วิธีดูแลตัวเองตอนท้องอ่อนๆ คนท้องห้ามทำ 7 กิจกรรมเหล่านี้ ที่อาจทำอยู่ทุกวัน

คนท้องห้ามทำสิ่งเหล่านี้ 7 กิจวัตรประจำวัที่แม่ท้องส่วนใหญ่ 'พลาด' จนอาจเป็นอันตรายถึงลูกในท้องได้ วิธีดูแลตัวเองตอนท้องอ่อนๆ ที่ถูกต้อง
ไตรมาสแรก หรือช่วงท้องอ่อนๆ คือช่วงเวลาที่คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะเป็นช่วงที่ตัวอ่อนกำลังสร้างอวัยวะต่างๆ อย่างรวดเร็ว คุณแม่ควรรู้ วิธีดูแลตัวเองตอนท้องอ่อนๆ โดยเฉพาะ ข้อห้ามคนท้อง คนท้องห้ามทำสิ่งเหล่านี้ 7 กิจวัตรประจำวันยอดฮิตที่แม่ท้องส่วนใหญ่ ‘พลาด’ จนอาจเป็นอันตรายถึงลูกในท้องได้
7 กิจวัตรประจำวัน คนท้องอ่อนห้ามทำ
1. ยกของหนัก
การยกของหนักอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น เลือดออก, คลอดก่อนกำหนด, หรือแม้แต่ภาวะรกเกาะต่ำในระยะยาว
จากการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Occupational and Environmental Medicine พบว่าคนท้องที่ต้องยกของหนักเป็นประจำมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 2-3 เท่าในการเกิดภาวะคลอดก่อนกำหนด
งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งที่เผยแพร่ใน American Journal of Obstetrics & Gynecology ยังชี้ให้เห็นว่า การทำงานที่ต้องใช้แรงกายมาก รวมถึงการยกของหนัก อาจเพิ่มความเสี่ยงของภาวะเลือดออกในช่องคลอดและภาวะรกเกาะต่ำได้
นอกจากนี้ การยกของหนักยังเพิ่มภาระให้กล้ามเนื้อหลังและอุ้งเชิงกราน ซึ่งอาจทำให้คุณแม่มีอาการปวดหลังหรือปวดหน่วงท้องได้
วิธีดูแลตัวเองตอนท้องอ่อนๆ
หากจำเป็นต้องยกสิ่งของ ให้ขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง หรือถ้าต้องยกเองจริง ๆ (สำหรับของที่ไม่หนักมาก) ให้ใช้วิธี ย่อเข่าลงแทนการก้มหลัง รักษาหลังให้ตรง และใช้กำลังจากกล้ามเนื้อขาแทนหลังและท้อง หลีกเลี่ยงการบิดตัวขณะยกของเด็ดขาด
2. ยืนหรือนั่งเป็นเวลานานๆ
การยืนหรือนั่งนิ่งๆ นานๆ โดยไม่มีการเคลื่อนไหว จะทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก โดยเฉพาะที่ขาและเท้า ทำให้เกิดอาการคนท้องเท้าบวมและข้อเท้าบวม ปวดหลังหรือรู้สึกไม่สบายตัวอีกด้วย
จากการศึกษาพบว่าประมาณ 80% ของคนท้องมักมีอาการบวมที่เท้าและข้อเท้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องยืนหรือนั่งเป็นเวลานาน นอกจากนี้ยังอาจเพิ่มความเสี่ยงเกิดลิ่มเลือดอุดตันได้สูงขึ้นประมาณ 5-10 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้ตั้งครรภ์
วิธีดูแลตัวเองตอนท้องอ่อนๆ
พยายามปรับเปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ หากต้องยืนนาน ให้หาเก้าอี้นั่งพักเป็นระยะ หรือสลับยกเท้าขึ้นสูง พักเท้า ถ้าต้องนั่งนาน ให้ลุกขึ้นเดินยืดเส้นยืดสายทุกๆ 30-60 นาที หมุนข้อเท้า หรือขยับปลายเท้าขึ้นลงขณะนั่งเพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
3. ออกกำลังกายหักโหม หรือเสี่ยงต่อการกระแทก
กิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก กระโดด วิ่งเร็ว หรือกีฬาที่มีการปะทะ อาจทำให้เกิดการกระแทกต่อหน้าท้อง เพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ การตกเลือด หรือการแท้งได้
American College of Obstetricians and Gynecologists (ACOG) ระบุว่า การได้รับแรงกระแทกบริเวณหน้าท้อง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด (placental abruption) ซึ่งสามารถทำให้เกิดการตกเลือดอย่างรุนแรงทั้งในแม่และทารก และเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
วิธีดูแลตัวเองตอนท้องอ่อนๆ
เลือกการออกกำลังกายที่ปลอดภัยสำหรับคนท้อง เช่น การเดินเบาๆ โยคะสำหรับคนท้อง ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยานอยู่กับที่ ปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มโปรแกรมการออกกำลังกาย และสังเกตอาการผิดปกติของตัวเองเสมอ หากรู้สึกเหนื่อยหรือเจ็บให้หยุดพักทันที
4. กินอาหารสุกๆ ดิบๆ หรือไม่สะอาด
อาหารดิบ เช่น ซูชิ ซาชิมิ เนื้อดิบ หรืออาหารที่ปรุงไม่สุก รวมถึงผักผลไม้ที่ล้างไม่สะอาด อาจมีเชื้อแบคทีเรีย พยาธิ หรือไวรัสที่ก่อให้เกิดโรค เช่น ลิสทีเรีย (Listeria), ท็อกโซพลาสโมซิส (Toxoplasmosis) ซึ่งอาจเป็นอันตรายรุนแรงต่อทารกในครรภ์ ทำให้เกิดความผิดปกติหรือการแท้งได้
งานวิจัยจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) ระบุว่า การติดเชื้อลิสทีเรียจากอาหารดิบหรือไม่ผ่านความร้อน เช่น นมดิบ ชีสนิ่มบางชนิด เนื้อสัตว์แปรรูป หรืออาหารทะเลรมควันระหว่างตั้งครรภ์มีความเสี่ยงสูงที่จะนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น การคลอดก่อนกำหนด การแท้ง การเสียชีวิตของทารกในครรภ์ หรือการติดเชื้อในทารกแรกเกิด ซึ่งอาจมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 20-30% ในทารกที่ติดเชื้อ
นอกจากนี้ หากคนท้องโดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรก ติดเชื้อท็อกโซพลาสโมซิสจากขี้แมว อาจส่งผลให้ทารกมีความผิดปกติแต่กำเนิดอย่างรุนแรง เช่น ความเสียหายต่อสมอง ตา หรืออวัยวะอื่นๆ โดยมีรายงานว่าประมาณ 10-20% ของทารกที่ติดเชื้อแต่กำเนิดอาจมีอาการรุนแรง
บทความที่เกี่ยวข้อง คนท้องกินแซลมอนดิบได้ไหม กินปลาดิบแล้วจะเป็นอะไรหรือเปล่า?
วิธีดูแลตัวเองตอนท้องอ่อนๆ
ปรุงอาหารให้สุกเสมอ ล้างผักผลไม้ให้สะอาดก่อนรับประทาน หลีกเลี่ยงอาหารที่เสี่ยงต่อการปนเปื้อน และเลือกรับประทานอาหารจากร้านที่ถูกสุขลักษณะ เน้นอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่
สำหรับคนท้องที่เลี้ยงแมว ควรหลีกเลี่ยงการทำความสะอาดกระบะทรายแมวด้วยตัวเอง หากคุณแม่ชอบทำสวน หรือสัมผัสกับดิน ควรสวมถุงมือทุกครั้ง เพราะดินอาจปนเปื้อนขี้แมวที่มีปรสิตอยู่
5. ใช้ยาหรืออาหารเสริมโดยไม่ปรึกษาแพทย์
ยาหรืออาหารเสริมบางชนิดที่ดูเหมือนไม่อันตราย อาจมีส่วนผสมที่ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์ หรือทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้ รวมถึงสมุนไพรบางชนิดก็อาจมีผลต่อการตั้งครรภ์
วิธีดูแลตัวเองตอนท้องอ่อนๆ
ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง ก่อนรับประทานยา ไม่ว่าจะเป็นยาที่หาซื้อได้เอง ยาตามใบสั่งแพทย์ หรืออาหารเสริม รวมถึงวิตามินต่างๆ แจ้งแพทย์เสมอว่ากำลังตั้งครรภ์
6. สัมผัสสารเคมีอันตราย
สารเคมีบางชนิด เช่น สารเคมีในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้าน เช่น น้ำยาขัดห้องน้ำ น้ำยาซักผ้าขา ยาฆ่าแมลง สีทาบ้าน สารเคมีในเครื่องสำอางบางประเภท หรือแม้แต่ควันบุหรี่มือสอง อาจมีผลกระทบต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์ และเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณแม่
องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า การสัมผัสควันบุหรี่มือสองระหว่างตั้งครรภ์มีความสัมพันธ์กับการเพิ่มความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน เช่น การคลอดก่อนกำหนด ภาวะทารกน้ำหนักตัวแรกเกิดน้อย และความผิดปกติทางพัฒนาการของปอดในทารก
นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของหลายประเทศได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับสารปรอทที่อาจพบในเครื่องสำอางบางประเภท โดยเฉพาะครีมบำรุงผิวที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งการสัมผัสสารปรอทระหว่างตั้งครรภ์สามารถส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางสมองและระบบประสาทของทารกอย่างรุนแรง
วิธีดูแลตัวเองตอนท้องอ่อนๆ
หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมีโดยตรง หากจำเป็นต้องใช้ ควรอยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก สวมถุงมือและหน้ากากอนามัย อ่านฉลากผลิตภัณฑ์อย่างละเอียดก่อนใช้ และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติ หรือมีส่วนผสมของสารเคมีน้อยที่สุด งดการสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีควันบุหรี่
7. อาบน้ำร้อนจัด หรืออยู่ในที่อุณหภูมิสูงเป็นเวลานาน
การอาบน้ำร้อนจัด แช่น้ำร้อนในอ่างนานๆ หรือการอยู่ในห้องซาวน่า/อบไอน้ำ อาจทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรก นอกจากนี้ยังอาจทำให้คุณแม่หน้ามืดเป็นลม หรือมีภาวะขาดน้ำได้
งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of the American Medical Association (JAMA) และ Birth Defects Research ได้ชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างการสัมผัสความร้อนสูงในช่วงต้นของการตั้งครรภ์กับการเพิ่มความเสี่ยงของความผิดปกติแต่กำเนิดในทารก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลาง เช่น ภาวะกะโหลกศีรษะไม่ปิด และภาวะไขสันหลังไม่ปิด
วิธีดูแลตัวเองตอนท้องอ่อนๆ
อาบน้ำอุณหภูมิปกติ หรือน้ำอุ่นพอประมาณ หลีกเลี่ยงการแช่น้ำร้อนจัด หรือการอยู่ในสถานที่ที่มีอุณหภูมิสูงเป็นเวลานาน หากรู้สึกร้อนหรือเวียนหัว ให้รีบออกจากบริเวณนั้นทันที และพักในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก
สัญญาณอันตรายที่คนท้องควรพบแพทย์ทันที
แม้ว่าคุณแม่จะพยายามหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสียงเป็นอันตรายต่อสุขภาพคุณแม่และลูกในท้อง ทั้ง 7 กิจกรรมข้างต้นแล้ว คุณแม่ก็ควรไม่ควรมองข้ามสัญญาณเตือนบางอย่าง ที่คุณแม่และควรรีบไปพบแพทย์ทันที ได้แก่:
- มีเลือดออกทางช่องคลอด: ไม่ว่าจะเป็นลักษณะหยดเล็กน้อยหรือปริมาณมาก หากมีเลือดออกทางช่องคลอด ถือเป็นสัญญาณที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
- ปวดท้องอย่างรุนแรง หรือปวดเกร็งต่อเนื่อง: อาการปวดที่ผิดปกติหรือไม่ทุเลาลง อาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง
- มีไข้สูง: การมีไข้สูงโดยไม่ทราบสาเหตุอาจบ่งบอกถึงการติดเชื้อ ซึ่งเป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์
- ปวดศีรษะรุนแรง ตาพร่ามัว: อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ ซึ่งต้องได้รับการรักษาโดยด่วน
- มีน้ำเดิน หรือของเหลวผิดปกติไหลจากช่องคลอด: หากมีน้ำใส ๆ คล้ายน้ำเดิน หรือของเหลวอื่น ๆ ที่มีกลิ่นหรือสีผิดปกติไหลออกมาจากช่องคลอด ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
นอกจากสัญญาณข้างต้นแล้ว หากคุณแม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ที่กังวล หรือรู้สึกไม่สบายตัวอย่างรุนแรง อย่าลังเลที่จะรีบปรึกษาแพทย์หรือไปโรงพยาบาลทันที เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของคุณและลูกน้อยค่ะ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
คนท้องกินน้ำเต้าหู้ ดีต่อแม่ส่งต่อถึงลูก จริงหรือ!!
หิวแต่ไม่รู้จะกินอะไรดี!? 10 ไอเดียอาหารคนท้อง อร่อยถูกปาก ลูกได้สารอาหารครบ
7 อาการปวดที่คนท้องต้องเจอ รับมือยังไง? ให้ราบรื่นตลอด 9 เดือน