ลูกเข้าเต้าแล้ว ควรปั๊มไหม คุณแม่หลายคนอาจคิดว่า ถ้าลูกดูดนมจากเต้าแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องปั๊มนมเพิ่ม แต่จริงๆ แล้ว การปั๊มนมควบคู่ไปกับการเข้าเต้า นั้นมีประโยชน์มากมายค่ะ มาดูกันว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
สารบัญ
ลูกเข้าเต้าแล้ว ควรปั๊มไหม
เหตุผลที่ควรปั๊มนมควบคู่กับการให้นมลูก
- กระตุ้นการผลิตน้ำนม การปั๊มนมจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำนมออกมาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงแรก ๆ หลังคลอด หรือในกรณีที่ลูกดูดนมไม่บ่อยพอ
- ลดอาการเต้านมคัด หากเต้านมมีน้ำนมมากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการเต้านมคัด ตึง และเจ็บได้ การปั๊มนมจะช่วยลดอาการเหล่านี้ได้
- สร้างสต็อกน้ำนม น้ำนมที่ปั๊มได้สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นหรือช่องแช่แข็ง เพื่อใช้ในกรณีที่แม่ไม่อยู่ หรือในกรณีที่ลูกต้องการนมมากกว่าปกติ เช่น ช่วงที่ลูกป่วย
- ช่วยให้คุณพ่อหรือคนอื่น ๆ มีส่วนร่วม น้ำนมที่ปั๊มได้สามารถให้คนอื่นช่วยนำมาป้อนให้ลูกได้ ทำให้คุณแม่ได้พักผ่อนมากขึ้น
- รักษาปริมาณน้ำนมให้คงที่ หากคุณแม่ต้องกลับไปทำงาน การปั๊มนมเป็นประจำจะช่วยรักษาปริมาณน้ำนมให้คงที่ และทำให้ลูกยังคงได้รับประโยชน์จากน้ำนมแม่ได้อย่างต่อเนื่อง
ให้ลูกเข้าเต้าทุกกี่ชั่วโมง
ทารกแต่ละคนมีความต้องการในการกินนมที่แตกต่างกันไป ไม่ได้มีกฎตายตัวว่าต้องให้นมลูกทุกกี่ชั่วโมง แต่โดยทั่วไปแล้ว เราสามารถสังเกตสัญญาณหิวของลูกน้อย เพื่อปรับตารางการให้นมให้เหมาะสมกับลูกได้ค่ะ
ความต้องการนมของทารกในแต่ละช่วงวัย
- ทารกแรกเกิด: ในช่วง 2-3 วันแรก ทารกจะดูดนมบ่อยมาก เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายแม่ผลิตน้ำนม และทารกจะดูดนมน้อยๆ แต่บ่อยๆ
- ทารกอายุ 1-2 สัปดาห์: ทารกจะเริ่มดูดนมได้นานขึ้น และอาจต้องการนมทุก 2-3 ชั่วโมง
- ทารกอายุ 2 สัปดาห์ขึ้นไป: ความถี่ในการให้นมจะค่อยๆ ลดลง แต่ปริมาณนมที่ได้รับต่อครั้งจะเพิ่มขึ้น
สังเกตสัญญาณที่บอกว่าลูกต้องการนม
- ร้องไห้: เป็นสัญญาณที่ชัดเจนที่สุด แต่ควรสังเกตสัญญาณหิวอื่นๆ ร่วมด้วย
- ดูดนิ้วมือหรือมือ: เป็นการแสดงออกว่าลูกหิว
- ขยับปาก: ลูกจะขยับปากและคางราวกับกำลังหาเต้านม
- กระวนกระวาย: ลูกจะขยับตัวไปมา ไม่นิ่ง
- ร่างกายตึง: กล้ามเนื้อของลูกจะตึงและเกร็ง
เอาลูกเข้าเต้า แต่ละครั้งนานแค่ไหน
การให้นมลูกแต่ละครั้งควรใช้เวลานานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับลูกน้อยและคุณแม่แต่ละคนค่ะ
- ช่วงเริ่มต้น: ใน 2-4 สัปดาห์แรกที่น้ำนมยังมาไม่ดี คุณแม่อาจจะจับเวลากระตุ้นการให้นมแต่ละข้างประมาณ 15-20 นาที เพื่อให้ลูกได้ดูดนมให้เต็มที่ และกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำนมได้มากขึ้น
- หลังจาก 2-4 สัปดาห์: เมื่อน้ำนมของคุณแม่เริ่มมาดีแล้ว การจับเวลาอาจไม่จำเป็นอีกต่อไปค่ะ ให้ลูกดูดนมจนอิ่มเอง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเวลา
- สลับเต้า: ควรให้นมลูกสลับเต้ากันในแต่ละมื้อ เช่น เริ่มเข้าเต้าซ้ายก่อน พอเต้าแฟบแล้ว ย้ายไปเข้าเต้าขวา มื้อถัดไปให้เต้าขวาก่อน และไปจบที่เต้าซ้าย สลับไปเรื่อยๆ
- สังเกตสัญญาณลูก: สิ่งสำคัญคือการสังเกตสัญญาณหิว-อิ่มของลูก และปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของลูกและคุณแม่เอง
ลูกดูดเต้า จะรู้ได้ไงว่าลูกอิ่ม
การสังเกตสัญญาณต่างๆ ของลูกจะช่วยให้คุณแม่มั่นใจได้ว่าลูกได้รับนมเพียงพอ
สัญญาณที่บ่งบอกว่าลูกอิ่มแล้ว
- ปล่อยเต้า: เมื่อลูกอิ่ม ลูกจะปล่อยเต้าเองโดยไม่ร้องไห้
- หลับสบาย: ลูกจะหลับปุ๋ยระหว่างดูดนม หรือหลับไปเลยหลังจากดูดนมเสร็จ
- ดูอิ่มเอม: ใบหน้าของลูกจะดูผ่อนคลาย อาจมีรอยยิ้มเล็กน้อย
- ร่างกายผ่อนคลาย: กล้ามเนื้อของลูกจะไม่ตึงเกร็ง
นอกจากนี้ คุณแม่ยังสามารถสังเกตจากปัจจัยอื่นๆ ได้แก่
- น้ำหนักตัว: ลูกน้อยควรมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นตามเกณฑ์ที่แพทย์กำหนด
- การถ่ายอุจจาระและปัสสาวะ: ในช่วงแรก ลูกน้อยควรถ่ายอุจจาระอย่างน้อย 4 ครั้ง และปัสสาวะ 8 ครั้งต่อวัน
- ผิวพรรณ: ผิวพรรณของลูกดูสุขภาพดี ไม่ซีด ไม่เหลือง
ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องปริมาณน้ำนมที่ลูกได้รับ
คุณแม่หลายคนอาจกังวลว่าลูกได้รับนมเพียงพอหรือไม่ แต่จริงๆ แล้ว การสังเกตสัญญาณของลูกและการพัฒนาการของลูกเป็นสิ่งสำคัญกว่า การที่ลูกดูดนมแล้วอิ่มและมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นตามเกณฑ์ แสดงว่าลูกได้รับนมเพียงพอแล้วค่ะ
ทั้งเข้าเต้า ทั้งปั๊มจัดเวลายังไง
การจัดตารางให้นมลูกและปั๊มนมให้ลงตัวนั้น ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละครอบครัวและความต้องการของลูกน้อยค่ะ โดยทั่วไปแล้ว คุณแม่สามารถเลือกวิธีการปั๊มนมได้ตามสูตรที่เหมาะสมกับตัวเอง ดังนี้
สูตรที่ 1: ปั๊มทันทีหลังลูกดูดไปแล้ว 10-15 นาที
หลังจากที่ลูกดูดนมจากเต้าข้างหนึ่งไปแล้วประมาณ 10-15 นาที ให้ปั๊มนมออกจากเต้านั้นจนเกลี้ยง จากนั้นจึงให้ลูกดูดนมจากอีกข้างหนึ่ง วิธีนี้เหมาะสำหรับ คุณแม่ที่ต้องการเพิ่มปริมาณน้ำนม หรือต้องการมีสต็อกน้ำนม ช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำนมได้ดี และทำให้เต้านมไม่คัดตัน
สูตรที่ 2: ปั๊มนมระหว่างมื้อนม
หลังจากที่ลูกดูดนมจากเต้าไปแล้วประมาณ 1 ชั่วโมง ให้ปั๊มนมพร้อมกันทั้งสองข้าง นาน 10-15 นาที วิธีนี้เหมาะสำหรับ คุณแม่ที่มีตารางงานที่แน่นอน หรือต้องการให้คนอื่นช่วยดูแลลูก ช่วยให้มีน้ำนมสำรอง และช่วยรักษาปริมาณน้ำนมให้คงที่
เทคนิคปั๊มนมให้ได้เยอะ
สำหรับคุณแม่ที่ต้องการปั๊มเก็บน้ำนมไว้ให้ลูกน้อยได้ดื่ม หรือต้องการเพิ่มปริมาณน้ำนม ลองทำตามเทคนิคต่อไปนี้
- เลียนแบบการดูดของลูก: เลือกเครื่องปั๊มที่มีจังหวะคล้ายกับการดูดนมของลูก จะช่วยกระตุ้นให้มีน้ำนมไหลออกมาได้มากขึ้น
- ปั๊มให้เกลี้ยงเต้า: หลังจากปั๊มเสร็จ ควรนวดเบาๆ รอบๆ เต้านม เพื่อให้แน่ใจว่าได้ปั๊มนมออกหมด
- การปั๊มนมบ่อยๆ: ความถี่ในการปั๊มนม จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำนมได้มากขึ้น
- ระยะเวลาในการปั๊ม: ควรปั๊มนมให้ครบรอบการไหลของน้ำนม ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีต่อข้าง
- Power Pumping: เป็นเทคนิคการปั๊มนมแบบเข้มข้น ช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำนมได้อย่างรวดเร็ว
- ทานอาหารบำรุงน้ำนม: อาหารที่มีส่วนช่วยในการผลิตน้ำนม เช่น ถั่ว ธัญพืช ผักใบเขียว
จะรู้ได้ไงว่าปั๊มเกลี้ยงเต้า
หลายคนสงสัยว่าจะรู้ได้อย่างไรว่าปั๊มนมเกลี้ยงเต้าแล้วหรือยัง การรู้วิธีตรวจสอบนี้สำคัญมาก เพราะจะช่วยให้คุณแม่มั่นใจได้ว่าได้ปั๊มนมออกมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ และยังช่วยป้องกันปัญหาเต้านมคัดตันอีกด้วย
สัญญาณที่บ่งบอกว่าปั๊มนมได้หมดแล้ว
- ปริมาณน้ำนมลดลง: หลังจากปั๊มไปสักพัก ปริมาณน้ำนมที่ไหลออกมาจะค่อยๆ ลดลงจนหยุด
- เต้านมรู้สึกนิ่ม: หลังจากปั๊มนมเสร็จแล้ว เต้านมจะรู้สึกนิ่ม ไม่ตึง
- ไม่รู้สึกเจ็บหรือตึง: หากเต้านมยังรู้สึกเจ็บหรือตึง อาจหมายความว่ายังมีน้ำนมเหลืออยู่
- ไม่มีน้ำนมหยดออกมา: เมื่อบีบที่เต้านมเบาๆ แล้วไม่มีน้ำนมหยดออกมา แสดงว่าปั๊มนมออกหมดแล้ว
วิธีการตรวจสอบว่าเต้านมยังมีน้ำนมเหลืออยู่หรือไม่
- สังเกตสีของน้ำนม: น้ำนมที่ปั๊มออกมาในช่วงแรกมักจะมีสีเหลืองและข้นกว่าน้ำนมที่ปั๊มออกมาในช่วงท้าย
- บีบที่เต้านมเบาๆ: หากมีน้ำนมไหลออกมา แสดงว่ายังมีน้ำนมเหลืออยู่
- สังเกตความรู้สึกของเต้านม: หากเต้านมยังรู้สึกตึงหรือเจ็บ แสดงว่าอาจมีน้ำนมเหลืออยู่
ลดรอบปั๊ม กี่เดือน
หากมีน้ำนมเก็บสำรองเพียงพอ คุณแม่สามารถลดรอบการปั๊มได้ เมื่อลูกอายุ 6 เดือน ซึ่งเป็นช่วงที่ลูกเริ่มรับประทานอาหารตามวัย โดยอาหารตามวัยจะช่วยทดแทนนมได้ 1 มื้อค่ะ
วิธีลดรอบการปั๊มนม ไม่ให้น้ำนมหด
- เพิ่มระยะห่างในการปั๊ม: หลังจากลูกอายุ 6 เดือน ให้เริ่มลดรอบการปั๊มเป็นทุก 4-5 ชั่วโมง
- บีบมือระบายน้ำนม: หลังจากปั๊มนมแล้ว ให้บีบมือระบายน้ำนมที่เหลือในเต้านมเพื่อป้องกันการอุดตัน
- ทำ Power Pumping (PP) วันละ 1 ครั้ง: ช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำนมและรักษาปริมาณน้ำนม
- เพิ่มการให้นมลูกจากเต้า: เพื่อกระตุ้นการผลิตน้ำนมจากเต้า
สำหรับคุณแม่ที่ทำงานนอกบ้าน
- แจ้งคนดูแลลูก ให้ทราบว่าคุณแม่จะกลับถึงบ้านเมื่อไหร่ เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกได้รับนมจากขวดภายใน 1 ชั่วโมงก่อนคุณแม่กลับถึงบ้าน
- ให้ลูกดูดนมจากเต้าเมื่อกลับถึงบ้าน ให้ลูกดูดนมจากเต้าทันทีอย่างน้อย 1 มื้อ และอีก 1 มื้อก่อนนอน
- หากลูกนอนนานเกิน 6 ชั่วโมง: ให้ปั๊มนม 1 รอบเพื่อรักษาปริมาณน้ำนม
- ก่อนไปทำงาน: ให้ลูกดูดนมจากเต้าอีก 1 มื้อ
สำหรับคุณแม่ปั๊มล้วน
- เริ่มลดรอบหลังลูกอายุ 6 เดือน: โดยเพิ่มระยะห่างระหว่างการปั๊มทีละ 1 ชั่วโมง เช่น จากทุก 3 ชั่วโมง เป็นทุก 4 ชั่วโมง
- บีบมือระบายน้ำนม: หลังจากปั๊มนมทุกครั้ง
- ทำ Power Pumping วันละ 1 ครั้ง: เพื่อกระตุ้นการผลิตน้ำนม
ไขข้อสงสัยกันไปแล้วนะคะว่า ลูกเข้าเต้าแล้ว ควรปั๊มไหม และทั้งเข้าเต้า ทั้งปั๊มจัดเวลายังไงดี รวมถึงคำถามอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับนมแม่ หวังว่าคุณแม่จะได้คำตอบและแนวทางในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างราบรื่นและนานเท่าที่ต้องการนะคะ เพื่อให้คุณแม่เลี้ยงลูกอย่างสบายใจ มีน้ำนมเพียงพอ ส่วนลูกน้อยก็กินอิ่มนอนหลับและเจริญเติบโตสมวัยค่ะ
ที่มา : enfababy , โรงพยาบาลวิชัยเวช , เลี้ยงลูกตามใจหมอ , พี่กัลนมแม่
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ท่าให้นมที่ถูกต้อง อุ้มลูกเข้าเต้า 4 ท่าพื้นฐาน ช่วยลูกดูดนมง่าย แม่สบายเต้า
แจก! ตารางปั๊มนม สำหรับคุณแม่มือใหม่ ปั้มแบบไหนไม่ระบมเต้านม
5 ผลไม้บำรุงน้ำนม เพิ่มน้ำนมให้กับคุณแม่น้ำนมน้อย