เกมเศรษฐี (Monopoly) มีอายุยาวนานหลัก 100 ปี และคนไทยก็รู้จักกันเป็นอย่างดี แน่นอนว่าปัจจุบันสามารถเข้าถึงได้หลากหลายช่องทางทำให้มีข้อดีและความเสี่ยงต่าง ๆ ตามมาด้วยในเวลาเดียวกัน วันนี้เราจึงจะพาคุณพ่อคุณแม่มาดูข้อมูลเกี่ยวกับเกมเศรษฐีทั้งความเหมาะสมกับตัวของเด็ก และเรื่องต่าง ๆ ที่ควรระวัง
ประวัติเกมเศรษฐีที่ยาวนานกว่าร้อยปี
ต้นกำเนิดที่แท้จริงมาจากหญิงชาวอเมริกันชื่อ “อลิซาเบ็ธ แม็กกี ฟิลลิปส์ (Ellizabeth Magie Phillips)” เธอมีความตั้งใจที่จะต่อต้านระบบทุนนิยมด้วยการทำแบบจำลองเพื่ออธิบายหลักการเกี่ยวกับความได้เปรียบของผู้เช่า และความเสียเปรียบของผู้เช่า เนื่องจากการอธิบายด้วยคำพูดอาจทำให้เข้าใจได้ยากว่าแบบจำลองนี้ และถูกเรียกว่า “แลนด์ลอร์ด (The Landlords Game)” ปรากฏครั้งแรกในปี 1904
ต่อมาเกมนี้ได้ถูกพัฒนาขึ้นตามลำดับจนในปี 1920 ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น “โมโนโพลีเกม (Monopoly Game)” โดยแผนที่แรกที่ถูกใช้ในเกมคือสถานที่จริงในเมืองแอตแลนติกซิตี ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เกมนี้ได้มีการปรับเปลี่ยนจากบุคคลและบริษัทต่าง ๆ อยู่หลายครั้ง จนกระทั่งปี 1935 ได้มีการวางขายอย่างจริงจังและได้รับความนิยมอย่างสูงมาตั้งแต่นั้น
วิดีโอจาก : How To Game
เกมเศรษฐีในประเทศไทย
หากจะให้พูดถึงการนำเกมนี้มาดัดแปลงในรูปแบบของไทยก็มีให้เห็นมานานมากแล้ว ในปัจจุบันเองก็ยังสามารถจับต้องได้อยู่หากเด็ก ๆ มีความต้องการที่จะสัมผัสความสนุกนี้ทั้งในรูปแบบเกมกระดานเศรษฐี และเกมมือถือ Line Let’s get rich
- เกมกระดาน : เกมเศรษฐี ในรูปแบบภาษาไทยถูกดัดแปลงออกมาเป็นเกมกระดานที่หลายคนคุ้นชินคุ้นตากันเป็นอย่างมาก โดยแผ่นกระดานเกมจะทำการจำลองจังหวัดต่าง ๆ ของประเทศไทย ยกเว้นเพียง 2 ช่องสุดท้าย คือ พัฒน์พงษ์ และสะพานหัน บางกล่องจะใช้เป็นสำเพ็งแทน ถือเป็นเกมกระดานรุ่นบุกเบิกของไทยที่เด็กยุค 90s น่าจะรู้จักกันอย่างแพร่หลาย
- เกมมือถือ : หรือที่รู้จักกันในเวลานั้นว่า Line Let’s get rich เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2014 (พ.ศ.2557) โดยตัวเกมจะได้เล่นแข่งขันกับผู้อื่นในรูปแบบออนไลน์ โดยมีการใช้ลูกเล่นต่าง ๆ เข้ามาเสริมทั้งการซื้อ Landmark หรือการใช้ item ต่าง ๆ ตลอดการแข่งขันเพื่อให้ตนเองชนะ ปัจจุบันยังคงเปิดให้บริการอยู่
เกมเศรษฐี 2 รูปแบบจากที่เรากล่าวไปค่อย ๆ ได้รับความนิยมลดน้อยลงนับตั้งแต่อดีตที่เคยรุ่งเรือง เนื่องจากเด็กในยุคนั้นเริ่มเติบโตเข้าสู่วัยทำงาน ประกอบกับเด็กสมัยใหม่ที่เน้นการเสพสื่อออนไลน์ในเวลาว่าง หรือเล่นเกมตามกระแสมากกว่า
เด็กกับเกมเศรษฐีในไทย
ถึงแม้ในปัจจุบันจะได้รับความนิยมน้อยลงไปแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ชื่นชอบเกมนี้อยู่ทั้งในรูปแบบเกมกระดาน และเกมมือถือ รวมไปถึงเด็ก ๆ ด้วยเช่นกัน วันนี้เราจึงจะมาเจาะประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกันระหว่าง “เกมเศรษฐี” กับ “เด็ก ๆ”
บทความที่เกี่ยวข้อง : บอร์ดเกม 4 เกมอัศจรรย์ ฆ่าเวลาก็ได้ สานสัมพันธ์ในครอบครัวก็ดี
ประโยชน์จากการเล่นเกมเศรษฐี
การเล่นเกมทุกประเภทมีประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไปอยู่ที่มุมมองทั้งของผู้เล่น และผู้ที่สร้างเกมขึ้นมาว่ามองไปในทิศทางไหน แต่สำหรับเด็กการเล่นเกมนั้นอาจต้องมีคุณพ่อคุณแม่คอยให้คำแนะนำอยู่ด้วยจึงจะเหมาะสม
- ความสนุก : ปัจจัยหลักที่เด็กมักให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ และเป็นประโยชน์สิ่งแรกแน่นอนคงหนีไม่พ้นความสนุกสนานที่ได้ผ่อนคลายด้วยการเล่นเกม และอาจเป็นสิ่งเดียวที่เด็ก ๆ ให้ความสนใจจนอาจลืมประโยชน์อื่น ๆ ที่เขาจะได้รับได้
- การสานสัมพันธ์ : เกมเศรษฐีไม่ว่าจะในรูปแบบไหนก็ไม่สามารถนั่งเล่นคนเดียวได้ อย่างต่ำต้องเล่นตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ยิ่งหากเป็นในมือถือจะสามารถเล่นได้มากกว่า 2 คน เมื่อได้เล่นกับคนอื่นเด็กจะได้มีโอกาสได้เรียนรู้วิธีการเข้าสังคม ได้สานสัมพันธ์กับเพื่อนหรือครอบครัวให้รู้จักกันมากขึ้น
- การวางแผนเบื้องต้น : จริงอยู่ที่หลักการเล่นส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับดวง แต่การวางแผนซื้อพื้นที่ต่าง ๆ ในกระดานเพื่อรอกำไรเมื่อคนอื่นผ่านทางมา ไปจนถึงการรับมือเมื่อตนเองตกอยู่ในภาวะเสี่ยงล้มละลาย เป็นต้น สิ่งเหล่านี้หากเด็ก ๆ เล่นแบบปล่อยผ่านไปก็คงไม่ได้อะไร แต่แน่นอนว่าธรรมชาติของคนเล่นเกมแข่งกับผู้อื่นย่อมต้องการชนะ เด็ก ๆ จึงต้องได้คิดวางแผนในเบื้องต้นอยู่แล้ว
- รู้จักระบบทุนนิยม : ตามความตั้งใจจริงของจุดกำเนิดเกมที่ต้องการให้ความรู้ในเรื่องนี้อยู่แล้ว ต่อให้เด็กเล่นไปเพื่อความสนุกก็สามารถซึมซับความรู้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับผู้ซื้อ, ผู้เช่า และผู้ให้เช่าได้ในทางอ้อม ถึงแม้จะเพียงเล็กน้อยแต่ก็สามารถทำให้เด็กได้เรียนรู้กลไกของเงินและการลงทุนได้เช่นกัน
ข้อควรระวังจากการให้เด็กเล่นเกมเศรษฐี
ถ้าจะว่ากันตามจริงแล้วการเล่นเกมนี้ในรูปแบบบอร์ดเกมจะปลอดภัยมากกว่าการเล่นจากโทรศัพท์อยู่มาก เนื่องจากไม่ใช่ระบบออนไลน์ทำให้สามารถลดความเสี่ยงต่าง ๆ ลงได้ เช่น การเติมเงินเพื่อซื้อของในเกมด้วยความไม่รู้ของเด็ก หรือการเจอบุคคลอื่นในเกมล่อลวงให้ทำสิ่งต่าง ๆ เช่น การโอนเงิน เป็นต้น นอกจากปัญหาเหล่านี้แล้วยังมีเรื่องของการจ้องหน้าจอมากเกินไป อาจทำให้เด็กระคายเคืองสายตาได้ นอกจากนี้ถึงจะมีประโยชน์อยู่บ้างแต่ก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็นเกมจึงไม่ควรเล่นมากจนเกินไป
ทำอย่างไรให้ลูกเล่นเกมเศรษฐีอย่างปลอดภัย
- สอนตั้งแต่เนิ่น ๆ : ก่อนการเล่นเกมใดก็ตามคุณพ่อคุณแม่ควรให้ข้อมูลของเกมกับลูกก่อนทั้งการเล่นที่ถูกต้อง รวมไปถึงระบบต่าง ๆ สำหรับ เกมเศรษฐี ที่เล่นผ่านมือถือผู้ปกครองควรให้คำแนะนำเกี่ยวกับการทำธุรกรรมต่าง ๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เกิดขึ้นได้อย่างไร
- จำกัดเวลาในการเล่น : ในวัยเด็กยังมีกิจกรรมอื่นอีกที่เด็กสามารถทำได้เพื่อเสริมสร้างจินตนาการ หรือเพิ่มพูนทักษะ สำหรับเกมเป็นเพียงกิจกรรมยามว่างเพื่อผ่อนคลายอาจไม่ได้ประโยชน์มากเท่ากับกิจกรรมอื่น ๆ ที่เด็กสามารถทำได้ ดังนั้นจึงควรจำกัดเวลาในการเล่นต่อวันให้เหมาะสม
- ระวังคนแปลกหน้า : ปัจจุบันมิจฉาชีพมีการหลอกล่อเหยื่อหลายช่องทางหลายวิธี ด้วยความที่เป็นเรื่องยากที่จะป้องกันได้ แต่การไม่ป้องกันเลยจะยิ่งเสี่ยงมากกว่า การบอกให้ลูกระวังในเรื่องนี้มีความสำคัญมากกว่าที่คิดเพราะด้วยความเป็นเด็กอาจหลงเชื่อคนแปลกหน้าได้ง่ายกว่า ควรให้เด็กโฟกัสเพียงแค่การเล่นเพื่อความผ่อนคลายในเวลาว่างก็เพียงพอแล้ว
เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการเล่นเกมเศรษฐีในหลาย ๆ ด้านอาจเล่นในรูปแบบกระดานแทน ซึ่งในปัจจุบันก็ถูกผลิตออกมาหลากหลายรูปแบบรองรับได้หลายความต้องการ
บทความที่น่าสนใจ
ลูกร้องไห้จะเอา “โมเดล” ควรแก้ปัญหานี้อย่างไร และควรเลือกซื้ออย่างไร
แนะนำ 6 ต้นไม้ปลอม เหมาะกับการตกแต่งห้องนอนเด็กให้น่านอนอยู่เสมอ
เนื้อเพลงเสริมพัฒนาการ สนุกพร้อมความรู้ เหมาะกับเด็กวัยกำลังเรียน
ที่มาข้อมูล : tonkit360
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!