โรคมือเท้าปากกับ RSV ต่างกันยังไง โรคระบาดที่ต้องเฝ้าระวัง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

โรคมือเท้าปากและ RSV (Respiratory Syncytial Virus) เป็นสองโรคที่พบบ่อยในเด็กเล็ก ทั้งสองมีอาการคล้ายคลึงกันจนทำให้หลายคนสับสน แต่ในความเป็นจริงมีความแตกต่างกันมาก การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ โรคมือเท้าปากกับ RSV ต่างกันยังไง มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากจะช่วยให้ผู้ปกครองสามารถรับมือและป้องกันได้อย่างถูกต้อง

 

โรคมือเท้าปาก คืออะไร 

โรคมือเท้าปากคือการติดเชื้อไวรัสที่พบบ่อยในเด็กเล็ก ส่วนมากเกิดจากการติดเชื้อไวรัสกลุ่มเอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) โดยเฉพาะไวรัสคอกซากี (Coxsackievirus) และเอนเทอโรไวรัส 71 (Enterovirus 71)  ซึ่งสามารถแพร่กระจายผ่านทางน้ำลาย น้ำมูก หรืออุจจาระของผู้ติดเชื้อ

อ่านเพิ่มเติม: โรคมือเท้าปาก โรคใกล้ตัวเด็กวัยเรียน ทารก-เด็กเล็ก ก็มีโอกาสป่วยง่าย

 

RSV คืออะไร?

RSV หรือ Respiratory Syncytial Virus เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ส่วนใหญ่มักเกิดในเด็กทารกและเด็กเล็ก อาการเริ่มต้นอาจคล้ายกับโรคหวัด แต่สามารถพัฒนาไปเป็นโรคปอดบวมได้ในบางกรณี อาการสำคัญคือ หายใจลำบาก มีไข้ ไอ และมีน้ำมูก แต่ในบางกรณีอาจรุนแรงขึ้นจนทำให้หายใจลำบาก หายใจเร็ว หรือมีเสียงหวีดเวลา หายใจ โดยไวรัส RSV สามารถแพร่กระจายได้ง่ายผ่านการสัมผัสกับของเหลวจากทางเดินหายใจของผู้ที่ติดเชื้อ เช่น การไอ การจาม หรือการสัมผัสกับพื้นผิวที่มีไวรัสอยู่ 

อ่านเพิ่มเติม: 10 อาการ RSV ในทารก และเด็กเล็ก สัญญาณเตือนที่พ่อแม่ควรรู้

 

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

โรคมือเท้าปากกับ RSV ต่างกันยังไง

โรคมือเท้าปาก โรค RSV
สาเหตุ เชื้อไวรัสในกลุ่ม Enterovirus โดยเฉพาะ Coxsackievirus
เชื้อไวรัส Respiratory Syncytial Virus (RSV)
กลุ่มอายุที่พบบ่อย เด็กเล็ก อายุ 5 ปี หรือต่ำกว่า
เด็กเล็ก โดยเฉพาะทารกอายุต่ำกว่า 2 ปี
ลักษณะอาการ มีแผลพุพองที่มือ เท้า และปาก
อาการทางระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ น้ำมูกไหล หายใจลำบาก
การแพร่กระจาย ติดต่อผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่ง
ติดต่อผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งหรือสูดหายใจ
ระยะฟักตัว ประมาณ 3-6 วัน ประมาณ 2-8 วัน
การรักษา รักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ และยาบรรเทาอาการเจ็บปาก
รักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ และยาช่วยในการหายใจ
ภาวะแทรกซ้อน อาจทำให้เกิดภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบหรือภาวะหัวใจล้มเหลวในกรณีรุนแรง
อาจทำให้เกิดปอดบวม หรือภาวะการหายใจล้มเหลว
การป้องกัน ล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วย
ล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วย หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด
การแพร่ระบาด มักพบในช่วงฤดูร้อน
มักพบในช่วงฤดูหนาว

 

สถานที่ที่มักจะติดเชื้อโรคมือเท้าปากกับ RSV

โรคมือเท้าปาก และ RSV มักพบได้บ่อยในสถานที่ที่มีเด็ก ๆ รวมตัวกันอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น

  • โรงเรียน: เด็ก ๆ มักมีการสัมผัสใกล้ชิดกัน เล่นด้วยกัน และใช้ของใช้ร่วมกัน ซึ่งเป็นช่องทางการแพร่เชื้อที่สำคัญ
  • ศูนย์รวมเด็ก: เช่น ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สนามเด็กเล่น สวนสนุก สวนน้ำ
  • สถานที่ที่มีการรวมตัวของคนจำนวนมาก: เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ ตลาดนัด สวนสาธารณะ
  • สถานที่ที่อากาศไม่ถ่ายเทสะดวก: เช่น รถโดยสารสาธารณะ รถเมล์ รถตู้

นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย เช่น:

  • การอยู่ร่วมบ้านกับผู้ป่วย: สมาชิกในครอบครัวมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ
  • การดูแลผู้ป่วย: ผู้ดูแลเด็กเล็กหรือผู้ป่วย RSV ควรล้างมือบ่อย ๆ
  • การสัมผัสน้ำลาย น้ำมูก เสมหะ หรืออุจจาระของผู้ป่วย: เช่น การสัมผัสเสื้อผ้า ของเล่น หรือใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

การป้องกันโรคมือเท้าปาก

วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคมือเท้าปากคือการรักษาสุขอนามัยที่ดี ดังนี้

  • ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำ โดยเฉพาะหลังใช้ห้องน้ำ ก่อนรับประทานอาหาร และหลังสัมผัสกับผู้ป่วย
  • ใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ เมื่อไม่มีสบู่และน้ำให้ใช้
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย เช่น การจูบ กอด หรือใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน
  • ไม่ใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น แก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า และช้อนส้อม
  • ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อพื้นผิวและสิ่งของที่สัมผัสบ่อย ๆ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ของเล่น และลูกบิดประตู
  • สวมหน้ากากอนามัย เมื่ออยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย
  • หลีกเลี่ยงการไปสถานที่ที่มีผู้คนหนาแน่น ในช่วงที่โรคระบาด
  • พักผ่อนให้เพียงพอ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

การป้องกันโรคมือเท้าปากสำหรับเด็กเล็ก

  • ล้างมือให้เด็กบ่อย ๆ โดยเฉพาะหลังใช้ห้องน้ำ ก่อนรับประทานอาหาร และหลังเล่นนอกบ้าน
  • ตัดเล็บให้เด็กสั้น เพื่อป้องกันการเกาและทำให้แผลตุ่มแตก
  • สอนให้เด็กไอหรือจามใส่ทิชชู และทิ้งทิชชูที่ใช้แล้วลงในถังขยะที่มีฝาปิด
  • สอนให้เด็กไม่เอานิ้วเข้าปาก
  • ดูแลเด็กให้พักผ่อนให้เพียงพอ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์

บทความที่น่าสนใจ: 7 ขั้นตอนการล้างมือ อย่างถูกวิธี เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดี ปราศจากเชื้อโรค

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

การป้องกัน RSV

การป้องกัน RSV ที่ดีที่สุดคือ การรักษาความสะอาด โดยวิธีหลัก ๆ ที่ช่วยป้องกัน RSV มีดังนี้

  • ล้างมือบ่อย ๆ ทั้งมือของผู้ใหญ่และเด็ก ใช้สบู่อ่อนๆ ล้างมือให้ทั่วมือและนิ้วมือเป็นเวลา 20 วินาที ล้างมือทุกครั้งหลังไอ จาม หรือหลังสัมผัสกับน้ำมูกหรือน้ำลายของผู้อื่น
  • ใช้เจลล้างมือ ที่มีแอลกอฮอล์อย่างน้อย 60% เมื่อไม่มีน้ำและสบู่ให้ใช้
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย หลีกเลี่ยงการจูบ กอด หรือสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่ป่วย RSV
  • สวมหน้ากากอนามัย สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ใกล้ชิดกับเด็กเล็กหรือผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
  • ปิดปากและจมูกเมื่อไอหรือจาม ใช้กระดาษทิชชูปิดปากและจมูก ทิ้งกระดาษทิชชูที่ใช้แล้วลงในถังขยะที่มีฝาปิด ล้างมือหลังไอหรือจาม
  • ทำความสะอาดพื้นผิวที่สัมผัสบ่อย ๆ ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อพื้นผิวที่สัมผัสบ่อยๆ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ของเล่น และลูกบิดประตู
  • ให้นมบุตร การให้นมบุตรช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของทารกและช่วยปกป้องพวกเขาจาก RSV

 

วิธีการรักษาโรคมือเท้าปากและ RSV

การเจ็บป่วยของลูกน้อย ๆ มักเป็นที่ท้าทายสำหรับพ่อแม่ โรคมือเท้าปากและ RSV เป็นเรื่องที่ทำให้คุณกังวล แต่ไม่ต้องห่วงมาก เพราะมีวิธีรักษาที่มีประสิทธิภาพ

วิธีการรักษาโรคมือเท้าปาก 

  • ให้สารอาหารและน้ำที่เพียงพอ: เด็กที่ป่วยอาจมีอาการเบื่ออาหารและเจ็บคอ ทำให้ดื่มน้ำและทานอาหารได้น้อยลง สิ่งสำคัญคือต้องให้เด็กได้รับสารอาหารและน้ำที่เพียงพอเพื่อป้องกันการขาดน้ำ
  • ยาลดไข้และยาลดอาการเจ็บคอ: ยาพาราเซตามอลหรือไอบูโพรเฟนสามารถช่วยลดไข้และบรรเทาอาการเจ็บคอ
  • เช็ดตัวเพื่อลดไข้: การเช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นสามารถช่วยลดไข้ได้
  • รักษาความสะอาด: ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำสบู่ โดยเฉพาะหลังเข้าห้องน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าและผ้าอ้อมบ่อยๆ และทำความสะอาดพื้นผิวที่ปนเปื้อน
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิด: เด็กที่ป่วยควรแยกตัวจากเด็กอื่นๆ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ

วิธีการรักษา RSV 

  • การรักษาตามอาการ: เช่นเดียวกับโรคมือเท้าปาก การรักษา RSV มักมุ่งเน้นไปที่การรักษาตามอาการ เช่น การให้ยาลดไข้ ยาแก้ไอ และน้ำเกลือแร่
  • ยาต้านไวรัส: ในบางราย แพทย์อาจสั่งยาต้านไวรัส
  • การนอนพักในโรงพยาบาล: เด็กที่มีอาการ RSV รุนแรงอาจต้องนอนพักในโรงพยาบาลเพื่อรับการดูแลอย่างใกล้ชิด

การดูแลและรักษาโรคมือเท้าปากและ RSV ต้องเน้นการจัดการอาการและการป้องกันการแพร่เชื้อโรคให้เหมาะสม เพื่อให้ลูกน้อยได้รับการรักษาที่เหมาะสมและเร็วที่สุด แต่ควรปรึกษาแพทย์เสมอเมื่อมีข้อสงสัยหรืออาการรุนแรง ๆ อาจจำเป็นต้องรับการรักษาในโรงพยาบาลในบางกรณี

ที่มา: www.primary-health.net, cpmgsandiego.com

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:

โรค มือ เท้า ปาก อันตรายไหม เด็กเป็นได้หรือไม่ ติตง่ายแค่สัมผัส

เริ่มระบาดอีก! โรคเฮอร์แปงไจน่า โรคน่ากลัวกลุ่มเดียวกับ มือ เท้า ปาก

เช็กอาการไวรัส RSV โรคติดต่อที่ต้องระวังในช่วงปลายฝนต้นหนาว

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความโดย

Siriluck Chanakit