เมื่อการตั้งครรภ์เข้าสู่สัปดาห์ที่ 37-38 ร่างกายของทารกในครรภ์สมบูรณ์พอที่จะออกมาสู่โลกภายนอกแล้ว อีกไม่นานคุณแม่ก็จะได้เจอหน้าลูกน้อยแล้ว อย่างไรก็ตามหาก ปากมดลูกไม่เปิด ตามที่คาดการณ์ไว้ อาจทำให้คุณแม่รู้สึกกังวลและไม่แน่ใจเกี่ยวกับการคลอด ดังนั้น บทความนี้จะพาคุณแม่ไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะปากมดลูกไม่เปิด ตั้งแต่สาเหตุ อาการ วิธีการเร่งคลอด ไปจนถึงการดูแลตัวเอง เพื่อให้คุณแม่สามารถเตรียมตัวและรับมือกับสถานการณ์นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปากมดลูกเปิด เป็นยังไง
ปากมดลูก คือ ส่วนปลายของมดลูกที่เชื่อมต่อกับช่องคลอด ในระหว่างตั้งครรภ์ ปากมดลูกจะปิดสนิทเพื่อป้องกันไม่ให้อาหารและของเสียรั่วไหลออกมา แต่เมื่อถึงเวลาคลอด ปากมดลูกจะค่อยๆ เปิดออกเพื่อให้ทารกสามารถผ่านออกมาได้
เราจะรู้ได้ไงว่าปากมดลูกเปิด
การตรวจสอบว่าปากมดลูกเปิดหรือไม่ แพทย์จะทำการตรวจภายใน ซึ่งเป็นการตรวจโดยตรงเพื่อวัดขนาดการเปิดของปากมดลูก นอกจากนี้ คุณแม่เองก็อาจสังเกตเห็นสัญญาณบางอย่างได้ เช่น
- เจ็บท้องคลอด: เป็นอาการที่บ่งบอกว่ามดลูกกำลังบีบตัวเพื่อให้ปากมดลูกเปิด
- มีมูกเลือด: อาจเป็นมูกเลือดสีแดงสดหรือสีน้ำตาลปนแดง
- น้ำเดิน: คือ ถุงน้ำคร่ำแตก ทำให้มีน้ำใสๆ ไหลออกมาจากช่องคลอด
ปากมดลูกเปิด 4 เซนกี่ชั่วโมงคลอด
อัตราการเปิดของปากมดลูกและระยะเวลาในการคลอดแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ขนาดของทารก ความแข็งแรงของมดลูก และประสบการณ์ในการคลอดครั้งก่อนๆ โดยทั่วไปแล้ว เมื่อปากมดลูกเปิดประมาณ 4 เซนติเมตร ถือว่าเข้าสู่ระยะ active labor หรือเป็นระยะที่เจ็บครรภ์ที่เร่งขึ้น ใช้เวลาประมาณ 3-5 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น
กระบวนการคลอดที่ต้องรู้
กระบวนการคลอดสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระยะหลัก ซึ่งแต่ละระยะมีความสำคัญและมีความแตกต่างกันไป ดังนี้
- ระยะเปิด: เป็นระยะที่ปากมดลูกค่อยๆ เปิดออก
- ระยะเบ่ง: เป็นระยะที่คุณแม่จะรู้สึกอยากเบ่งเพื่อให้ทารกออกมา
- ระยะหลังคลอด: เป็นระยะที่รกหลุดออกมาจากมดลูก
ระยะที่ 1: ระยะเปิด (Latent phase)
เป็นระยะเริ่มต้นของการคลอด มดลูกจะเริ่มหดตัวเป็นช่วงๆ ทำให้ปากมดลูกค่อยๆ เปิดกว้างขึ้นเรื่อยๆ เพื่อเตรียมช่องทางให้ทารกได้ออกมา คุณแม่จะมีอาการ เจ็บท้องเป็นระยะๆ คล้ายประจำเดือนมา แต่ปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ปวดหลัง ปวดท้องน้อย มีเลือดออกเล็กน้อย เนื่องจาก
- การหดตัวของมดลูก: มดลูกจะหดตัวเป็นจังหวะเพื่อดันทารกให้เคลื่อนตัวลงมาด้านล่างและดันปากมดลูกให้เปิดกว้างขึ้น
- การเปลี่ยนแปลงของปากมดลูก: ปากมดลูกจะค่อยๆ เปลี่ยนจากรูปร่างที่แข็งและปิดสนิท มาเป็นรูปร่างที่นิ่มและเปิดกว้างขึ้นเรื่อยๆ
ระยะเปิด สามารถแบ่งออกเป็น 2 ระยะย่อย ดังนี้
- ระยะเริ่มต้น (Latent phase): เป็นช่วงเริ่มต้นของการคลอด มดลูกจะหดตัวไม่บ่อยนัก อาการเจ็บท้องยังไม่รุนแรงมาก และปากมดลูกก็ยังเปิดไม่กว้างนัก (มักจะน้อยกว่า 4 เซนติเมตร) ระยะนี้มักใช้เวลานานที่สุดในกระบวนการคลอดทั้งหมด
- ระยะแอคทีฟ (Active phase): เมื่อปากมดลูกบางตัวเต็มที่และเปิดกว้างประมาณ 4 เซนติเมตรขึ้นไป จะถือว่าเข้าสู่ระยะแอคทีฟ มดลูกจะหดตัวบ่อยขึ้นและรุนแรงขึ้น ทำให้ปากมดลูกเปิดกว้างเร็วขึ้น โดยเฉลี่ยประมาณ 1 เซนติเมตรต่อชั่วโมง หรือหากตรวจภายในทุก 2 ชั่วโมง ก็ควรจะพบว่าปากมดลูกเปิดเพิ่มขึ้นประมาณ 2 เซนติเมตร
ระยะที่ 2: ระยะเบ่ง (Expulsive phase)
เมื่อปากมดลูกเปิดกว้างเต็มที่แล้ว คุณแม่จะรู้สึกอยากเบ่งเพื่อดันทารกออกมา อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน รู้สึกเหนื่อยล้า โดยเฉลี่ยแล้วระยะนี้จะใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง จนกว่าศีรษะของทารกโผล่ออกมาจากช่องคลอด แต่ก็อาจใช้เวลานานขึ้นหรือสั้นลงได้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ขนาดของทารก และความพร้อมของช่องคลอด
ระยะที่ 3: ระยะหลังคลอด (Placental stage)
เป็นระยะที่รกหลุดออกมาจากมดลูก โดยมดลูกจะยังคงหดตัวต่อไปเพื่อให้รกหลุดออกมา อาจมีเลือดออกเล็กน้อย โดยเฉลี่ยแล้วระยะนี้จะใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที
ระยะเวลาของการคลอดแต่ละระยะอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น อายุของแม่ ขนาดของทารก จำนวนครั้งที่เคยคลอด และสุขภาพโดยรวมของแม่
ปากมดลูกไม่เปิด เกิดจาก
สาเหตุที่ทำให้ปากมดลูกไม่เปิด มีหลายปัจจัย เช่น
- ทารกอยู่ในท่าที่ผิดปกติ: เช่น ทารกหันหน้าลง หรือสะโพกอยู่ก่อน
- มดลูกมีปัญหา: เช่น มดลูกอ่อนแรง หรือมีการหดตัวของมดลูกไม่สม่ำเสมอ
- ปากมดลูกมีความผิดปกติ: เช่น ปากมดลูกสั้น หรือปากมดลูกไม่แข็งแรง
- ปัจจัยอื่นๆ: เช่น น้ำหนักตัวของแม่มากเกินไป หรือมีโรคประจำตัวอื่นๆ
ปากมดลูกไม่เปิด เร่งคลอดได้ไหม
หากปากมดลูกไม่เปิดตามที่คาดการณ์ไว้ แพทย์อาจพิจารณาใช้มาตรการเร่งคลอด เช่น
- การใช้ยาเร่งคลอด: แพทย์จะให้ยาเร่งคลอดผ่านทางสายน้ำเกลือ เพื่อกระตุ้นให้มดลูกบีบตัว
- การเจาะถุงน้ำคร่ำ: เพื่อกระตุ้นให้มดลูกบีบตัว
- การทำการกวาดมดลูก: แพทย์จะใช้นิ้วกวาดไปที่บริเวณปากมดลูก เพื่อทำการกระตุ้นให้ปากมดลูกเกิดการขยายตัว
คุณหมอจะตัดสินเมื่อไหร่ว่าปากมดลูกไม่เปิดเพิ่มแน่แล้ว
ในระยะแอคทีฟ เป็นช่วงที่มดลูกหดตัวบ่อยและแรงขึ้น ทำให้ปากมดลูกเปิดกว้างเร็วขึ้น โดยเฉลี่ยแล้ว ปากมดลูกจะเปิดกว้างขึ้นประมาณ 1 เซนติเมตรในทุกๆ 1 ชั่วโมง ถ้าตรวจภายในทุก 2 ชั่วโมง ก็ควรจะพบว่าปากมดลูกเปิดเพิ่มขึ้นประมาณ 2 เซนติเมตร
หากตรวจภายในซ้ำแล้ว ปากมดลูกไม่เปิดเพิ่มขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้ แพทย์จะพิจารณาตรวจซ้ำอีกครั้งในอีก 2 ชั่วโมงข้างหน้า หากยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง อาจบ่งบอกว่ามีภาวะปากมดลูกไม่เปิดเพิ่ม ซึ่งอาจส่งผลต่อการคลอดตามธรรมชาติได้ ในกรณีนี้ แพทย์อาจแนะนำให้เปลี่ยนเป็นการผ่าคลอดเพื่อความปลอดภัยของทั้งคุณแม่และลูกน้อย
วิธีทำให้ปากมดลูกเปิดเร็ว แบบธรรมชาติ
มีหลายวิธีที่อาจช่วยให้ปากมดลูกเปิดเร็วขึ้นแบบธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ก่อนจะลองใช้วิธีใดๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และลูกน้อย
- การมีเพศสัมพันธ์: สเปิร์มมีสารที่ช่วยให้ปากมดลูกนิ่มลง การมีเพศสัมพันธ์ยังช่วยกระตุ้นให้มดลูกบีบตัวได้อีกด้วย
ข้อควรระวัง ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์หากมีภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ เช่น มีเลือดออกจากช่องคลอด หรือมีปรกติเกี่ยวกับรก
- การเดิน: การเดินจะช่วยให้ทารกเคลื่อนตัวลงมาด้านล่างและกดทับปากมดลูก ทำให้ปากมดลูกเปิดได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ การเดินยังช่วยกระตุ้นให้มดลูกบีบตัวได้ดีขึ้น
ข้อควรระวัง ควรเดินในบริเวณที่ปลอดภัย และไม่ควรเดินเร็วหรือออกกำลังกายหนักเกินไป
- การนวด: การนวดเต้านม บริเวณลานนมและหัวนมเบาๆ เป็นวงกลมเบาๆ นั้น อาจช่วยกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนออกซิโทซิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยให้มดลูกหดตัวได้ดีขึ้น ทำให้เกิดการเจ็บท้องคลอดตามมาได้ นวดบริเวณลานนมและหัวนมเบาๆ เป็นวงกลม
ข้อควรระวัง การนวดเต้านมเป็นวิธีหนึ่งที่อาจช่วยกระตุ้นการคลอดได้ แต่ผลลัพธ์จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และไม่ควรนวดแรงจนเกินไป
- การกินอาหาร:อาหารบางชนิด เช่น ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง (สตรอว์เบอร์รี ส้ม) หรืออาหารที่มีใยอาหารสูง (ผักใบเขียว ธัญพืช) อาจช่วยกระตุ้นการบีบตัวของมดลูกได้
ข้อควรระวัง: ควรกินอาหารให้หลากหลายและปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการเพื่อวางแผนการกินที่เหมาะสม
ภาวะ ปากมดลูกไม่เปิด เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในคุณแม่ตั้งครรภ์ และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คุณหมอตัดสินใจทำการผ่าคลอดให้คุณแม่ การที่คุณแม่เข้าใจถึงสาเหตุ อาการ และวิธีการรับมือ จะช่วยให้คุณแม่สามารถผ่านช่วงเวลานี้ไปได้อย่างราบรื่น หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับภาวะปากมดลูกไม่เปิด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องนะคะ
ที่มา : โรงพยาบาลเปาโล , โรงพยาบาลบีเอ็นเอช , facebook คุยกับหมอแอน , enfababy , hifamilyclub
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
กลัวการคลอดลูก ทำอย่างไรดี มีวิธีไหนที่คนท้องไม่ต้องกลัวการคลอดลูกบ้าง
รีวิวการคลอดธรรมชาติของลูกชายคนแรกแบบงงๆ
ขั้นตอนคลอดลูก แบบคลอดเองและผ่าคลอด ขั้นตอนการคลอดลูก ที่แม่ท้องควรรู้