รักสามเส้า มีวิธีเช็กยังไงให้ปัง! ก่อนตกหลุมรักซ้อน เป็นได้แค่กิ๊ก!

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

จะมีความรักกับเขาสักที ก็คงไม่มีใครอยากตกอยู่ในสถานะเป็นตัวสำรอง หรือตกอยู่ในสภาวะ รักสามเส้า ใช่ไหมละคะ? ยังไงก็ต้องคาดหวังให้เราเป็นตัวจริงของคนรักเป็นที่แน่นอน บางคนไหวตัวทันอาจจะหนีออกจากสถานการณ์ดังกล่าวได้ทัน แต่บางคนก็มารู้ทีหลังก็ได้ว่าแท้จริงแล้วเราต่างหาก ที่กำลังตกเป็นกิ๊กของอีกฝั่ง อย่างที่ทุกคนเข้าใจว่าชีวิตของคนเรา มักมีเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้น และหนึ่งในเรื่องที่เกิดขึ้นก็เป็นเรื่องของความรัก ที่หลายคนยากที่จะรับมือได้ หากต้องตกอยู่ในความเสียใจอย่างเรื่อง “ความรัก”

 

จริงอยู่ที่ความรักเป็นเรื่องที่ออกแบบไม่ได้ แต่อย่าลืมว่าความรักมักไม่เป็นอย่างที่ใจเราวาดไว้ โชคดีอาจออกมาเป็นรูปเป็นร่างแต่ก็ไม่ใช่แบบที่ต้องการเสมอไป วันที่เวทีพรหมลิขิตหมุนคุณให้พบเจอกับใครคนนั้น คนที่ใช่ แต่โชคร้ายในความโชคดี คือคุณพบเขาผิดเวลาไปเท่านั้นเอง นั่นหมายความว่า ความรักของคุณเป็นรักซ้อน เข้าแล้วล่ะค่ะ

 

วันนี้ the Asianparent จะพาทุกคนไปเช็กสัญญาณชัดเจนที่บอกว่าเขามีตัวจริงอยู่แล้ว พร้อมทำความเข้าใจกับ 10 วิธีรักอย่างไร จึงไม่เป็นรักสามเส้า เชื่อว่าถ้าอ่านจบแล้วต้องได้ไอเดียในการรักอย่างปลอดภัย แต่เชื่อว่าบางคนอาจจะพร้อมเดินออกมาแบบสวย ๆ ก็เป็นได้ค่ะ!

 

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เช็กสัญญาณตกอยู่ในสถานะกิ๊ก

1. สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายทำตัวมีความลับ

ปกติแล้ว เวลาคนเป็นแฟนกัน ย่อมมีความคาดหวังให้อีกฝ่ายเปิดใจ เพื่อพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง โดยเป็นเรื่องปกติที่ต้องการรักษาความสัมพันธ์ให้ยืนยาว แต่ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งทำตัวแปลก ด้วยการมีความรัก ดูมีลับลมคมใน ทั้งที่มีเรื่องไม่สบายใจแต่กลับบอกว่าไม่เป็นอะไร เลี่ยงปัดคำตอบไปตลอด แถมบางวันหายไปและขาดการติดต่อ นี่แทบจะเป็นเรื่องที่ดูผิดปกติที่สุด ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้ไม่ได้น่าค้นหา หรือดูเป็นพระเอกเย็นชาในนิยาย แต่ในความเป็นจริง อีกฝ่ายอาจจะมองคุณเป็นแค่ทางผ่านชั่วคราวก็เป็นได้

2. ไม่เคยพาไปบ้านหรือเปิดเผยเรื่องครอบครัว

ถ้าอีกฝ่ายมีสัญญาณแปลก ๆ ในข้อแรกแล้ว ข้อต่อไปที่จะตามมาก็คือการไม่ได้เปิดตัว ไม่ว่าจะคบกันมาเป็นเวลานานแค่ไหน พอเอ่ยปากถามก็ได้แต่คำตอบบ่ายเบี่ยงว่าให้รอไปก่อน จงอย่าลืมนะคะ ว่าถ้าคบกันแล้วโดยที่มีความจริงจังหรือเข้มข้นถึงขั้นการวางแผนสร้างเนื้อสร้างตัว อีกฝ่ายจะชัดเจนในความสัมพันธ์ รีบพาไปเจอหรือรู้จักกับครอบครัวโดยที่เราไม่ต้องเอ่ยปากขอ หรือรู้สึกสงสัยเลยด้วยซ้ำ เพราะมันเป็นสิ่งที่คอมมอนเซนส์มาก ๆ ถ้าการเจอผู้ใหญ่ต้องเป็นความลับ ให้คิดไว้ก่อนเลยว่าหรือเราอาจจะไม่ใช่ตัวจริงก็ได้

บทความที่เกี่ยวข้อง : รักจืดจางทำไงดี ถ้าเป็นเพราะคบกันมาหลายปี แบบนี้แก้ยังไงดีนะ?

 

3. ไม่เคยรู้จักเพื่อนสักคน

ในบางครอบครัวอาจจะมีความเข้มงวดเรื่องการมีแฟน ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ อาจจะต้องเป็นขั้นการแต่งงานก็ได้ถึงจะได้รู้จักครอบครัว งั้นลองมองถึงเรื่องของเพื่อนดูสิ ว่าเรามีโอกาสได้เจอหรือรู้จักใครในวงโคจรของคนรักบ้าง เพราะถ้าไม่มีเลยชนิดที่เงียบกริบนี่ยิ่งประหลาดเข้าไปใหญ่ ไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะไม่มีเพื่อนเลยสักคน ต่อให้จะเป็นคนโลกส่วนตัวสูง แต่อย่างน้อยก็ต้องมีการเล่าหรือให้รูปถ่ายบ้าง แต่ถ้าเราไม่สามารถสืบหรือตามหาเพื่อนเขาได้เลยสักคน แสดงว่าอีกฝ่ายอาจจะต้องมีเรื่องปกปิดอย่างแน่นอน ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วอาจจะมีการเปิดตัวของตัวจริงไปแล้วนั่นเองค่ะ

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

4. โทรศัพท์คือของสงวน

ตั้งแต่เริ่มคบกันมาอีกฝ่ายไม่เคยจะห่างจากโทรศัพท์ อย่าว่าแต่วางทิ้งไว้หรือฝากถือเลย แค่เหลือบตาไปเห็น หรือถามว่าคุยกับใคร อีกฝ่ายก็มีท่าทางไม่พอใจไปแล้ว ถ้าขั้นหนักเข้า อาจจะเห็นอีกฝ่ายแชตตลอดเวลา หรือหนีไปโทรศัพท์ไกล ๆ คุยซีเรียสบ้าง มุ้งมิ้งบ้าง พอต้องแยกไปทำอะไรสักอย่างที่เอามือถือไปด้วยไม่ได้ ก็จะใส่รหัสล็อกหรือต้องปลดด้วยความแน่นหนา แบบนี้ให้ปักธงไว้ก่อนเลยว่า ตัวจริงของอีกฝ่ายอาจอยู่ในโทรศัพท์ของแฟนเธอก็ได้ ถ้าเช็กเจอเมื่อไหร่ก็จบเห่ยังไงล่ะ

 

5. ไม่เคยมีตัวตนในโซเชียล

เส้นกั้นบาง ๆ ระหว่างคนที่ไม่อยากเปิดเผยเรื่องราวบนโซเชียล กับคนที่กลัวความลับจะแตก มันง่ายนิดเดียว เพราะถึงแม้คู่รักบางคู่จะมีการตกลงกันว่าจะไม่โพสต์ถึง ไม่ลงรูปคู่ หรือไม่เช็กอินพร้อมกัน เพราะไม่อยากให้ใครมาใส่ใจ เพราะอยากคบกันเงียบ ๆ บางคนไม่แอดเฟรนด์กันเลยด้วยซ้ำ ซึ่งก็เข้าใจได้ถ้าชีวิตจริงมีการเปิดตัวเรียบร้อย พ่อแม่รู้จักกัน ไปมาหาสู่ เพื่อนก็รู้จักแทบทุกคนแล้ว แบบนี้จะขึ้นสถานะหรือไม่ก็ไม่ใช่สาระสำคัญ แต่ถ้าไม่เคยถูกเอ่ยถึงเลยสักครั้ง เป็นเสมือนเงาจำกัดการเข้าถึงและทุกอย่างล็อกไว้ ให้ปักใจเชื่อไปก่อนเลยว่า เขาอาจจะกลัวความลับแตกแน่นอน!

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

6. วันเทศกาลไม่เคยได้ฉลอง อ้างติดธุระตลอด

ข้อนี้ยิ่งต้องสงสัยหนักมาก เพราะการคบกันอย่างจริงจัง อาจจะเป็นการเจอกันบ้างในช่วงเทศกาล ที่อาจจะรองจากครอบครัวได้ เช่น เทศกาลสำคัญอย่างวาเลนไทน์ ปีใหม่ หรือ คริสต์มาส แต่ถ้าอีกฝ่ายปฏิเสธและอ้างว่าไม่ว่างตลอด รับปากแล้วแต่ต้องคอยเก้อจนเป็นปกติ โดยมีข้ออ้างเป็นนักธุรกิจพันล้าน ติดธุระนั่นนี่ หรือพ่อป่วย แม่ล้มเจ็บ หมาตายได้ตลอด ถ้าอยากรับรู้ความจริง เพราะอีกฝ่ายน่าสงสัยมาจากด้านบนทั้งหมด เทศกาลครั้งหน้าลองไปส่องโรงแรมหรู หรือ rooftop ที่คู่รักนิยมไปกันสิ อาจจะได้ภาพช็อตเด็ด เป็นหลักฐานดิ้นไม่หลุดก็เป็นได้ แต่ก็ต้องเตรียมใจไปก่อนด้วยนะ

 

 

7. ติดต่อไม่ได้เวลากลางคืน!

หลักฐานที่สำคัญที่สุดก็คือ ถ้าคนรักของเรากำลังสานสัมพันธ์อยู่ สามารถติดต่อได้แค่เวลากลางวันเท่านั้น พอเข้ากลางคืนแล้วหายเงียบ บางคนอาจจะแค่โทรหาแต่ไม่ได้รับสาย แต่กรณีที่หนักจนผิดสังเกตด้วยการปิดเครื่อง นี่คือมีพิรุธแล้วล่ะ! โดยเฉพาะคนที่มีข้อห้ามอย่างชัดเจน ว่าจะไม่สามารถติดต่อได้ในเวลาไหนบ้าง เช่น 6 โมง 1 ทุ่ม จะติดต่อไม่ได้ทันที ไม่ว่าจะพยายามโทรหรือส่งข้อความแค่ไหนก็ตาม สิ่งแรกที่เธอควรเอ๊ะคือ เขาอยู่กับใครหรือเปล่า งวดหน้าถ้าลองต่อเวลาการอยู่ด้วยกันและลองสังเกตกิริยาดู ถ้ามีการตามจิกหรือโทรเข้ารัว ๆ อาจจะชัดแล้วว่าอีกฝ่ายอาจจะมีครอบครัวรออยู่ที่บ้านก็เป็นได้!

 

ในความสัมพันธ์ของความรัก หากต้องการดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น ลองสังเกตรายละเอียดหรือการกระทำของคนรัก ระหว่างที่คบกันก็ได้ หลายคนอาจจะได้กลิ่นความแปลกและถอนตัวออกจากความสัมพันธ์ได้ทัน แต่ถ้ายังไม่พร้อมที่จะเดินออกมา หรือตั้งใจได้ว่าเราจะรักเขาต่อไปได้โดยที่จะไม่เบียดเบียน หรือรักแบบไม่เศร้า โดยที่เรายังสามารถรู้สึกกับอีกฝ่ายต่อไป ถึงแม้จะต้องปรับความสัมพันธ์ งั้นลองทำตาม 9 ข้อต่อไปนี้ วิธีการรักไม่ให้เศร้า โดยมองความเป็นจริงให้เพิ่มขึ้น

 

วิธีรักไม่ให้เป็น รักสามเส้า

1. อยู่บนพื้นฐานของความรัก

ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่วงโคจรรักซ้อนแบบนี้ ต้องถามตัวเองให้แน่ใจก่อนว่า นี่คือความรักใช่หรือไม่ เพราะถ้าเป็นแค่เกมหรือแค่ความวูบวาบหวั่นไหวไปตามอารมณ์ อาจมีคนต้องเจ็บปวดเพราะความคะนองของคุณก็เป็นได้ แต่ถ้ามันเป็นความรักจริง ๆ คุณจะควบคุมจิตใจคุณได้ และใช้เหตุผลเข้ามาช่วยตัดสินใจบ้าง

 

2. ใช้ความยับยั้งชั่งใจ

ระงับความรู้สึกที่พลุ่งพล่าน ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องดึงจิตสำนึกส่วนนี้มาใช้ให้เป็นประโยชน์ แม้ว่าการใช้ชีวิตตามความรู้สึก จะนำพาคุณให้บรรลุความปรารถนาได้ก็ตาม แต่เงื่อนไขของรักซ้อนคือความยับยั้งชั่งใจ จากนั้นใช้ความรู้สึกที่เหลือแสดงออกไป การทำเช่นนี้จะทำให้คุณมีคุณค่าและดูมีเหตุผล ในขณะที่คุณได้ทำตามความปรารถนาของคุณเองด้วย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความที่เกี่ยวข้อง : ความสัมพันธ์ 8 รูปแบบ แปลกแต่มีอยู่จริง อัปเดตได้ที่นี่!

 

3. หาคู่คิด

เพื่อหามุมมองต่าง ๆ มาหักลบ และหาทางออกให้กับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะถ้าคุณคิดอยู่คนเดียว อาจทำให้เห็นมุมมองเพียงด้านเดียวก็ได้ แต่ความรักในรูปแบบนี้ไม่ควรรู้เยอะ จะเป็นดีที่สุด เราะเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดกันได้ง่าย ถ้ายิ่งคนรู้เยอะแต่ไม่เข้าใจ จะยิ่งเป็นทุกข์ คุณควรมีคู่คิดที่เป็นคู่คิดจริง ๆ โดยต้องมั่นใจว่าอีกฝ่ายจะเก็บรักษาเรื่องราวของคุณได้ ราวกับรักษาเรื่องของตัวเอง

 

4. มีขอบเขตและเงื่อนไข

กำหนดขึ้นมาเลยว่า จะให้ความรู้สึกหรือใจกับคน ๆ นั้นได้แค่ไหน โดยที่ไม่เบียดเบียน หรือทำให้ใครต้องเจ็บปวด ให้รักครั้งนี้เป็นความรักที่หวือหวาที่สุดในชีวิตคุณ แต่เงียบที่สุดในชีวิตของเขา แล้วทำตามเงื่อนไขที่คุณกำหนดให้จงได้

 

5. ยอมรับความจริงและเผื่อใจ

ห้ามหลงตัวเองหรือหลอกตัวเอง นั่นหมายความว่า ต้องรู้จักสถานะตัวเองดีพอที่จะประเมินสถานการณ์บนความจริงได้ และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตก็ตาม ต้องรับและผ่านมันไปให้ได้ ไม่แน่ว่าความรักครั้งนี้อาจเป็นทางที่ทำให้รู้จักตัวเองอีกมุมหนึ่งของชีวิต ที่คุณไม่เคยรู้ตัวมาก่อนก็ได้ ในเมื่อคุณก้าวเข้ามาในวังวนความรักแบบนี้ คุณต้องรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าความทุกข์จะต้องรออยู่ข้างหน้า ฉะนั้นเตรียมรับมือไว้ได้เลย

 

 

6. อย่าคาดหวังเป็นอันขาด

เป็นเรื่องพื้น ๆ ที่มีคนกล่าวว่าที่ความผิดหวังเกิดขึ้นได้ ก็เพราะเราคาดหวังมันเอง แล้วจะหวังอะไรกับรักต้องห้ามครั้งนี้ ห้ามแม้แต่จะคิดหวังจะให้เขามาเป็นของคุณ แค่ได้รักกันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นแล้ว

 

7. อย่าทำให้ใครต้องเจ็บปวด

นี่คือเงื่อนไขที่สำคัญที่สุด สำหรับความรักแบบต้องห้าม ไม่อย่างนั้นความรักของคุณจะเป็นพิษทันที ถ้ามันจะทำให้ใครสักคนมีอันต้องเจ็บปวดขึ้นมา

 

8. ห้ามก้าวก่าย

ความหมายคล้าย ๆ กิ๊ก เพียงแต่จริงจังหรือจริงใจกว่ากัน การที่ต้องห้ามไปก้าวก่ายในชีวิต ก็เพราะคุณไม่มีสิทธิ์ในชีวิตของเขาคนนั้น เพราะความรักแบบซ่อนเงื่อนมีข้อจำกัดว่า คุณแค่รักกัน แต่คุณไม่ใช่ของกันและกัน

 

9. เติมเต็มในสิ่งที่เขาขาดหาย

แน่นอนเขากำลังมองหาส่วนที่ขาดหายอยู่แน่ ๆ ไม่งั้นเขาคงไม่คิดจะเปิดรับความรักที่สองเข้ามาได้หรอก เพราะฉะนั้นผู้โชคดีที่จะไปเติมส่วนขาดให้เขา คือคุณนั่นเอง เรื่องนั้นอาจเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ชีวิตเขาไม่เคยพบเจอและหาไม่ได้จากคนที่เป็นตัวจริงของเขา เป็นความหวาน เป็นความประทับใจ ที่ตกหล่นหายจากชีวิตเขาไปเนิ่นนานแล้วก็ได้ ทำให้คุณเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่ใช่ส่วนเกินที่ต้องตัดทิ้ง

 

 

การคบกับใครสักคนก็เหมือนกับการเสี่ยงโชคค่ะ ถึงแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายมีอดีต แต่ก็ไม่สามารถรู้ได้ทันทีว่าเราเป็นตัวจริง ในความสัมพันธ์ของบางคนอาจจะตกอยู่ในความลับก็ได้ เชื่อว่าไม่มากก็น้อยยังไงก็ต้องมีพิรุธให้จับได้อย่างแน่นอน ซึ่งสัญญาณบางอย่างอาจจะจับได้ แต่ทั้งนี้เมื่อจับสัญญาณได้แล้ว จะยังอยู่ต่อหรือจบความสัมพันธ์ ต้องตัดสินใจให้ดีค่ะ!

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

ความสัมพันธ์ไม่ชัดเจน ใส่ใจแต่ไร้สถานะ ควรไปต่อหรือพอแค่นี้?

วิธีจีบผู้ชายก่อนยังไงให้เนียน พร้อมเทคนิคแบบ (ไม่) ลับ ในการคุย!

วิธีจีบผู้ชายในแชท คุยอย่างไรให้โซเชียลสื่อรัก แถมได้แฟนยุค Covid-19

ที่มา : youthvillage

บทความโดย

Kanthamanee Phisitbannakorn