เปิดผลวิจัยล่าสุด! แม่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ เพิ่มความเสี่ยงลูกเป็นออทิสติก

undefined

งานวิจัยล่าสุด พบข้อมูลที่น่าสนใจชี้ว่า "เบาหวานขณะตั้งครรภ์" ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการสมองของลูกน้อย และกระทบการทำงานสมองของคุณแม่ด้วย

Advertisement

งานวิจัยล่าสุด ในที่ประชุมสมาคมยุโรปเพื่อการศึกษาโรคเบาหวาน (EASD) ในเดือนกันยายนปี 2025 ที่ผ่านมา พบข้อมูลที่น่าสนใจชี้ว่า “แม่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์” เพิ่มความเสี่ยงลูกเป็นออทิสติก 

 

ปกติเวลาเราพูดถึง “แม่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์” เรามักจะกลัวว่า…ลูกจะตัวโตคลอดยาก …ลูกเสี่ยงเป็นเบาหวานตอนโต …แม่เสี่ยงเป็นเบาหวานประเภทที่ 2 ในอนาคตใช่ไหมคะ?

แต่ล่าสุด มีงานวิจัยขนาดใหญ่ที่เพิ่งนำเสนอในที่ประชุมสมาคมยุโรปเพื่อการศึกษาโรคเบาหวาน (EASD) ในเดือนกันยายนปี 2025 ที่ผ่านมา ได้ทำการทบทวนข้อมูลการตั้งครรภ์มากถึง 9 ล้านครั้ง!

และสิ่งที่ค้นพบ เชื่อมโยงไปถึงสมองและพัฒนาการของลูกในท้องโดยตรงเลยค่ะ

 

เปิดผลวิจัยล่าสุด! “แม่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์” เพิ่มความเสี่ยงลูกเป็นออทิสติก

ตัวเลขจาก 9 ล้านครอบครัวที่แม่ต้องรู้ งานวิจัยสรุปผลมาให้เราเห็นภาพชัดๆ แม่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ส่งผลกระทบต่อสมอง ทั้งของคุณแม่และลูกน้อยอย่างไร

1. ผลกระทบต่อ “พัฒนาการสมอง” ของลูกรัก

เมื่อเทียบกับเด็กที่เกิดจากคุณแม่ที่ไม่มีภาวะเบาหวาน เด็กที่เกิดจาก แม่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ มีความเสี่ยงสูงขึ้นในหลายด้าน:

  • ภาวะออทิสติก (Autism): ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจถึง 56%
  • โรคสมาธิสั้น (ADHD): ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 36% 
  • พัฒนาการล่าช้า (Developmental Delays): มีความเสี่ยงโดยรวมสูงขึ้น 45% 
  • การเรียนรู้ (IQ): งานวิจัยพบว่าเด็กกลุ่มนี้ มีแนวโน้มทำคะแนนแบบทดสอบสติปัญญา (IQ test) ได้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของเด็กทั่วไปเกือบ 4 คะแนน 

ตัวเลขเหล่านี้บอกเราว่า ภาวะน้ำตาลในเลือดของแม่ที่สูงผิดปกติในระหว่าง 9 เดือนนี้ ไม่ได้กระทบแค่ร่างกาย แต่อาจจะกำลังส่งผลกระทบต่อการวางรากฐานระบบประสาทของลูกน้อยในครรภ์ด้วย

 

แม่เป็นเบาหวานตอนท้อง

2. ผลกระทบต่อ “สมอง” ของคุณแม่เอง

ที่น่าทึ่งไปกว่านั้น งานวิจัยนี้ไม่ได้ดูแค่ลูกค่ะ เขาดูสมองแม่ด้วย!

คุณแม่หลายคนมักจะบ่นเรื่อง “Mom Brain” หรืออาการหลงๆ ลืมๆ คิดช้าหลังคลอดใช่ไหมคะ? แต่งานวิจัยนี้พบว่า คุณแม่ที่เป็น เบาหวานขณะตั้งครรภ์ ทำคะแนนแบบทดสอบ “การรับรู้” (Cognitive tests) เช่น ความจำ การคิดวิเคราะห์ต่างๆ ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยถึง 2.5 คะแนน เมื่อเทียบกับคุณแม่ที่ไม่ได้เป็น 

นั่นอาจหมายความว่า ภาวะน้ำตาลสูงนี้ ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อลูก แต่ยังส่งผลกระทบต่อการทำงานของสมองของคุณแม่เองด้วย

 

“เบาหวานขณะตั้งครรภ์” คืออะไร? ทำไมเพิ่งมาเป็นตอนท้อง?

“เบาหวานขณะตั้งครรภ์” ไม่ใช่โรคเบาหวานเรื้อรังที่คุณแม่เป็นมาก่อนนะคะ แต่มันคือภาวะที่ร่างกาย ดื้อต่ออินซูลินชั่วคราว เพราะฮอร์โมนจากการตั้งครรภ์ไปรบกวนค่ะ!

ปกติอินซูลินจะพาน้ำตาลในเลือดไปเก็บในเซลล์ แต่พอคุณแม่ท้อง ร่างกายสร้างฮอร์โมนหลายตัว ที่ไปต่อต้านอินซูลิน พอน้ำตาลเข้าเซลล์ไม่ได้ ก็เลยลอยฟุ้งอยู่ในกระแสเลือดของแม่ และถูกส่งผ่านสายสะดือไปให้ลูกในท้อง

อย่างไรก็ตาม แม่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ไม่ใช่ความผิดของคุณแม่ แต่เป็นเรื่องของฮอร์โมนล้วนๆ ค่ะ 

และภาวะนี้พบบ่อยแค่ไหน? ข้อมูลจากในภาพงานวิจัยระบุว่าพบได้ประมาณ 14% ของการตั้งครรภ์ทั้งหมด หรือพูดง่ายๆ ว่า ในแม่ท้อง 7 คน จะมี 1 คนที่เป็น เบาหวานขณะตั้งครรภ์ นั่นเอง

 

Checklist คุณแม่เข้าข่าย “กลุ่มเสี่ยง” หรือเปล่า?

แม้ว่าใครๆ ก็เป็นได้ แต่คุณแม่กลุ่มนี้อาจจะต้อง ระวังมากเป็นพิเศษหน่อยค่ะ ลองเช็กสิคะว่าเราเข้าข่ายไหม?

  • อายุ: คุณแม่อายุ 30 หรือ 35 ปีขึ้นไป
  • น้ำหนักตัว: มีภาวะน้ำหนักเกิน (BMI สูง) หรือโรคอ้วน ก่อนที่จะตั้งครรภ์
  • ประวัติครอบครัว: มีคนในครอบครัวสายตรง (พ่อ แม่ พี่น้อง) เป็นโรคเบาหวาน
  • ประวัติส่วนตัว: เคยเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ในท้องก่อน หรือเคยคลอดลูกที่ตัวโตมาก (เกิน 4 กก.)
  • ภาวะอื่นๆ: มีภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS)

อย่างไรก็ตาม ต่อให้คุณแม่ไม่เข้าข่ายเลยแม้แต่ข้อเดียว ก็ยังต้องตรวจคัดกรองอยู่ดีค่ะ เพราะเป็นเรื่องของฮอร์โมนที่เกิดขึ้นตอนท้องโดยเฉพาะเลย

 

แม่เป็นเบาหวานตอนท้อง

 

“แม่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์” ทำไงดี?

ถ้าผลออกมาว่า แม่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์จริงๆ ไม่ต้องร้องไห้ค่ะ เรามีแผนรับมือ 4 อาวุธหลัก ที่จะช่วยคุณแม่สู้ศึกครั้งนี้

1. ปรับเปลี่ยนอาหาร

แม่ๆ ส่วนใหญ่ กว่า 70-85% สามารถคุมภาวะนี้ได้ด้วยการปรับอาหาร เพียงอย่างเดียวเลยค่ะ หลักการง่ายๆ คือ:

  • ไม่ใช่อด แต่เลือกมากขึ้น: คุณแม่ท้องยังต้องการพลังงาน ดังนั้นห้ามอดอาหารเด็ดขาดค่ะ! แต่เราจะเปลี่ยนจาก แป้งขัดขาว เช่น ข้าวขาว, ขนมปังขาว, เส้นก๋วยเตี๋ยว ไปเป็น คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง, ข้าวไรซ์เบอร์รี, ขนมปังโฮลวีต ที่มีกากใยสูงและค่อยๆ ปล่อยน้ำตาลออกมา
  • ลดน้ำตาลตัวร้าย: อันนี้ต้องเด็ดขาดเลยค่ะ น้ำอัดลม, ชานมไข่มุก, น้ำผลไม้กล่อง, ขนมหวาน, เบเกอรี, ไอศกรีม… พักก่อนนะคะ อ่านฉลากดูน้ำตาลเสมอ
  • เทคนิค ใน 1 จาน ให้แบ่งเป็น 4 ส่วน
    • 2 ส่วน (ครึ่งจาน): เป็นผักใบเขียว ผักกากใยสูง เช่น บรอกโคลี, ผักกาด, แตงกวา
    • 1 ส่วน: เป็นโปรตีนดี เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน, ไข่, เต้าหู้, ปลา
    • 1 ส่วน: เป็นคาร์โบไฮเดตเชิงซ้อน ข้าวกล้อง 1-2 ทัพพี
  • ซอยมื้อย่อย: แทนที่จะกิน 3 มื้อหนักๆ ให้เปลี่ยนเป็น 3 มื้อหลัก + 2-3 มื้อว่าง เช่น มื้อว่างตอนสายๆ และบ่ายๆ การซอยมื้อจะช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่สวิง หรือพุ่งสูงปรี๊ดหลังอาหาร 

โดยมื้อว่างที่ดี ได้แก่ ถั่วต่างๆ เช่น อัลมอนด์ วอลนัท, โยเกิร์ตรสธรรมชาติ (ไม่หวาน), นมจืด, แอปเปิ้ลเขียว, ฝรั่ง

2. ขยับตัวบ่อยๆ 

การออกกำลังกายเบาๆ คือยาวิเศษ ที่ช่วยให้กล้ามเนื้อดึงน้ำตาลในเลือดไปใช้เป็นพลังงานได้ทันที

  • ทำอะไรดี? แค่เดินช้าๆ หลังอาหาร 15-30 นาที ก็ช่วยลดน้ำตาลหลังมื้ออาหารได้ดีมาก หรือจะเป็น ว่ายน้ำ, โยคะสำหรับคนท้อง ก็ดีเยี่ยมค่ะ
  • นานแค่ไหน? ตั้งเป้าไว้ที่ 30 นาทีต่อวัน, 5 วันต่อสัปดาห์ หรือตามที่คุณหมอแนะนำ

เจาะน้ำตาลปลายนิ้ว

 

3. เจาะน้ำตาลปลายนิ้ว

นี่อาจจะเป็นส่วนที่แม่ๆ ไม่ชอบใจที่สุด แต่มันคือ “กระจก” ที่สะท้อนผลลัพธ์การกินของเราค่ะ และเป็นข้อมูลสำคัญที่สุด ที่จะบอกคุณหมอว่า แผนที่เราทำอยู่มันเวิร์กไหม

คุณหมอจะให้เครื่องเจาะน้ำตาลมา ให้เราเจาะวัดวันละ 4-7 ครั้ง เช่น ตื่นนอน, ก่อนอาหาร, และหลังอาหาร 1-2 ชั่วโมง

การที่เข็มจิ้มปลายนิ้ว ทำให้เราเห็นทันทีว่า… “โอ้โห! ข้าวเหนียวมะม่วงมื้อเมื่อกี้ ทำน้ำตาลพุ่งทะลุโลกเลย” หรือ “เอ้อ! การเดิน 20 นาทีหลังอาหาร ทำให้ค่าน้ำตาลดีขึ้นจริงๆ”

4. บางคนอาจต้องพึ่งยา

ในแม่ๆ บางคน แม้ว่าจะคุมอาหารเป๊ะ ออกกำลังกายเป๊ะแค่ไหน แต่ด้วยฮอร์โมนที่มันดื้อด้านจริงๆ น้ำตาลก็ยังสูงอยู่ดี คุณหมออาจต้องให้ยา หรือการฉีดอินซูลิน เข้ามาช่วยค่ะ

 

ตัวเลขที่พบ คือความเสี่ยง ไม่ใช่ คำตัดสิน

การที่คุณแม่รู้ตัว และลุกขึ้นมาจัดการกับภาวะนี้อย่างจริงจัง… นั่นคือคุณแม่กำลังลดความเสี่ยง เหล่านั้นลงอย่างมหาศาลแล้วค่ะ

หน้าที่ของคุณแม่คือการฝากครรภ์สม่ำเสมอ ปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมอย่างเคร่งครัด ทานอาหารที่มีประโยชน์ ขยับร่างกาย และทำจิตใจให้แจ่มใส

theAsianparent ขอยืนเคียงข้างและเป็นกำลังใจให้คุณแม่ทุกคนที่กำลังต่อสู้กับภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์นี้อยู่นะคะ… คุณแม่ทำได้แน่นอนค่ะ!

 

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลและความรู้เบื้องต้นจากงานวิจัยที่น่าสนใจเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำแนะนำ การวินิจฉัย หรือการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ คุณแม่ที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ควรอยู่ภายใต้การดูแลของคุณหมออย่างใกล้ชิดนะคะ

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์คืออะไร ตรวจเบาหวานตอนท้องกี่สัปดาห์

7 เคล็ดลับ ลดน้ำตาลในเลือด คนท้อง ให้คุณแม่ตรวจเบาหวานผ่านฉลุย!

ตรวจเบาหวานคนท้อง น้ำตาลห้ามเกินเท่าไหร่?

 

ที่มา: Doctor ASKY , EurekAlert! , NUS Medicine , News Medical Life Sciences

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!