ฝังยาคุม กับ กินยาคุม ต่างกันอย่างไร ? มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง

หลายคนสงสัย การฝังยาคุม แตกต่างจากการกินยาคุมอย่างไร แบบไหนได้ผลดีกว่ากัน การฝังยาคุมและการกินยาคุมมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง ไปดูกันเลย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

การกินยาคุมกำเนิด หรือ ฝังยาคุม คงเป็นตัวเลือกสำหรับสาว ๆ หลาย ๆ คน อาจจะด้วยปัจจัยหลายอย่างทำให้การกินยาคุม หรือฝังยาคุมจำเป็นในชีวิตประจำวัน แต่เมื่อไหร่ที่พร้อมแล้ว หากหยุดกินยาคุมหรือเอาเข็มคุมกำเนิดออก ต้องรอนานแค่ไหนถึงจะท้อง และการฝังยาคุมกับกินยาคุมมันต่างกันมากน้อยแค่ไหน วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลมาฝากสาว ๆ กันแล้ว ไปดูกันเลย

 

ยาฝังคุมกำเนิด คืออะไร ?

ฝังยาคุม

การฝังยาคุม คือการคุมกำเนิดแบบชั่วคราว โดยใช้ฮอร์โมนเดี่ยวบรรจุไว้ภายในแท่งพลาสติก แล้วนำไปฝังที่ใต้ท้องแขน เมื่อตัวฮอร์โมนทำปฏิกิริยากับร่างกาย ก็จะทำให้ไม่มีการตกไข่ ซึ่งจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้

 

ผลข้างเคียงของการฝังยาคุมกำเนิด มีอะไรบ้าง

  • ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ มาแบบกะปริดกะปรอย หรือมีตกขาวมาก บางรายอาจมีประจำเดือนติดต่อกันหลายวัน หรือในบางรายอาจจะไม่มีประจำเดือนเลย
  • ในบางรายมีอาการปวดท้องประจำเดือน ในช่วง 2 – 3 เดือนแรก
  • มีอาการปวดแขนบริเวณที่ฝังยาคุม
  • แผลที่ฝังยาคุมอาจเกิดรอยแผลเป็นหรือเกิดอาการอักเสบได้
  • มีอารมณ์แปรปรวน เจ็บเต้านม
  • มีน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น
  • เกิดภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดต่ำ

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ข้อเสียของการฝังยาคุมกำเนิด

  • การฝัง หรือการถอดยาคุมจะต้องทำโดยแพทย์เท่านั้น ไม่สามารถใส่หรือถอดเองได้
  • ประจำเดือนจะมาแบบกะปริดกะปรอย ซึ่งอาจทำให้เป็นปัญหาของหลาย ๆ คน แต่เมื่อผ่านระยะ 1 ปีไปแล้ว ปัญหาแบบนี้ก็จะลดลง
  • อาจพบภาวะแทรกซ้อนจากการฝังยาคุมได้ เช่น มีก้อนเลือดคลั่งบริเวณที่กรีด
  • อาจพบตำแหน่งแท่งยาที่แตกต่างไปจากเดิม แต่กรณีแบบนี้พบได้น้อย

 

ยาคุมแบบกินมีแบบไหนบ้าง ?

ยาคุมแบบกิน เป็นยาที่ใช้เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์แบบชั่วคราว แบ่งเป็น 2 ชนิดคือ ชนิดฮอร์โมนเดี่ยว ที่มีส่วนประกอบของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพียงอย่างเดียว กับชนิดฮอร์โมนรวม ที่มีกลุ่มเอสโตรเจนผสมกับฮอร์โมนในกลุ่มโพสเจสติน ซึ่งมีแบบ 21 เม็ด และ 28 เม็ด ซึ่งมีข้อแตกต่างกันดังนี้

บทความที่เกี่ยวข้อง : 100 สิ่งที่คุณแม่หลังคลอดต้องรู้ ตอนที่ 28 ยาคุมกำเนิดแบบไหน แม่ให้นมบุตรกินได้ ?

 

  • ยาคุมแบบ 21 เม็ด

ทุกเม็ดที่กินเข้าไปไม่มีแป้ง กินยาในเวลาเดียวกันทุกวัน วันละ 1 เม็ด จนหมดแผงแล้วหยุดกินยาเป็นเวลา 7 วัน ก่อนเริ่มแผงใหม่ และในช่วงระยะเวลาที่หยุดยานั้น ประมาณ 1 – 3 วัน ประจำเดือนก็จะมา

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

  • ยาคุมแบบ 28 เม็ด

มีตัวยาที่เป็นฮอร์โมน 21 เม็ด และแป้งอีก 7 เม็ด กินยาในเวลาเดียวกัน วันละ 1 เม็ด จนหมดแผงแล้วต่อแผงใหม่ ซึ่งในช่วงที่กินเม็ดแป้งประมาณเม็ดที่ 1 – 3 ประจำเดือนก็จะมา

 

  • ยาคุมฉุกเฉิน

การใช้ยาคุมฉุกเฉินใช้กรณีฉุกเฉิน หรือมีความผิดพลาดเท่านั้น เนื่องจากการใช้ยาคุมฉุกเฉินระยะยาว อาจทำให้เกิดความผิดปกติต่อระบบสืบพันธุ์ในอนาคตได้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความที่เกี่ยวข้อง : ยาคุมฉุกเฉิน ใช้อย่างไร วิธีกินที่ถูกต้อง ยาคุมฉุกเฉินป้องกันการท้องได้จริงหรือ?

 

ผลข้างเคียงของการกินยาคุมแบบเม็ดมีอะไรบ้าง

  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • มีเลือดออกผิดปกติ
  • อารมณ์แปรปรวน
  • มีหลอดเลือดอุดตัน
  • หากลืมกินจะทำให้ประสิทธิภาพของตัวยาลดลง

 

ฝังยาคุม กับ กินยาคุม แตกต่างกันอย่างไร ?

  • การฝังยาคุมจะมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดสูงกว่าชนิดเม็ด เนื่องจากสามารถฝังได้นาน 3 – 5 ปี แล้วแต่ชนิดของตัวยา
  • ไม่ต้องกินยาเม็ดทุกวัน ลดโอกาสเสี่ยงในการลืมกินยา
  • การฝังยาคุม มีฮอร์โมนโปรเจสตินเพียงอย่างเดียว ต่างกับยาคุมแบบเม็ดที่บางยี่ห้อจะมีฮอร์โมนผสม ทำให้ผู้ที่ฝังยาคุม ไม่มีผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เป็นฝ้า
  • ใช้ได้ดีในแม่ให้นมลูก เนื่องจากตัวยาไม่มีผลต่อการหลั่งน้ำนม
  • การฝังยาคุมไม่ทำให้การทำงานของตับเปลี่ยนแปลง ผู้ที่กินยาคุมแบบเม็ดในระยะเวลานานมีโอกาสทำให้การทำงานของตับเปลี่ยนแปลงได้

 

ฝังยาคุมแล้ว ถุงยางยังจำเป็นอยู่ไหม ?

ฝังยาคุมต่างจากยาคุมแบบกินอย่างไร

แม้ว่าการฝังยาคุม จะเป็นทางเลือกในการคุมกำเนิด ที่ได้ประสิทธิภาพดีที่สุดกว่ายาคุมชนิดอื่น ๆ แต่การใส่ถุงยางอนามัย ก็ยังเป็นสิ่งสำคัญ ในการป้องกัน และยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ แต่การใส่ถุงยางก็ไม่ได้ช่วยป้องกันโรคได้ทุกโรคเสมอไป มีโรคบางโรคที่ถุงยางไม่สามารถป้องกันได้ เช่น โลน เริม หิด หูดหงอนไก่ และหูดข้าวสุก เป็นต้น

 

อยากตั้งครรภ์ ควรหยุดคุมกำเนิดตอนไหน ?

  • ยาคุมแบบเม็ด

ในกรณีที่เป็นฮอร์โมนผสม หลังจากการหยุดยา ภายใน 1 – 3 เดือน หรือนานถึง 1 ปี เนื่องจากร่างกายต้องปรับตัว หากเป็นฮอร์โมนเดี่ยว สามารถตั้งครรภ์หลังจากหยุดยาภายใน 1 สัปดาห์

 

  • แผ่นแปะยาคุมกำเนิด

สามารถตั้งครรภ์ได้ภายใน 3 เดือน

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

  • วงแหวนคุมกำเนิด

หลังจากนำวงแหวนออก สามารถตั้งครรภ์ภายใน 3 เดือน

 

  • ห่วงยาคุมกำเนิด

สามารถตั้งครรภ์ได้ภายในระยะเวลา 1 ปี

 

การฝังยาคุมกำเนิด

 

  • ยาฝังคุมกำเนิด

จะสามารถกลับมามีลูกได้ ภายในระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่นำยาคุมกำเนิดแบบฝังออกจากแขน

 

  • ยาฉีดยาคุมกำเนิด

สามารถตั้งครรภ์ อย่างน้อยภายใน 10 เดือน หรือนานที่สุด 18 เดือน สำหรับผู้ที่ใช้วิธีการฉีดยาคุม หากต้องการวางแผนในการมีบุตร ควรพบแพทย์เพื่อปรึกษาในขั้นตอนของการมีบุตร

 

บทความที่เกี่ยวข้อง : 

กินยาคุมนานๆ ข้อเสียของการกินยาคุม ผลตกค้างของยาเม็ดคุมกำเนิด ที่สาวๆ ต้องรู้

100 สิ่งแม่ท้องต้องรู้ ตอนที่ 36 การกินยาคุมช่วงตั้งครรภ์ อันตรายไหม?

ลืมกินยาคุม 1 วัน จะเป็นอะไรไหม ต้องทำอย่างไร วิธีกินยาที่ถูกต้อง

 

ที่มา : worldwideivf , medthai , thematter

บทความโดย

Nanticha Phothatanapong