สมองเปรียบเสมือนฐานบัญชาการหลัก คอยควบคุมการทำงานของร่างกาย เป็นจุดเริ่มต้นของความคิดสร้างสรรค์ ความฉลาด การจดจำสิ่งต่างๆ การใช้เหตุผล การวิเคราะห์ พ่อแม่ทุกคนย่อมปรารถนาอยากให้ลูกน้อยเติบโตมาเป็นเด็กฉลาด ไหวพริบดี สามารถคิดวิเคราะห์ต่อยอด หรือมีความคิดสร้างสรรค์ จึงพยายามหาวิธีกระตุ้นสมองลูกน้อยตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์ ไม่ว่าจะเป็น การส่องไฟฉาย พูดคุย เปิดเพลง สัมผัสลูบท้อง รวมถึงเลือกทานอาหารที่มี GA (แกงกลิโอไซด์) เพื่อบำรุงร่างกายแม่ท้อง และเป็นสุดยอด อาหารสมอง ของลูกน้อย
สมองของลูกน้อยพัฒนาอย่างไร
หลังจากเกิดการปฎิสนธิ 18 วัน ตัวอ่อนในครรภ์จะเริ่มต้นพัฒนาสมองขึ้นมา โดยในช่วงวันที่ 28 ของการตั้งครรภ์จะพบว่า เซลล์สมองขนาดเท่าเมล็ดถั่วมีการแบ่งตัวสูงถึง 200,000 เซลล์ภายใน 1 นาที และพัฒนาโครงข่ายซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อทารกลืมตาดูโลกก็จะมาพร้อมเซลล์สมองจำนวนถึงแสนล้านเซลล์
ภายใน 3 ขวบปีแรก เซลล์ประสาทจะสร้างเครือข่ายเส้นใยประสาทและจุดเชื่อมต่อกับจุดต่างๆ ของเซลล์อื่นๆ ทำให้เกิดการสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาท หากลูกน้อยได้รับการกระตุ้นอย่างถูกวิธี เครือข่ายเส้นใยประสาทจะสามารถสร้างขึ้นได้มากถึงหนึ่งล้านล้านจุด เชื่อมต่อกันอย่างเป็นระบบ และเมื่อลูกอายุ 5 ขวบ เซลล์สมองส่วนที่ยังไม่ได้ถูกเชื่อมต่อก็จะค่อยๆ เสื่อมสลายลงไป นั่นหมายความว่า การพัฒนาของสมองลูกนั้น มีช่วงระยะเวลาสั้นๆ
คุณแม่คงไม่ปล่อยโอกาสทองนี้ให้หลุดมือไปใช่ไหมคะ รีบสร้างศักยภาพสมองตั้งแต่ตอนที่ทารกยังอยู่ในครรภ์กันเลย!
สุดยอด อาหารสมอง ของลูกน้อย
แน่นอนว่าใน 1 มื้อ เราเลือกกินอาหารดีๆ มีคุณค่าสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ก็เพียงพอต่อร่างกายแล้ว แต่สำหรับแม่ท้องที่มีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ด้วยนั้น แม่กินอะไร ลูกในท้องก็กินอย่างนั้น
ถ้าอยากเน้นเรื่องของพัฒนาการทางสมองของลูกน้อยตั้งแต่ในครรภ์ ก็ต้องเสริมด้วย GA (แกงกลิโอไซด์) ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์สมองบริเวณเส้นใยประสาท และจุดเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมอง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลระหว่างเซลล์สมอง ทำให้ลูกเรียนรู้และจดจำสิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ระดับสติปัญญา ความเฉลียวฉลาดสูง เรียกว่าเป็น สุดยอดอาหารสมอง เลยทีเดียวค่ะ ซึ่งทารกในครรภ์สามารถรับคุณค่าของ GA (แกงกลิโอไซด์) ไปเสริมสร้างพัฒนาการทางสมองได้เมื่ออายุครรภ์ 28 วันเลยนะ ดังนั้น เมื่อแม่รู้ตัวว่ามีเจ้าตัวเล็กอยู่ในท้องแล้วก็บำรุงอย่างเต็มที่ไปเลย
GA (แกงกลิโอไซด์) ทำงานร่วมกับ DHA (กรดไขมันจำเป็นในตระกูลโอเมก้า 3) และ SA (กรดไซอะลิก) DHA เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่พบในสมอง มีบทบาทสำคัญในกระบวนการสร้างเยื่อหุ้มใยประสาทของสมองส่วนหน้า ส่งผลด้านความจำ สมาธิในการเรียนรู้ DHA เป็นไขมันที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้เต็มที่ จึงจำเป็นต้องได้รับผ่านอาหาร เช่น ปลาแซลมอน ทูน่า เนยถั่ว วอลนัต สาหร่ายทะเล ส่วน SA (กรดไซอะลิก) เป็นส่วนประกอบสำคัญส่วนหนึ่งของเยื่อหุ้มเซลล์ และพบมากในเยื่อหุ้มเซลล์สมอง มีส่วนในการช่วยเพิ่มความจำและพัฒนาความชาญฉลาดของลูกน้อย
ผลเสียจากการขาด GA (แกงกลิโอไซด์)
มีการค้นพบว่า อุจจาระของทารกที่ทานนมแม่จะมีแบคทีเรีย เช่น แลคโตบาซิลลัส ไบฟิดัส ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อระบบทางเดินอาหาร โดยอาหารของแบคทีเรียกลุ่มนี้ก็คือ GA (แกงกลิโอไซด์) หากพวกมันเจริญเติบโตจนมีจำนวนมากๆ ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดักจับไวรัส สารพิษ ตลอดจนยับยั้งการเติบโตของเชื้อโรคต่างๆ ภายในลำไส้ได้ดี โดยเฉพาะเชื้อ E.coli ที่พบได้มากในกลุ่มเด็กเล็ก
โรคที่เกิดจากเชื้อ E. coli ก็คือ อุจจาระร่วง เชื้อโรคจะปนเปื้อนมากับอาหารและน้ำ ส่งผลให้ทารกถ่ายอุจจาระเหลว มีไข้ต่ำๆ คลื่นไส้ อาเจียน บางรายอาการรุนแรงและเกิดความผิดปกติที่ไตจนถึงแก่ชีวิตค่ะ เชื้อ E. coli นี้ ยังเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบในทารกแรกเกิด อาการปอดบวม แผลติดเชื้อ โลหิตเป็นพิษอันเนื่องมาจากการผ่าตัด การใช้เครื่องช่วยหายใจ รวมถึงการใช้สายสวนท่อปัสสาวะด้วย
รู้อย่างนี้แล้ว อย่าลืมบำรุงร่างกายด้วยสารอาหารที่มี GA (แกงกลิโอไซด์) เพื่อสร้างพัฒนาการที่สมบูรณ์แข็งแรงทั้งคุณแม่และลูกนะคะ
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!