6 เคล็ดลับ แก้ปัญหา “ ลูกผิวแพ้ง่าย ”
วันนี้เราเลยรวบรวบสาเหตุ และแนวทางแก้ปัญหา ลูกผิวแพ้ง่าย ที่จะช่วยป้องกันผิวของลูกน้อยจากผด ผื่น คัน ที่จะมากวนตัวลูกน้อยและกวนใจคุณแม่ให้หายสนิท พร้อมวิธีทำให้ผิวลูกกลับมาเนียนนุ่มและดูสุขภาพดีกับ 5 เคล็ดลับง่ายๆ แต่ใช้ได้ผลดีมาฝากกันค่ะ
5 ปัญหาผิวที่มักเจอในเด็กทารก!!!
1. ผื่น Milia
เป็นตุ่มเม็ดขาวๆ เหลืองๆ พบที่ หน้าผาก แก้ม จมูกของทารก และอาจจะพบที่เหงือกและกลางเพดานปากได้ด้วย เกิดจากการตกค้างของสารเคราตินซึ่งโปรตีนชนิดหนึ่งที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในหนังกำพร้า
ผม เล็บ ส่วนใหญ่หายภายใน 1-2 เดือน โดยไม่จำเป็นต้องรักษา และไม่ควรใช้น้ำมันมะกอกหรือครีมทาเพราะจะอาจทำให้อาการที่เป็นอยู่นี้ แย่ลงได้ค่ะ
2. ผดร้อน
เป็นลักษณะของแผลพุพองที่เต็มไปด้วยน้ำ (หรือหนอง) หรือตุ่มแดงๆ ที่ปรากฏขึ้นที่หลัง หน้าอก หรือใต้วงแขนของเด็กทารกค่ะ ผดร้อนเกิดจากการอุดตันของท่อเหงื่อที่ผิวหนัง และจะพบมากในสภาพอากาศที่ร้อนและชื้น(นี่มันอากาศบ้านเราชัดๆ) หรือการสวมเสื้อผ้าให้ทารกมากเกินไปค่ะ
3. ภาวะต่อมไขมันอักเสบในเด็กทารก
ภาวะต่อมไขมันอักเสบในเด็กทารก (Cradle Cap) คือสภาวะของผิวหนังที่ไขผิวหนังส่วนเกิน ยึดติดเซลล์ผิวหนังเข้าด้วยกัน ทำให้ไม่สามารถผลัดออกไปได้ตามปกติ ทำให้เกิดเป็นแผ่นสีเหลืองมันเยิ้ม ที่บริเวณหนังศีรษะของเด็กทารกค่ะ
4. สิวในทารกแรกเกิด
ประมาณ 30 เปอร์เซ็นของทารกแรกเกิด จะมีสิวขึ้นภายใน 4 เดือนแรก (มักเกิดขึ้นหลังจาก 2 สัปดาห์) ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าตุ่มสีขาวหรือแดงนี้ เกิดขึ้นเนื่องจากการถ่ายทอดฮอร์โมนของแม่ เข้าสู่ร่างกายของเด็กทารก เนื่องจากอาการนี้สามารถหายไปได้เอง จึงไม่จำเป็นต้องทาน้ำมันหรือครีม เพราะอาจทำให้อาการหนักขึ้นได้เช่นกันค่ะ
5. ผื่น
สภาวะนี้มีลักษณะเป็นรอยด่างสีแดง (บางคนอาจจะมีตุ่มสีเหลืองขาวตรงกลาง) มักจะปรากฏขึ้นที่หลัง ใบหน้า หน้าอก หรือแขนของเด็กทารก โชคดีที่ผื่นนี้ไม่เป็นอันตรายต่อเด็กทารก และมักจะหายไปเองหลังจากผ่านไปไม่กี่เดือนค่ะ
แนะ 6 เคล็ดลับแก้ปัญหาผิว! ให้ผิวลูกน้อยกลับมาเนียนนุ่ม สุขภาพดี ไร้ผด ผื่น คัน กวนใจ
1. หลีกเลี่ยงการอาบน้ำให้ลูกน้อยด้วยน้ำร้อนและน้ำอุ่น
เพราะด้วยความที่ต่อมเหงื่อและต่อมไขมันของเด็กยังทำงานไม่ได้เต็มที่ จึงทำให้ผิวแห้งและเสียความชุ่มชื้นได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ค่ะ ยิ่งอยู่ในห้องแอร์หรืออาบน้ำอุ่นบ่อยๆ ก็มีโอกาสที่ผิวลูกจะแห้งและแตกเป็นขุยได้ ซึ่งจะตามมาด้วยอาการคันหรือระคายเคืองได้ง่ายๆค่ะ ดังนั้น การอาบน้ำที่ดีที่สุดสำหรับผิวเด็กจึงจะช่วยถนอมผิวของลูกได้ดีที่สุดค่ะ โดยอุณหภูมิในการอาบน้ำที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 36-37 องศาเซลเซียสหรือน้ำอุณหภูมิห้อง (หากเย็น/อุ่นไป สามารถเติมน้ำผสมจนกว่าจะได้น้ำที่อุณหภูมิพอดีได้ค่ะ) เท่านั้นค่ะ เพราะวิธีนี้จะทำให้ผิวเด็กยังคงความชุ่มชื้นอยู่และหลีกเลี่ยงอาการผิวแห้งแตกเป็นขุยหลังอาบน้ำได้ดีทีเดียวค่ะ
ส่วนการอาบน้ำก็ควรอาบวันละ 1-2 ครั้งเท่านั้นค่ะ ไม่ควรอาบน้ำบ่อยไป เพราะจะทำให้ผิวของลูกน้อยเกิดอาการผิวแห้ง ลอก เป็นขุย และอาจเกิดการอักเสบได้เช่นเดียวกันค่ะ
2. คอยระวังสิ่งที่อาจสร้างความระคายเคืองให้กับผิวลูกน้อย
เช่น หลีกเลี่ยงการเลือกเสื้อผ้าหรือชุดเครื่องนอนที่ทำจากวัสดุแข็ง มีจีบ เป็นลอน และควรดูแลรักษาเสื้อผ้าของลูกน้อยให้สะอาดอยู่เสมอ รวมถึงหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม สารเคมี หรือสารสังเคราะห์ต่าง ๆ หันมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากธรรมชาติแทน อย่าง Johnson’s baby Cornstarch แป้งเด็ก ที่ผลิตจากแป้งข้าวโพดธรรมชาติ 100% ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง ปราศจากทัลคัมซึ่งเป็นสารที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งได้ ช่วยปกป้องผิวลูกน้อยจากความชื้นได้มากกว่าแป้งทัลคัมสูตรเดิมของจอห์นสัน ทั้งปลอดภัย แห้งสบาย และลดการระคายเคืองที่จะเกิดขึ้นกับลูกน้อยโดยตรงค่ะ ข้อมูลเพิ่มเติม คลิก แป้งเด็ก จอห์นสัน คอร์นสตาร์ช เบบี้ พาวเดอร์
>> Johoson’s Baby Power Corn Starch <<
3. ใช้ผ้าอ้อมหรือเสื้อผ้าที่ทำมาจากผ้าฝ้าย
เพราะผื่น สามารถเกิดได้จากอาการอับชื้นซึ่งมีสาเหตุมาจากผ้าอ้อมและเสื้อผ้าที่ลูกน้อยสวมใส่ค่ะ ดังนั้น คุณแม่จึงควรจะใส่ใจในการเลือกชนิดของผ้าที่จะนำมาใช้กับลูกน้อยอย่างละเอียด โดยเนื้อผ้าที่เหล่าคุณแม่นิยมนำมาใช้กันในการสวมใส่ให้กับลูกน้อยก็คือ ผ้าฝ้ายหรือที่เราเรียกกันว่าผ้าคอตตอนนั่นเองค่ะ เพราะผ้าชนิดนี้มีการระบายอากาศได้ดี (เหมาะกับอากาศร้อนบ้านเรามากๆ ค่ะ) ทำให้เมื่อลูกมีอาการเหงื่อออกหรือทำนมหกจึงสามารถระบายความอับชื้นที่เกิดขึ้นได้ และไม่ทำให้เกิดแบคทีเรียพร้อมทั้งลดแนวโน้มที่จะเกิดผื่นบนผิวลูกได้ด้วยค่ะ
อีกทั้งผ้าอ้อมยังมีคุณสมบัติเพิ่มเติมอย่าง การส่วมใส่นิ่มสบายและทำความสะอาดง่ายจึงทำให้เหล่าคุณแม่นิยมใช้ผ้าชนิดนี้กับลูกน้อยและลูกเองก็รู้สึกสบายตัวยามสวมใส่เสื้อผ้าด้วยค่ะ
4. หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสบู่ พาราเบน มิเนอรัลออยล์ และแอลกอฮอล์
เพราะส่วนผสมเหล่านี้อาจจะทำให้ผิวของลูกน้อยแห้งตึงและเกิดการระคายเคืองได้ง่ายค่ะ คุณแม่จึงควรใส่ใจในส่วนผสมของสบู่อาบน้ำที่จะใช้กับลูกอย่างละเอียด อย่างคุณแม่บางท่านก็อาจจะโชคดีที่ลูกสามารถใช้สบู่อาบน้ำสำหรับเด็กที่มีวางขายทั่วไปตามท้องตลาดได้ แต่คุณแม่บางคนก็มีปัญหาใหญ่เพราะการที่ลูกผิวบอบบางและแพ้ง่ายมาก ๆ ทำให้ไม่สามารถใช้ครีมอาบน้ำทั่วไปได้ ทำให้ผิวของลูกเกิดอาการแพ้ แสบ และแดง จึงควรจะใช้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่มีค่าความระคายเคืองเป็นศูนย์ สำหรับเด็กทารกไปจนถึงเด็กหรือคนทั่วไปที่มีอาการผิวแพ้ง่ายได้ค่ะ
5. ทาโลชั่นเพื่อเติมความชุ่มชื้นให้ผิวของลูกน้อยทุกครั้งหลังอาบน้ำ
การทาโลชั่นหลังอาบน้ำจะช่วยลดปัญหาผิวแห้ง ลดอาการระคายเคืองบริเวณผ้าอ้อมของลูกน้อยได้ อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นสัมผัสที่ผิวหนังระหว่างแม่กับลูก (ลูกชอบสัมผัสที่อ่อนโยน) แต่ต้องระวังไม่ทาโลชั่นเยอะจนเกินไปนะคะ โดยเฉพาะบริเวณที่จะสัมผัสกับปากของทารกได้ง่าย เพราะหากโลชั่นหยดเข้าปากของลูกน้อย อาจจะเกิดอันตรายได้ค่ะ และไม่ควรใช้แป้งฝุ่นแทนการทาโลชั่นด้วยนะคะ เพราะแป้งฝุ่นบางครั้งก็มีสารที่เป็นอันตรายต่อเด็ก (ตัวอย่าง พาราเบน สารซัลเฟรต ทัลคัม) ซึ่งหากลูกน้อยสูดดมเป็นระยะเวลานานก็อาจจะทำให้ระบบร่างกายที่ยังไม่แข็งแรงดีอ่อนแอและเสี่ยงเป็นโรคภูมิแพ้ได้ง่ายขึ้นค่ะ
ทั้งนี้ การทาโลชั่นให้กับลูกน้อย เราแนะนำว่า ไม่ควรทิ้งระยะเวลาเกิน 3 นาทีหลังจากอาบเสร็จ เพราะผิวกำลังมีความชื้นที่พอเหมาะ จึงสามารถดูดซึมมอยเจอไรซ์เซอร์ได้ดีค่ะ และที่สำคัญ! อย่าลืมทาอีกครั้งเมื่อผิวลูกน้อยเกิดอาการแห้งระหว่างวันด้วยนะคะ ผิวของลูกน้อยจะได้เนียนนุ่มและชุ่มชื้นดูสุขภาพดีค่ะ
6. คอยระวังสิ่งที่อาจสร้างความระคายเคืองให้กับผิวของลูกน้อย เช่น ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของน้ำหอม เสื้อผ้าหรือชุดเครื่องนอนที่ทำจากวัสดุแข็ง มีจีบ หรือเป็นลอน และดูแลรักษาเสื้อผ้าของลูกน้อยให้สะอาดอยู่เสมอ โดยหลีกเลี่ยงการใช้ผงซักฟอก หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของสารเคมี และสารสังเคราะห์ต่างๆเพื่อลดการระคายเคืองที่จะเกิดกับลูกน้อยโดยตรงได้ค่ะ ซึ่งหากคุณแม่ไม่แน่ใจว่า สารตัวนี้ที่มีในผลิตภัณฑ์ที่เราจะใช้เป็นอันตรายต่อลูกน้อยจริงๆหรือเปล่า? ก็แนะนำว่า ให้นำไปสอบถามคุณหมอจะปลอดภัยดีที่สุดเลยค่ะ
เพียงเท่านี้ ผิวของลูกน้อยก็จะดูสุขภาพดี นุ่มนิ่ม ไร้รอยตำหนิบนผิวหนัง ไม่กวนใจคุณแม่และสบายกายคุณลูกได้แล้วค่ะ
เมื่อเกิดปัญหาใด ๆ กับตัวเด็กก็ตามผู้ที่จะสามารถแก้ปัญหาได้รวดเร็วที่สุดก็คงจะเป็นผู้ปกครอง เพราะฉะนั้นการที่ผู้ปกครองให้ความเอาใจใส่ดูแล พูดคุยกับลูกอยู่อย่างสม่าเสมอนั้นจะช่วยให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายเป็นไปในทางที่ดีขึ้น ลูกจะกล้าพูดคุยกับผู้ปกครองมากขึ้นเมื่อเกิดปัญหาขึ้นในชีวิตเขา ทำให้ผู้ปกครองสามารถเข้าถึงและแก้ปัญหาไปพร้อมกันกับลูกได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
The Asianparent Thailand เว็บไซต์ และ คอมมูนิตี้อันดับหนึ่งที่คุณแม่เลือก นอกจากสาระความรู้ที่เรามอบให้คุณแม่ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ การวางแผนมีลูกแล้ว เรายังมีแอพพลิเคชั่น รวมถึงสื่อมัลติมีเดียหลากหลายที่ช่วยตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณแม่ยุคใหม่ ที่ต้องทำงาน และ ดูแลลูกไปพร้อมกัน ให้มีความมั่นใจ และ พร้อมในการดูแลลูกทุกช่วงเวลา ตั้งแต่การให้นมบุตร การดูแลตนเองหลังคลอด ท่าออกกำลังกายหลังคลอด เพื่อให้หุ่นของแม่หลังคลอดกลับมาฟิตแอนเฟิร์มอีกครั้ง The Asianparent Thailand ขอเป็นส่วนหนึ่งที่จะสนับสนุนคุณพ่อคุณแม่ในเรื่องการดูแลลูก ความรู้แม่ และ เด็กที่เต็มเปี่ยม และตอบทุกข้อสงสัยในแอพพลิเคชั่นที่เป็นสื่อกลาง และ กิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัวไทย
source หรือ บทความอ้างอิง :
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ: