นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารกแรกเกิด ควรให้ลูกน้อยกินนมแม่อย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือน แต่หากคุณแม่มีความจำเป็นต้องเสริมนมผงให้ลูกน้อย การใช้นมผงในเด็กเล็ก มีสิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ต้องคำนึงถึงอย่างยิ่ง คือเรื่องของความปลอดภัย ปราศจากการปนเปื้อน เนื่องจากเด็กเล็กยังมีภูมิคุ้มกันที่ไม่แข็งแรง เสี่ยงติดเชื้อได้ง่าย คุณพ่อคุณแม่จึงควรรู้หลักในการเก็บรักษานมผงอย่างถูกวิธี เช่น นมผงเปิดแล้วเก็บได้นานแค่ไหน? นมผงเปิดแล้วเกิน 1 เดือน ยังกินได้ไหม? นมที่ชงแล้วอยู่ได้กี่ชั่วโมง เก็บใส่ตู้เย็นได้ไหม แช่แข็งได้ไหม?
บทความนี้ รวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการเก็บรักษานมผงตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารจาก Centers for Disease Control and Prevention (CDC) และ Food and Drug Administration (FDA) เกี่ยวกับกฎระเบียบเกี่ยวกับอาหารและยาเพื่อให้คุณแม่สามารถดูแลลูกน้อยได้อย่างมั่นใจค่ะ
นมผงที่ยังไม่เปิดใช้เก็บรักษาอย่างไร
เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย ควรเก็บรักษานมผงสำหรับทารกไว้อย่างถูกวิธี ดังนี้:
- เก็บในที่ร่ม เย็น และแห้ง: หลีกเลี่ยงการเก็บในที่ที่มีอุณหภูมิสูง เช่น ใกล้เตา หรือในรถยนต์ รวมถึงสถานที่ที่มีความชื้นสูง เช่น ห้องน้ำ
- อย่าใช้หลังวันหมดอายุ: ก่อนนำนมผงมาใช้ทุกครั้ง ควรตรวจสอบวันหมดอายุบนบรรจุภัณฑ์ วันหมดอายุบนบรรจุภัณฑ์เป็นวันสุดท้ายที่ผู้ผลิตรับประกันคุณภาพและปริมาณสารอาหารของนมผง ห้ามใช้นมผงหลังจากวันที่นี้
เหตุผลที่ต้องระมัดระวัง เนื่องจาก การเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสมอาจเกิดการปนเปื้อน ทำให้เกิดเชื้อราหรือแบคทีเรีย ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพของลูกน้อย นอกจากนี้ อุณหภูมิและความชื้นที่สูงเกินไปอาจทำให้นมผงเสื่อมคุณภาพและสูญเสียสารอาหารสำคัญได้ค่ะ
อันตรายจากการกินนมผงที่หมดอายุ
- การติดเชื้อ: นมผงที่หมดอายุและมีการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรีย อาจทำให้เด็กทารกหรือเด็กวัยหัดเดินติดเชื้อทางเดินอาหารได้
- การขาดสารอาหาร: นมผงที่หมดอายุอาจสูญเสียคุณค่าทางอาหารบางส่วนไป ทำให้เด็กได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน
- อาการแพ้: บางครั้ง เด็กอาจมีอาการแพ้ต่อนมผงที่หมดอายุ หรือสารปนเปื้อนที่เกิดขึ้น
นมผงที่เปิดแล้วเก็บรักษาอย่างไร
ควรเก็บรักษานมผงสำหรับทารกที่เปิดแล้วอย่างถูกวิธี ดังนี้:
- ปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลาก: ผู้ผลิตแต่ละรายจะมีคำแนะนำในการเก็บรักษาที่แตกต่างกันเล็กน้อย ควรอ่านและปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากผลิตภัณฑ์อย่างละเอียด
- ใช้ให้หมดภายใน 1 เดือน: หลังจากเปิดภาชนะแล้ว ควรใช้ผงนมผงให้หมดภายใน 1 เดือน เพื่อป้องกันการปนเปื้อน
- เขียนวันที่เปิด: เขียนวันที่เปิดภาชนะลงบนฝาขวด เพื่อติดตามอายุการใช้งานของนมผง
- ปิดฝาให้สนิท: หลังจากใช้งานทุกครั้ง ควรปิดฝาให้สนิท เพื่อป้องกันไม่ให้อากาศเข้าไปสัมผัสกับนมผง
- เก็บในที่แห้งและเย็น: เก็บภาชนะบรรจุนมผงไว้ในที่แห้งและเย็น หลีกเลี่ยงการเก็บในตู้เย็น
- ใช้ภาชนะที่สะอาด: ควรใช้ภาชนะที่สะอาดและแห้งในการตวงนมผง นมผงสำหรับทารกมีโอกาสปนเปื้อนน้อยมากหากยังแห้งอยู่ อย่าทำความสะอาดภายในภาชนะบรรจุเด็ดขาด
- ทำความสะอาดที่ตัก: หากที่ตักตกลงไปในที่สกปรก ให้ทำความสะอาดด้วยวิธีเดียวกับการทำความสะอาดขวดนม และปล่อยให้แห้งสนิทก่อนใช้งาน
- ไม่ควรแบ่งนมผงใส่ภาชนะอื่น: การแบ่งนมผงอาจทำให้เกิดการปนเปื้อนได้ง่าย
นมผงที่เปิดแล้วเก็บได้นานแค่ไหน
นมผงเปิดแล้วเก็บได้นานแค่ไหน เป็นคำถามที่คุณพ่อคุณแม่หลายท่านสงสัยกันค่ะ คำตอบที่แน่นอนขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่โดยทั่วไปแล้ว นมผงที่เปิดแล้วควรบริโภคให้หมดภายใน 1 เดือน และเมื่อคุณแม่เปิดภาชนะครั้งแรก ให้เขียนวันที่ไว้บนฝาภาชนะเพื่อช่วยจำด้วยนะคะ
นมผงเปิดแล้วเกิน 1 เดือนยังกินได้ไหม
คุณแม่มักจะเสียดายนมผงที่เปิดแล้วกินไม่หมดภายใน 1 เดือน เพราะนมกระป๋องนึงก็ราคาไม่ถูก จึงเกิดคำถามที่พบบ่อยว่า นมผงเปิดแล้วเกิน 1 เดือน ยังกินได้ไหม อย่าเสียดายไปเลยค่ะ คุณแม่ควรตัดใจทิ้งนมผงที่เปิดแล้วเกิน 1 เดือน เพื่อความปลอดภัยและสุขภาพที่ดีของลูกน้อย ถึงแม้ว่านมผงจะดูเหมือนจะสามารถเก็บได้นาน แต่การเก็บนมผงที่เปิดแล้วเกิน 1 เดือนอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของลูกน้อยได้ โดยเหตุผลหลัก ๆ มีดังนี้
-
การปนเปื้อนของแบคทีเรีย
- นมผงเป็นแหล่งอาหารของแบคทีเรีย: เมื่อเปิดภาชนะบรรจุนมผง อากาศและเชื้อโรคต่าง ๆ สามารถเข้าไปปนเปื้อนได้ง่าย นมผงที่เปิดแล้วจึงกลายเป็นสื่อกลางที่เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของแบคทีเรียชนิดต่าง ๆ
- อันตรายจากแบคทีเรีย: แบคทีเรียที่ปนเปื้อนในนมผงอาจทำให้เด็กทารกหรือเด็กวัยหัดเดินเกิดอาการอาหารเป็นพิษได้ ซึ่งมีอาการ เช่น ท้องเสีย อาเจียน คลื่นไส้ มีไข้ และปวดท้อง
- แบคทีเรียบางชนิดอาจก่อให้เกิดโรคที่รุนแรง: ในบางกรณี การติดเชื้อแบคทีเรียจากนมผงอาจนำไปสู่โรคที่รุนแรง เช่น การติดเชื้อในกระแสเลือด หรือการอักเสบของทางเดินอาหาร
-
การสูญเสียคุณค่าทางโภชนาการ
- สูญเสียวิตามินและแร่ธาตุ: เมื่อสัมผัสกับอากาศและแสง นมผงอาจสูญเสียวิตามินและแร่ธาตุบางส่วนไป ทำให้คุณค่าทางโภชนาการลดลง
- ไขมันเสื่อมลง: ไขมันในนมผงอาจเกิดการออกซิเดชัน ทำให้รสชาติเปลี่ยนไป และสูญเสียคุณประโยชน์
- โปรตีนเปลี่ยนแปลง: โปรตีนในนมผงอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง ทำให้ร่างกายดูดซึมได้ยากขึ้น
-
ผลกระทบต่อสุขภาพของลูกน้อย
- เจริญเติบโตช้า: การได้รับสารอาหารไม่เพียงพอจากนมผงที่เสื่อมคุณภาพ อาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็ก
- ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ: การติดเชื้อบ่อยครั้งจากการบริโภคนมผงที่ปนเปื้อน อาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของเด็กอ่อนแอลง
- ปัญหาสุขภาพเรื้อรัง: ในระยะยาว การได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วนอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพเรื้อรัง เช่น โรคโลหิตจาง โรคกระดูกพรุน และภาวะทุพโภชนาการ
นมผงสำหรับทารกสามารถปนเปื้อนเชื้อโรคได้อย่างไร
นมผงสำหรับทารกอาจปนเปื้อนเชื้อโรคได้ง่าย เนื่องจากเป็นอาหารที่มีความชื้น และเป็นแหล่งอาหารที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย โดยเฉพาะเชื้อโครโนแบคเตอร์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อทารก
เชื้อโครโนแบคเตอร์คืออะไร?
- เป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่พบได้ทั่วไปในธรรมชาติ เช่น ในดิน น้ำ และอาหารบางชนิด สามารถปนเปื้อนเข้าสู่นมผงได้หลังจากเปิดภาชนะแล้ว
- หากมีการปนเปื้อนข้ามจากอุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้ในการเตรียมนม อาจติดมาจากมือ หรือพื้นผิวที่สัมผัสกับนมผง เช่น ที่ตวงนม ช้อนตวง หรือเคาน์เตอร์ครัว
- ฝุ่นละอองในอากาศที่บรรจุเชื้อโรคอาจตกลงมาปนเปื้อนในนมผง
- หากใช้น้ำที่ปนเปื้อนในการชงนม ก็อาจทำให้เกิดการปนเปื้อนได้
- หากทารกบริโภคนมผงที่ปนเปื้อนเชื้อโครโนแบคเตอร์ อาจทำให้เกิดอาการป่วยร้ายแรง เช่น ท้องเสียรุนแรง อาเจียน ปวดท้อง และในบางกรณีอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงกว่าได้
นมที่ชงแล้วอยู่ได้กี่ชั่วโมง เก็บใส่ตู้เย็นได้ไหม แช่แข็งได้ไหม
- ใช้ให้หมดภายใน 2 ชั่วโมง: หลังจากชงนมแล้ว ควรให้ลูกน้อยกินให้หมดภายใน 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโรค
- เก็บในตู้เย็น: หากชงนมแล้วไม่ได้ใช้ทันที ควรเก็บขวดนมไว้ในตู้เย็น และใช้ภายใน 24 ชั่วโมง
- ทิ้งหากเกินเวลา: หากนมชงถูกทิ้งไว้นอกตู้เย็นเกิน 2 ชั่วโมง หรือในตู้เย็นเกิน 24 ชั่วโมง ควรทิ้งทันที
- ทิ้งนมที่เหลือในขวด: หากลูกน้อยกินมไม่หมด ควรทิ้งนมที่เหลือทั้งหมด เพราะนมที่ปนเปื้อนน้ำลายอาจทำให้เกิดแบคทีเรียเจริญเติบโตได้
- ทำความสะอาดขวดนม: หลังจากลูกน้อยกินนมเสร็จแล้ว ควรทำความสะอาดและฆ่าเชื้อขวดนมทันที เพื่อป้องกันการปนเปื้อนในครั้งต่อไป
- ไม่ควรแช่แข็ง: การแช่แข็งนมชงอาจทำให้นมเสียคุณภาพได้
สามารถเตรียมนมล่วงหน้าสำหรับใช้ตลอดทั้งวันได้ไหม
คุณแม่อาจสงสัยว่าสามารถเตรียมนมผงให้ลูกน้อยล่วงหน้าได้หรือไม่ คำตอบคือได้ค่ะ แต่มีข้อควรระวังดังนี้
- เตรียมได้กี่ขวด: หากทราบว่าลูกน้อยกินนมทุก 3-4 ชั่วโมง สามารถเตรียมนมผงไว้ล่วงหน้าได้ประมาณ 6-8 ขวด เพื่อให้เพียงพอสำหรับใช้ตลอดทั้งวัน
- เก็บในตู้เย็น: หลังจากชงนมแล้ว ควรเก็บขวดนมไว้ในตู้เย็นทันที และนำมาให้ลูกน้อยกินได้โดยไม่จำเป็นต้องอุ่นก่อน หรือหากต้องการอุ่น อย่าใช้ไมโครเวฟ เพราะไมโครเวฟจะทำให้นมมีความร้อนที่ไม่สม่ำเสมอ บางจุดร้อนจัด บางจุดยังเย็นอยู่ ซึ่งอาจลวกปากลูกน้อยได้
- ระยะเวลาในการเก็บ: นมผงที่ชงแล้วสามารถเก็บในตู้เย็นได้นานสูงสุด 24 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม การเตรียมนมที่ดีที่สุดควรชงนมใหม่ทุกมื้อเพื่อความสดใหม่และปลอดภัยค่ะ
เคล็ดลับการใช้นมผงสำหรับทารก
การใช้นมผงสำหรับทารกอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารครบถ้วนและเจริญเติบโตอย่างแข็งแรง มาดูเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้คุณแม่มือใหม่สามารถดูแลลูกน้อยได้อย่างมั่นใจกันเลยค่ะ
การชงนมผง
- ชงตามสัดส่วนที่กำหนด: ปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากผลิตภัณฑ์อย่างเคร่งครัด ทั้งปริมาณน้ำและนมผง การชงนมมากหรือน้อยเกินไปอาจส่งผลต่อสุขภาพของลูกน้อยได้
- ใส่นมผงน้อยเกินไป: อาจทำให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ และอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโต
- ใส่นมผงมากเกินไป: นมที่ได้จะข้นเกินไป และย่อยยาก ทำให้ลูกน้อยมีโอกาสท้องผูกได้ง่ายขึ้น
- อุณหภูมิ: นมควรอุ่นเล็กน้อย ไม่ร้อนเกินไป เพื่อป้องกันการลวกปากของลูกน้อย
- ตรวจสอบความเข้มข้น: ก่อนให้นมลูก ควรหยดนมลงบนข้อมือเพื่อตรวจสอบอุณหภูมิและความเข้มข้นของนม
การเลือกนมผง
- เปลี่ยนยี่ห้อได้: หากจำเป็น คุณแม่สามารถเปลี่ยนยี่ห้อของนมผงได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อให้แน่ใจว่านมผงตัวใหม่เหมาะสมกับลูกน้อย
- ซื้อจากร้านค้าที่น่าเชื่อถือ: ควรซื้อนมผงจากร้านขายยาหรือร้านค้าที่เชื่อถือได้ เพื่อป้องกันการซื้อสินค้าปลอม
หากคุณแม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเลือกใช้นมผง ควรปรึกษาแพทย์ทันที และหมั่นสังเกตอาการของลูกน้อยหลังจากดื่มนม หากลูกน้อยมีอาการท้องเสีย อาเจียน หรือผื่นแดง ควรหยุดให้นมชนิดนั้นและปรึกษาแพทย์ทันที
ที่มา: FDA , CDC , Kidshealth
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!