ในปีที่ผ่านมา มีการประกาศใช้ กฎหมายคาร์ซีท ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว คุณแม่หลายคนอาจจะมีความสงสัย และอาจไม่เข้าใจว่า ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง แบบไหนเรียกว่าผิด แล้วใช้คาร์ซีทมือสองได้ไหม? ในวันนี้ เราจะมาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ!
คำแนะนำเบื้องต้น ในการเลือกและใช้คาร์ซีท
คาร์ซีท เป็นไอเทมสำคัญมาก ๆ ที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ควรมี เพราะสามารถช่วยลดระดับความรุนแรง และลดอาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ดีมาก โดยถ้าจะให้ปลอดภัยมากที่สุด คุณแม่จะต้องติดตั้งคาร์ซีทในตำแหน่งที่เหมาะสมภายในรถ เช่น จุดกึ่งกลางของเบาะหลัง หรือจุดอื่นที่มีความปลอดภัยเมื่อรถยนต์เกิดอุบัติเหตุ
ในการเลือกคาร์ซีทนั้น สำหรับเด็กแรกเกิด – 12 เดือน และน้ำหนักตัวไม่เกิน 10 กิโลกรัม ควรใช้คาร์ซีทสำหรับทารก (Infant Seat) แบบที่นั่งหันหน้าไปด้านหลังรถ ซึ่งต้องสามารถปรับเอนไปกับที่นั่งได้ถึง 45 องศา เพราะจะสามารถปกป้องหัว ลำคอ และกระดูกสันหลังของเด็ก ๆ ได้ดีที่สุดค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : รอดตายเพราะนั่งคาร์ซีท ! อุบัติเหตุรถคว่ำมีเด็ก 6 เดือนในรถ แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ
คาร์ซีท จำเป็นจริงหรือ? ต้องซื้อหรือเปล่า
คุณแม่หลายคนอาจจะไม่ทราบ แต่อุบัติเหตุบนท้องถนนนั้น เป็นหนึ่งในสาเหตุลำดับต้น ๆ ในการเสียชีวิตของเด็ก ๆ เลยทีเดียว โดยข้อมูลจาก ผศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเพื่อความปลอดภัยในเด็ก คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดีได้กล่าวไว้ในช่วงปี พ.ศ. 2557 ไว้ว่า “ในช่วง 14 ปีที่ผ่านมา มีเด็กไทยอายุน้อยกว่า 15 ปี เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนมากถึง 14,669 คน หรือตกเฉลี่ยปีละ 104 คน เลยทีเดียว” เรียกได้ว่า เด็กนั้นเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในอัตรามากกว่าผู้ใหญ่
ทั้งนี้เป็นเพราะ เด็กนั้นมีศีรษะที่หนัก มีลำตัวที่เล็ก และมีกระดูก ร่างกายอ่อนแอกว่าผู้ใหญ่มาก ทำให้เมื่อเกิดอุบัติเหตุ เด็กจะเกิดการเคลื่อนตัวจากการ พุ่ง มาจากการกระแทกของรถยนต์นั่นเอง ทำให้สามารถพุ่งทะลุออกนอกรถได้ง่าย เพราะระบบการยึดเหนี่ยวในรถนั้น มีการออกแบบมาสำหรับผู้ใหญ่นั่นเอง ดังนั้น เมื่อเด็ก ๆ ไม่ได้นั่งบนคาร์ซีท ซึ่งส่งผลให้สมอง ก้านคอ และอวัยวะต่าง ๆ เสียหายหนัก จนนำไปสู่การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุนั่นเองค่ะ
-
คาร์ซีท ช่วยอะไรได้บ้าง ?
- ลดอัตราการเสียชีวิตในเด็กปฐมวัยกว่า 75%
- ลดอัตราการเสียชีวิตในเด็กวัยเรียนกว่า 40%
- ช่วยลดโอกาสบาดเจ็บทั่วไปจากอุบัติเหตุได้ 71-82%
- ลดการโอกาสบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุได้ 45%
ดังนั้น ในประเทศที่มีการพัฒนาแล้ว จึงมีการกำหนดกฎหมายคาร์ซีทอย่างชัดเจน เพราะเป็นวิธีในการลดอาการบาดเจ็บและเสียชีวิตในเด็ก จากอุบัติเหตุบนท้องถนนได้จริง และมีประสิทธิภาพนั่นเองค่ะ
กฎหมายคาร์ซีทในประเทศไทย
ต้องเกริ่นก่อนว่า จริง ๆ แล้ว กฎหมายคาร์ซีท นั้นมีการใช้มาอย่างยาวนานแล้วในประเทศฝั่งยุโรป โดยเป็นกฎหมายที่จะบังคับให้รถทุกคันที่มีผู้โดยสารเป็นเด็กแรกเกิดหรือเด็กเล็กต้องใช้คาร์ซีทหรือเบาะนั่งเด็ก เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้เด็กเมื่อเกิดอุบัติเหตุนั่นเองค่ะ จากนั้นในปีที่ผ่านมา ประเทศไทยจึงเริ่มมีกฎหมายคาร์ซีทอย่างจริงจัง เนื่องจากเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีอัตราการเสียชีวิตของเด็กจากอุบัติเหตุบนท้องถนนมากเป็นลำดับต้น ๆ
โดยราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศ พ.ร.บ.จราจรทางบกฉบับที่ 13 พ.ศ.2565 เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2565 ซึ่งเป็นกฎหมายคาร์ซีทฉบับใหม่ ที่คนไทยทั้งประเทศจะต้องปฏิบัติตาม โดยมีการระบุเอาไว้ว่า
- ผู้ขับขี่ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยไว้ตลอดเวลา ในขณะที่กำลังขับรถอยู่
- ผู้โดยสารที่นั่งเบาะหน้าหรือเบาะหลัง ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลาที่โดยสาร เพื่อความปลอดภัยในการโดยสาร
- ผู้โดยสารที่เป็นเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องนั่งคาร์ซีท หรือมีวิธีป้องกันอันตรายในกรณีที่จะเกิดอุบัติเหตุอย่างชัดเจนและรัดกุม
- ผู้โดยสารที่มีความสูงไม่เกิน 135 เซนติเมตร ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลา ถ้าหากเป็นผู้โดยสาร ไม่ว่าจะนั่งเบาะหน้าหรือเบาะหลัง หรือมีวิธีป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุอย่างชัดเจนและรัดกุม
- ถ้าผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารมีสุขภาพร่างกายที่ไม่สามารถคาดเข็มขัดนิรภัยจะได้รับการยกเว้น แต่ต้องมีวิธีป้องกันอันตรายในกรณีที่อาจเกิดอุบัติเหตุด้วย
กฎหมายการบังคับใช้คาร์ซีทในประเทศไทย เริ่มใช้ตอนไหน ?
- มีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 กันยายน พ.ศ.2565 หากฝ่าฝืนจะมีค่าปรับ 2,000 บาท
โดยในช่วงแรกที่เริ่มมีการบังคับใช้ จะยังไม่มีปรับจริง ๆ จัง ๆ แต่จะเป็นการว่ากล่าวตักเตือนก่อน และหลังจากนั้นจะเริ่มมีการปรับหากกระทำผิด
บทความที่เกี่ยวข้อง : นั่งคาร์ซีทอย่างไร ให้ปลอดภัย และวิธีรับมือ ลูกงอแงเวลานั่งคาร์ซีท
ต้องใช้คาร์ซีทแต่ไม่มีเงินเลย ใช้คาร์ซีทมือสองได้ไหม?
คุณแม่หลายคนอาจจะมีความกังวล เพราะหลังจากกฎหมายคาร์ซีทได้ประกาศเริ่มต้นใช้งาน ราคาของคาร์ซีทก็ขึ้นราคากันไปตามกลไกความต้องการของตลาด ทำให้แม่ ๆ เดือดร้อนกันมาก เพราะว่าในหลาย ๆ ร้าน ราคาของคาร์ซีทพุ่งสูงขึ้นจนเกือบเป็นเท่าตัวจากราคาเดิมเลยทีเดียว
นอกจากนี้ คาร์ซีท เป็นของใช้ที่ไม่ได้ใช้งานยาวนานตลอด แต่ใช้งานเพียงช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตลูกน้อย ส่งผลให้คุณแม่บางคนเริ่มมองหาซื้อ คาร์ซีทมือสอง แต่ทั้งนี้ ถ้าจะตอบคำถามว่าใช้ได้หรือเปล่า คำตอบก็คือ “ได้” ค่ะ แต่ว่า ถ้าแนะนำก็คือ อย่าเอาชีวิตลูกรัก ไปฝากไว้กับคาร์ซีทมือสอง ที่ผ่านการใช้งานมาแล้วเลยค่ะ เพราะเราไม่รู้ว่า อุปกรณ์นี้มีการชำรุดหรือเปล่า ขนาดพอดีตัวกับลูกน้อยของเราไหม กฎหมายคาร์ซีท นั้นมีเอาไว้เพื่อปกป้องลูกน้อยของเราจากการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุบนท้องถนน มิใช่การแค่ซื้ออุปกรณ์ใด ๆ มาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ต้องจ่ายค่าปรับแต่อย่างใดนั่นเองค่ะ
โดยสรุปแล้ว กฎหมายคาร์ซีท นั้นก็มีเอาไว้โดยมีจุดประสงค์หลักในเรื่องของ การลดจำนวนการบาดเจ็บ และการเสียชีวิตของเด็ก จากอุบัติเหตุบนถนน เพราะคาร์ซีทนั้นมีประโยชน์อย่างมาก ที่ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตเมื่อเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้มากถึง 70% ! ดังนั้น ผู้ปกครองจึงควรใส่ใจ และปฏิบัติตามคำแนะนำของกฎหมายคาร์ซีท เพื่อปกป้องลูกน้อยของเราจากอุบัติเหตุบนท้องถนนนะคะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
10 เบาะรองคาร์ซีท รองรับสรีระได้ดี นุ่มสบาย ไม่ระคายเคืองผิว !
แนะนำ 10 คาร์ซีทงบประหยัด ราคาดี มีคุณภาพ คาร์ซีทยี่ห้อไหนดี?
10 อันดับ รถเข็นเด็ก ยี่ห้อไหนดี คุณภาพดี น่าใช้ งบไม่เกิน 5,000 บาท!
ที่มา : prakantidloh.tidlor, bestreview
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!