พัฒนาการเรียนรู้ทารก คือการที่เด็กได้เรียนรู้และมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมรอบตัว เด็กน้อยวัย 6 ถึง 12 เดือนจะเติบโตอย่างรวดเร็ว มีการเปลี่ยนแปลงจากเด็กแรกเกิดตัวน้อย ไปเป็นเด็กน้อยวัยหัดคลาน หัดเดินที่ขี้สงสัย ที่สำคัญยังคล่องแคล่ว ว่องไวอีกด้วย วิธีที่ดีที่สุดในการกระตุ้นให้ลูกน้อยของคุณพัฒนาทักษะการเรียนรู้ใหม่ ๆ ของพวกเขาคือการสนับสนุนด้วยความรักและส่งเสริมการเล่นอย่างสมวัย
พัฒนาการเรียนรู้ทารก
10 วิธีง่าย ๆ ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยให้พัฒนาการทางการเรียนรู้ของเจ้าตัวเล็กพัฒนาไปอีกขั้น
ร้องเพลง
ร้องเพลงกับลูกน้อยและกระตุ้นให้เขาร้องเพลงไปพร้อมกับคุณ ร้องเพลงโปรด ฟังเพลงโปรดในบ้านและในรถเป็นประจำ ในที่สุดเขาอาจเริ่มร้องเพลงตามลำพังได้ กิจกรรมนี้ช่วยส่งเสริมความจำ การพูดและคำศัพท์
พาลูกไปสัมผัสธรรมชาติ
สิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ คงจะทำให้เด็ก ๆ ตื่นเต้นไม่น้อย การให้ลูกรักได้เห็นธรรมชาติ และได้สัมผัสธรรมชาติอย่างปลอดภัย โดยคุณพ่อคุณแม่คอยมองอยู่เสมอ ช่วยให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ รอบตัว อย่างเช่น การเล่นใบไม้ เล่นทราย เล่นดิน อาจจะเลอะเทอะไปบ้าง และว่าคุ้มค่ากับความสุขของเด็ก ๆ แน่นอน
เลียนเสียงสัตว์
ให้เด็ก ๆ พูดตามเสียงที่เขาได้ยินบ่อย ๆ เช่น เสียงนกร้อง เสียงแตรรถ เสียงน้ำไหล เป็นต้น เขาจะเริ่มเข้าใจว่าเสียงในสภาพแวดล้อมประจำวันของเขาเป็นอย่างไร
ฝึกทายรูปทรงและสี
บอกรูปร่างและสีกับเจ้าตัวเล็ก “นั่นคือลูกบอลทรงกลมสีน้ำเงิน” เมื่อเล่นในสนามหรือ เมื่อเขาโตขึ้น สามารถขอให้เขาอธิบายสิ่งของต่าง ๆ ให้คุณพ่อคุณแม่ฟังได้
เล่นดินน้ำมัน
ใครบ้างจะไม่ชอบเล่นดินน้ำมัน ดินน้ำมันแสนสนุก เหมาะสำหรับเด็กทุกวัย การปล่อยให้ลูกน้อยของคุณบีบและทุบก้อนดินน้ำมันหลากสีสันนั้นยอดเยี่ยมสำหรับการพัฒนามือและตา ทักษะในการจับ และสร้างกล้ามเนื้อมือ นอกจากนี้ยังเป็นประสบการณ์สัมผัสที่น่าสนุกสำหรับลูกน้อย อย่างไรก็ตาม อย่าปล่อยให้ลูกน้อยของคุณเล่นเองโดยไม่มีผู้ดูแล และอย่าปล่อยให้พวกเขาเอดินน้ำมันเข้าปาก เพราะอาจทำให้ติดคอได้ และเด็ก ๆ อาจจะลองเลีย ๆ ชิมรส ทางที่ดีที่สุดคือใช้ดินน้ำมันหรือแป้งโดว์ที่ปลอดภัยต่อเด็ก
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ : มาดู ประโยชน์จาก ของเล่นฝึกประสาทสัมผัส ดีต่อใจลูก ถูกใจแม่แน่นอน
เสนอทางเลือก
ให้เสนอทางเลือกแก่เจ้าตัวเล็ก “หนูอยากใส่กางเกงขาสั้นสีน้ำตาลหรือกางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน” หรือ “หนูต้องการไอศกรีมหรือโยเกิร์ตเป็นอาหารว่างไหม” สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เขารู้สึกเป็นอิสระมากขึ้นและเรียนรู้ที่จะตัดสินใจอย่างมั่นใจ ซึ่งส่งผลต่อชีวิตของเด็กน้อยเมื่อเติบโต
ถามคำถาม
อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ลูกของคุณเรียนรู้ที่จะคิดเองคือถามคำถามเขา “ของเล่นชิ้นไหนที่เราควรจะเลือกเป็นอย่างแรกเมื่อเราทำความสะอาดห้องนั่งเล่น?” หรือ “ทำไมเราจึงต้องเดินลงบันไดช้า ๆ กันนะ” การถามคำถามจะช่วยให้เขาเรียนรู้วิธีแก้ปัญหาและเข้าใจสภาพแวดล้อมได้ดีขึ้น
พาลูกไปเยี่ยมชมสถานที่ที่น่าสนใจ
เช่น ไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์สำหรับเด็ก ห้องสมุด หรือตลาดของเกษตรกรในท้องถิ่นเพื่อกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็น และมอบประสบการณ์จริงในสถานที่จริง ๆ และอย่าลืมถามคำถามลูก รอดูปฏิกิริยาของลูกน้อย การผจญภัยเหล่านี้สามารถมอบประสบการณ์การเรียนรู้ให้กับครอบครัว
เล่นเกมที่หลากหลาย
เล่นเกมต่าง ๆ กับลูกเพื่อกระตุ้นให้เกิดการแก้ปัญหาและความคิดสร้างสรรค์ ถ้าลูกของคุณยังเล็กอยู่ สามารถสร้างบล็อกและเล่น จ๊ะเอ๋ และเมื่อเขาโตขึ้น สามารถเล่น เกมกระดาน เกมไขปริศนา เป็นต้น
การอ่าน
การอ่านสำหรับเด็กเล็กนั้นไม่เร็วเกินไปที่จะเริ่มอ่าน โดยในช่วงอายุ 6 ถึง 12 เดือน ทารกสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับการเล่าเรื่อง การมองรูปภาพ และทักษะการฟัง
เต้น
การเต้นเป็นวิธีที่สนุกสุด ๆ ในการผูกสัมพันธ์กับลูกน้อย เปิดเพลงและจัดปาร์ตี้เต้นกันในห้องนั่งเล่นของคุณ จับมือลูกของคุณขณะฝึกยืนและโยกย้ายส่ายเอว นอกจากจะเป็นการออกกำลังกายแล้ว ยังช่วยให้ลูกน้อยของคุณฝึกการทรงตัวและพัฒนาความแข็งแรงของร่างกายอีกด้วย
ทานอาหารด้วยตัวเอง
เด็ก ๆ วัย 6 เดือนขึ้นไป สามารถทานอาหารอย่างอื่นได้ นอกเหนือจากนมเพียงอย่างเดียว ลองให้เจ้าตัวเล็กลองทานอะไรด้วยตัวเองดูบ้าง ฝึกการหยิบจับ และการชิมรสชาติของอาหารต่าง ๆ
เด็ก ๆ วัย 6 เดือนขึ้นไป มีความพร้อม ความสามารถ ที่จะพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ ได้มากมาย เด็ก ๆ พร้อมที่จะพัฒนาการเรียนรู้ในทุก ๆ ด้าน หากคุณพ่อคุณแม่พร้อมแล้วที่ช่วยให้ชีวิตน้อย ๆ ได้เติบโตสมวัย มีพัฒนาการที่ดี ได้ทั้งเล่น ได้ทั้งเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว ได้สนุกไปพร้อมกับคุณพ่อคุณแม่แล้ว อย่ารอช้าค่ะ มาหากิจกรรมสนุก ๆ ให้เจ้าตัวเล็กได้เรียนรู้อย่างเต็มที่กันเถอะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
พัฒนาการทารก 7 สัปดาห์ เรื่องควรรู้ สำหรับ คุณพ่อคุณแม่มือใหม่
เพลย์ยิม ของเล่นเพื่อการ พัฒนาศักยภาพเด็ก ที่คุณไม่ควรมองข้าม
เรื่องน่ารู้ ของเล่นดนตรี มีประโยชน์อย่างไร ควรเริ่มให้ลูกเล่นได้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ที่มา : friendshipcircle.org , happiestbaby.com