เกี๊ยวห่อชีส ยืดด~ อร่อยหนุบหนับพอดีคำ ของว่างไว้ทานเล่น อร่อยฟินทั้งครอบครัว
ฮัลโหลล~ สวัสดีค่ะคุณพ่อบ้าน คุณแม่บ้านทั้งหลาย จะสิ้นเดือนแล้วนะคะ ผ่านไปไวเหมือนโกหกเลย ไหนใครว่าง ๆ เหงา ๆ แถมหิวอยู่บ้าง วันนี้ Kidschen ขอนำเมนู เกี๊ยวห่อชีส ที่สุดแสนจะทำง่ายและมีวัตถุดิบอันน้อยนิดมาแบ่งปันกันค่ะ ขอบอกเลยว่าเคี้ยวเพลิน ๆ ระหว่างวัน อร่อยฟินทั้งครอบครัวเลย
วัตถุดิบ เกี๊ยวห่อชีส
- แผ่นเกี๊ยว
- มอสซาเรลล่าชีส
- เชดด้าชีส
- น้ำเปล่า
วิธีทำ
- อันดับแรกต้องเตรียมแผ่นเกี๊ยวมาวางไว้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการห่อ
- จากนั้นให้นำชีสทั้งสองชนิดผสมเข้าด้วยกัน
- เมื่อผสมชีสทั้งสองชนิดเรียบร้อยแล้ว ให้นำชีสไปว่างบนแผ่นเกี๊ยวที่ได้เตรียมไว้เมื่อสักครู่นี้
- วางชีสลงไปบนแผ่นเกี๊ยวมากน้อยแล้วแต่ความชอบเลย แต่ระวังอย่าได้ใส่แน่นจนห่อไม่ได้นะคะ
- เมื่อวางชีสเรียบร้อย ก็ทำการห่อชีส โดยแตะน้ำสะอาดและนำมาแตะตามมุมของแผ่นชีส จากนั้นห่อให้สวยงาม
- เมื่อห่อเกี๊ยวจนครบแล้วให้ตั้งกระทะไฟปานกลาง
- เมื่อน้ำมันในกระทะได้ที่แล้ว ให้นำเกี๊ยวชีสที่เราห่อไว้ลงไปทอดในกระทะให้มีสีเหลืองทองชวนน่ารับประทาน
- เมื่อเกี๊ยวได้ที่ ตักขึ้นจากกระทะและนำมาสะเด็ดน้ำมัน
- เพียงเท่านี้ก็ได้เกี๊ยวชีสยืดดดดด หนุบหนับพอดีคำไว้ทานเล่นระหว่างวันแล้วค่ะ อร่อย น่าทานมาก ๆ เลย
ประโยชน์
- ช่วยบำรุงกระดูก ชีสอุดมไปด้วยสารอาหารที่เหมาะสำหรับเด็กวัยเจริญเติบโตเพราะชีสให้พลังงาน แคลเซียม และโปรตีนสูง โดยเฉพาะโปรตีนและแคลเซียมซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของกระดูก ช่วยเสริมสร้างให้กระดูก และป้องกันโรคกระดูกพรุน นอกจากนี้ยังมีวิตามินดีและแมกนีเซียมในชีสยังทำหน้าที่ร่วมกันกับแคลเซียม เพื่อทำให้กระดูกแข็งแรง ลดการเกิดโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุได้
- ช่วยดูแลรักษาสุขภาพฟัน ชีสช่วยป้องกันฟันผุโดยโปรตีนในรูปแคลเซียมและฟอสฟอรัสในชีสจะเป็นตัวช่วยป้องกันสารเคลือบฟัน อีกทั้งยังช่วยเพิ่มฟองน้ำลายที่ช่วยล้างกรดและน้ำตาลในช่องปาก ซึ่งเป็นสาเหตุของฟันผุ อีกทั้งยังมีน้ำตาลในปริมาณต่ำ ได้แก่ น้ำตาลแล็กโทส มอลโทส และกลูโคส และแม้ว่าชีสจะมีปริมาณไขมันมากแต่ก็อุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์
- ช่วยควบคุมน้ำหนัก สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องน้ำหนักและคลอเรสเตอรอล แต่ชื่นชอบการรับประทานก็สามารถเลือกทานชีสประเภทไขมันต่ำ เพราะจะมีคลอเรสเตอรอลต่ำด้วยเช่นกันและโปรตีนสูงเพราะโปรตีนช่วยทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและอยู่ท้องได้นานกว่าประเภทข้าวขัดสี ทำให้ไม่ต้องการอาหารในปริมาณมากพร้อมทั้งช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้สูงเร็วเกินไป
- ช่วยเพิ่มน้ำหนัก เนื่องจากชีสบางประเภทอุดมด้วยไขมันสูงทำให้ได้พลังงานจากไขมันเพราะฉะนั้นการบริโภคในปริมาณเพียงเล็กน้อยก็จะช่วยให้ได้พลังงานสูงและช่วยเพิ่มน้ำหนักแก่คนที่ต้องการได้
- ช่วยซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ชีสเป็นแหล่งที่มาของโปรตีนที่ดี คือ มีกรดอะมิโนในปริมาณสูง หากร่างกายขาดโปรตีนจะก่อให้เกิดผลเสีย ดังนั้นถ้าเราได้รับโปรตีนเพียงพอจะช่วยให้ผิวพรรณมีความยืดหยุ่นและช่วยประสานแต่ละเซลล์ให้ยึดติดกันเป็นเนื้อเดียว ช่วยปกป้องริ้วรอย
ประเภทของชีส
1. บรี (Brie Cheese)
บรีผลิตจากนมวัว เป็นชีสที่มีความนิ่ม เพราะทำการบ่มในระยะเวลาสั้นประมาณ 5-6 สัปดาห์ มีต้นกำเนิดไกลถึงฝรั่งเศส สำหรับชีสบรี (Brie) มีลักษณะสีขาว บางครั้งอาจจะมีสีเทาเคลือบเป็นเปลือกด้านนอก มองดูผิวเผินคล้ายเค้กก้อนโต บางครั้งชาวฝรั่งเศสนิยมทานชีสบรีร่วมกับแชมเปญ เบียร์ และไวน์แดง เพราะให้รสสัมผัสที่นุ่มลิ้นอร่อยยิ่งขึ้น เป็นอีกประเภทชีสหลายคนชื่นชอบในรสชาติ
2. กามองแบร์ (Camembert Cheese)
Camembert Cheese นั้นมีลักษณะที่ใกล้เคียงกับชีสบรีมาก เป็นชีสที่มีความกลมกล่อมถูกใจคนรักชีสที่สุด เพราะมีความครีมมี่ ผสมกับรสชาติหวานนิดหน่อยมีเอกลักษณ์พิเศษมีความเป็นน้ำนมค่อนข้างชัดเจน หอม ๆ มัน ๆ
3. มอสซาเรลลา (Mozzarella Cheese)
ชีสที่โดดเด่นเรื่องความยืด นุ่มหนึบ จัดอยู่ในกลุ่ม Semi-Soft Cheese นิยมใช้เป็นชีสโรยหน้าพิซซ่า ลาซานญ่า หรือแม้กระทั่งชีสทอดก็ใช้ชีสมอสซาเรลลา คนไทยมีภาพจำของชีสยืดจากชีสประเภทนี้ ซึ่งมอสซาเรลลาทั่วไปจะมีสีขาว และมีสีเหลืองอ่อนบางครั้ง โดยขึ้นอยู่กับอาหารของสัตว์ที่กินเข้าไปในช่วงนั้น ซึ่งจัดเป็นชีสที่อร่อยกลมกล่อม
4. เฟตา (Feta Cheese)
ทำจากนมแกะหรือนมแพะ เป็นชีสสดที่มีรสเค็มไม่มาก ส่วนใหญ่ใช้ปรุงเมนูกรีกสลัด ซึ่งเป็นเมนูเพื่อสุขภาพ
5. คอทเทจ (Cottage Cheese)
คนรักสุขภาพ หรือกำลังลดน้ำหนักต้องเลือกรับประทานคอทเทจชีส (Cottage Cheese) ด้วยไขมันต่ำ อุดมด้วยโปรตีน และมีโปรไบโอติกที่ดีต่อสุขภาพลำไส้ ส่วนใหญ่จะรับประทานร่วมกับของหวาน สลัด และผลไม้เพื่อช่วยเพิ่มรสชาติคล้ายกับรับประทานครีม
6. เชดดาชีส (Cheddar Cheese)
เนยแข็งทำจากนมวัวประเภท Semi-Hard Cheese กึ่งอ่อนกึ่งแข็งที่มีชื่อเรียกตามเมือง Cheddar แคว้น Somerset แห่งประเทศอังกฤษ มีรสชาติเข้มข้น เป็นเนยแข็งที่หลายคนโปรดปราน เพราะใช้ประกอบอาหารหลากหลาย มีรสเค็มแต่ไม่ยืดเมื่อโดนความร้อน
7. พาร์มีซานชีส (Parmigiano-Reggiano or Parmesan)
มีต้นกำเนิดจากประเทศอิตาลี สามารถพบเห็นเป็นวัตถุดิบหลักในการทำอาหารอยู่เป็นประจำ เช่น ขูดโรยบนซีซาร์สลัด, พิซซ่า ซึ่งพาร์มีซานชีส นั้นยิ่งบ่มนานยิ่งอร่อย มีระยะเวลาการบ่มสูงสุด 36 เดือน (ประมาณ 3 ปี) จะยิ่งเข้มข้นมาก ๆ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
แซนวิชแฮมชีส เมนูอาหารเช้า ที่ทำง่าย ๆ ใช้เวลานิดเดียวก็อิ่มอร่อยได้ โปรตีนแน่น
อิรัชชะมาเสะ~ มาแล้วจ้า ข้าวหน้าหมูสไตล์ญี่ปุ่น อิ่มอร่อย ไม่ต้องไปไกลถึงญี่ปุ่น
บลูเบอรี่ชีสพาย เมนูที่เด็กก็ทำได้ ทำง่าย ๆ ไม่ต้องใช้เตาอบ