินเอ และวิตามินซี มีส่วนช่วยในการทำหน้าที่ตามปกติของระบบภูมิคุ้มกัน
- วิตามินบี 1 มีส่วนช่วยเสริมให้ร่างกายได้รับพลังงานจากคาร์โบไฮเดรตได้ตามปกติ
- วิตามินบี 2 และไนอะซิน มีส่วนช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานจากคาร์โบไฮเดรตและโปรตีน
- วิตามินบี 12 มีส่วนช่วยในการทำงานตามปกติของระบบประสาทและสมอง
- สังกะสี ช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย
- โฟเลต มีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงตามปกติ
- ธาตุเหล็ก มีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงและฮีโมโกลบิน
- แคลเซียม และฟอสฟอรัส มีส่วนช่วยในกระบวนการสร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรง
- ใยอาหาร ช่วยเพิ่มกากใยในลำไส้ กระตุ้นระบบขับถ่ายให้ทำงานได้เป็นปกติ
- ไอโอดีน มีส่วนช่วยในการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ และการทำงานของไทรอยด์ตามปกติ
เพื่อสุขภาพที่ดี ควรเลือกนมที่มีสารอาหารหลากหลาย ครบถ้วนตามที่นักโภชนาการแนะนำ ที่สำคัญ ต้องมั่นใจว่านมนั้น ๆ ไม่เติมน้ำตาลทราย ซึ่งจะดีต่อสุขภาพของคุณแม่และเจ้าตัวเล็กมาก ๆ
สำหรับคุณแม่ที่คลอดน้องแล้ว ก็ยังสามารถดื่มนมต่อเนื่องไปตลอดช่วงที่กำลังให้นมบุตร โดยพิจารณาเลือกนมสำหรับคุณแม่ให้นมบุตร ที่ประกอบด้วยสารอาหารจำเป็นต่อคุณแม่และลูกน้อย เพื่อเป็นการบำรุงร่างกายคุณแม่หลังคลอดบุตร ช่วยเพิ่มสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายของคุณแม่ซึ่งถูกส่งต่อไปยังเจ้าตัวเล็ก ช่วยให้ร่างกายคุณแม่ฟื้นตัวได้ดี ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ตามปกติ เมื่อคุณแม่มีสุขภาพแข็งแรง ก็จะสามารถดูแลเจ้าตัวเล็ก พร้อมกับทำหน้าที่ของคุณแม่ได้อย่างเต็มที่ค่ะ
Ref. bangkokhospitalkhonkaen 2 bangpakok8 museumsiam thethaiger
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!