สถาบันเสริมพัฒนาการเด็กจากอเมริกา Bricks 4 Kidz เดินหน้าสู่ปีที่ 8
จากแนวคิดของ คุณโจ้-สร้างบุญ แสงมณี ในฐานะคุณพ่อคนหนึ่งที่ต้องการหากิจกรรมที่สามารถเพิ่มเติมความรู้และส่งเสริมทักษะพื้นฐานให้กับลูก โดยมีโจทย์ว่าการเรียนรู้ต้องเกิดขึ้นภายใต้บรรยากาศที่ไม่เคร่งเครียดและสนุกสนาน และเมื่อค้นหาอย่างจริงจังก็ได้พบหลักสูตรของ Bricks 4 Kidz ซึ่งเป็นสถาบันเสริมพัฒนาการเด็กจากอเมริกาที่ใช้เลโก้เป็นสื่อ จนเป็นที่มาของการตัดสินใจติดต่อเป็นเจ้าของแฟรนไชส์
คุณโจ้ได้ย้อนถึงจุดเริ่มต้นให้เราฟังว่า “ปี 2013 ที่นำสถาบันเข้ามาในไทยครั้งแรก ผมมีลูกสองคน คนโต 5 ขวบ คนเล็ก 3 ขวบ ซึ่งอายุ 5 ขวบก็เริ่มจะอยากทำอะไรที่แอกทีฟขึ้นแล้ว บวกกับเป็นลูกสาว ถ้าซื้อเลโก้มาให้เล่น ก็อาจจะไม่สนใจมาก จึงคิดขึ้นมาว่าอะไรที่จะมีประโยชน์และสนุกด้วย เมื่อลองค้นหาก็ได้ไปเจอ Bricks 4 Kidz ของอเมริกา ซึ่งเหมาะกับทั้งเด็กผู้ชายและผู้หญิง และเป็นการสอนทักษะพื้นฐาน มีทั้งความรู้โดยตรงและทักษะจำเป็นในยุคปัจจุบัน เราลองติดต่อไปว่าเขาสนใจมาเปิดสาขาในไทยบ้างไหม ซึ่งเขาก็มีโมเดลแฟรนไชส์ เราจึงขอเป็นมาสเตอร์ของทั้งประเทศไทยที่ทั้งบริหารสาขาและขายซับแฟรนไชส์ได้”
นอกจากประวัติของ Bricks 4 kidz ในไทย เขายังกล่าวเสริมถึงความเป็นมาของการก่อตั้งสถาบันครั้งแรกในอเมริกาด้วย “Bricks 4 kidz เป็นสถาบันเสริมพัฒนาการเด็กจากอเมริกา ก่อตั้งขึ้นในปี 2008 โดยอดีตสถาปนิก คุณมิเชล (Michelle Cote)
จุดเริ่มต้นคือเธอได้สังเกตว่าลูกชอบต่อเลโก้ และได้คิดต่อว่านอกจากต่อเพื่อความสนุกสนาน จะสามารถนำเลโก้มาเป็นเรื่องการศึกษาได้ไหม เลยทดลองสร้างหลักสูตรที่สอนเด็กเรื่องสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมโดยใช้เลโก้เป็นสื่อ เปิดสอนเป็นกิจกรรมหลังเลิกเรียน จนมีคนลงเรียนจนล้น ทำให้เธอจริงจังมากขึ้น มีการจ้างนักการศึกษาและทีมงานด้านต่าง ๆ เข้ามาช่วงวางหลักสูตร ประกอบกับสมัยนั้นในช่วงการบริหารประเทศของบารัค โอบามา มีนโยบายการศึกษาของอเมริกาที่เปลี่ยนไป โดยสมัยก่อนจะมีการศึกษาคล้าย ๆ บ้านเรา เน้นการเรียนวิชาการ เรียนเลขก็เรียนเลข วิทยาศาสตร์ ก็เรียนวิทยาศาสตร์ ซึ่งหลังจากเรียนจบไปแล้วต้องใช้เวลานานมากกว่าจะเข้าใจว่าสิ่งที่ได้เรียนจะนำไปประยุกต์ใช้อย่างไร ประธานาธิบดีโอบามาได้เปลี่ยนนโยบาย มีการบูรณาการวิชาการตั้งแต่วัยเด็กว่านักเรียนเรียนไปเพื่ออะไร นำไปประยุกต์ใช้กับอะไรได้ เกิดเป็นโครงสร้างที่เรียกว่า STEM และช่วงหลังได้มีการเพิ่มเติมตัว A เข้าไปเป็น STEAM ที่เป็นตัวย่อของ Science (วิทยาศาสตร์) Technology (เทคโนโลยี) Engineering (วิศวกรรมศาสตร์) Art (ศิลปะ) และ Mathematics (คณิตศาสตร์) จะเห็นว่าวิชาการที่เราเรียนกันเดี๋ยวนี้ถูกหลอมรวมเป็นภาพเดียวกันทั้งหมด
คุณมิเชลเห็นว่าแกนกลางนี้สามารถเป็นประโยชน์กับหลักสูตรที่กำลังพัฒนาอยู่ เลยได้นำเอา STEAM มาเป็นแกนกลาง และได้สร้างหลักสูตรเพิ่มเติมขึ้นมา เพื่อให้เหมาะกับเด็กในวัยต่าง ๆ หลักสูตรจึงเกิดขึ้นในปี 2008 ซึ่งถูกพัฒนาให้ครอบคลุมตั้งแต่อายุ 1-13 ปี ซึ่งในอเมริกาเด็กอายุ 13 ก็เริ่มไปทำงานเองแล้ว แต่สำหรับเด็กไทยอาจจะเรียนได้ถึงอายุ 15-16 ปีเลย”
หลังจากบอกเล่าถึงความเป็นมา คุณโจ้ยังได้กล่าวถึงหลักสูตรต่าง ๆ ที่ผู้ปกครองสามารถเลือกให้ลูกตามช่วงอายุและความสนใจของเด็กแต่ละคน ซึ่งเหมาะมากสำหรับผู้ปกครองที่กำลังมองหากิจกรรมเสริมสร้างพัฒนาการที่ทั้งสนุกสนานและได้ความรู้
Parent and Child
“เริ่มต้นจากกลุ่มอายุ 1-3 ปี เรียกว่า Parent and Child เป็นคลาสที่คุณพ่อคุณแม่เข้ามานั่งเรียนกับเด็กด้วย โดยเน้นกิจกรรมที่เสริมความรู้พื้นฐานของเด็กในวัยนั้น”
Junior Inventor
“ถัดมาคือ Junior Inventor กลุ่มอายุ 3-5 ปี ช่วงวัยนี้เด็กจะได้รับความรู้พื้นฐานที่กว้างขึ้น คำศัพท์ที่เยอะขึ้น การนับเลขมากขึ้น สีและรูปทรงมีความซับซ้อนขึ้น”
Advanced Inventor
“กลุ่มอายุ 4-9 ปี เรียกว่า Advanced Inventor เราจะใช้เลโก้ขนาดมาตรฐานเพื่อสอนเรื่องกลไล วิศวกรรม วิทยาศาสตร์ โดยจะทำเป็นธีมเหมือนกัน”
Junior Robotics
“ถ้าเป็นด้านวิศวกรรมมาก ๆ จะมีเรื่องของหุ่นยนต์แยกย่อยลงไปคือ Junior Robotics สำหรับอายุ 5-9 ปี การเรียนรู้จะคล้าย ๆ กับ Advanced Inventor มีฟันเฟือง กลไกต่าง ๆ แต่แทนที่ต่อเสร็จจะนำมาต่อกับกล่องแบตเตอรี่ จะเป็นการต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์เพื่อเขียนโปรแกรมแล้วควบคุมให้ทำงานตามที่เราต้องการ”
Advanced Robotics
“และถ้ามีความชอบลึกลงไปกว่านั้น จะมี Advanced Robotics สอนให้เด็ก ๆ ทำหุ่นยนต์ขั้นสูงขึ้น มีอุปกรณ์ เซนเซอร์ มอเตอร์ที่มากขึ้น รวมไปถึงการสร้างโปรแกรมที่ซับซ้อนขึ้น แต่ก็ไม่ยากเกินไปสำหรับเด็ก”
Comics Creator
“อีกด้านหนึ่งเราจะเน้นศิลปะหรือความคิดสร้างสรรค์ จะมี 2 คลาสย่อยเหมือนกันคือ Comics Creator สอนทำหนังสือการ์ตูนด้วยซอฟต์แวร์ เด็ก ๆ จะเลือกรูปแบบได้ อยากนำตัวละครอะไรไปใส่ ต้องคิดเรื่อง คิดตัวละคร อาจจะเลือกภาพที่มีอยู่ในโปรแกรม หรือเลือกที่จะถ่ายรูปใหม่ เป็นโมเดลที่เราต่อแล้วนำไปทำเป็นฉากต่าง ๆ แล้วใส่คำพูดเข้าไป ทำเสร็จแล้วสามารถพิมพ์ออกมาเป็นไปรูปเล่มได้”
Movie Making
“ส่วน Movie Making ซึ่งเป็นขั้นสูงขึ้นไป ให้เด็ก ๆ ได้หัดทำหนังสั้น โดยใช้เทคนิค Stop Motion Animation โดยถ่ายรูปเป็นเฟรมแล้วนำเข้าโปรแกรมตัดต่อ จะมีอุปกรณ์ให้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกล้อง ชิ้นส่วนเลโก้ มินิฟิกเกอร์ต่าง ๆ เรียนรู้ตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน มีการวางแผน อาจจะวาดเป็นรูปหรือเขียนเป็นบทบรรยาย แล้วค่อย ๆ สร้างฉาก เรื่องราว ตัวละครและถ่ายทำ ซึ่งแล้วแต่จินตนาการของเด็ก ๆ คุณครูมีหน้าที่ช่วยแนะนำ 1 คอร์ส 10 ครั้ง ก็จะได้หนัง 1 เรื่อง ความยาว 30 วินาที หรือ 1 นาที”
Coding
“Coding เป็นคลาสน้องใหม่ล่าสุด เริ่มเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว เป็น Coding ก็จริง แต่เราไม่ได้สอนเด็ก ๆ เขียนโปรแกรมอย่างคร่ำเคร่ง ที่อเมริกาได้สร้างคลาสชื่อว่า Video Game Designer ขึ้นมา เป็นลูกผสมระหว่างเทคโนโลยี วิศวกรรมและศิลปะ วิดีโอเกมก็คือการนำกราฟิกมาขยับเขยื้อนด้วย Coding โดยจะสอนพื้นฐานในการเขียนโปรแกรมจนสามารถทำเกมออกเล่นเองได้ เรียนได้ตั้งแต่อายุ 5 ปีขึ้นไป”
…ก่อนจบการสัมภาษณ์ คุณโจ้ได้กล่าวทิ้งท้ายถึงความประทับใจในการบริหารสถาบันที่กำลังก้าวไปสู่ปีที่ 8 อย่างแข็งแรง “สิ่งที่ทำให้เรายังก้าวเดินต่อไป คือทุกครั้งที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณพ่อคุณแม่ที่พาลูกมาเรียน เขาจะมาเล่าว่าลูกชอบเลโก้ มาเรียนแล้วไปต่อยอดอะไรได้บ้าง เรามองว่าบรรลุวัตุประสงค์แล้ว ผู้ที่มาเรียนได้ประโยชน์จริง ๆ เห็นแววตาของเด็กแล้วมีความสุข ที่นี่เป็นความสนุกสนานที่ได้ความรู้ด้วย ช่วยให้เด็กในประเทศไทยมีพัฒนาการมากขึ้น เรายังคงจะทำต่อไป อยากให้มีสาขาไปในต่างจังหวัดเยอะ ๆ ที่อเมริกาก็มีการขยายสาขาแม้จะอยู่ในอยู่ในช่วงโควิด และยังพัฒนาหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง เพราะทักษะในอนาคตไปเร็วมาก เทคโนโลยีไปเร็วแค่ไหน เด็กสมัยใหม่ต้องตามให้ทัน
สำหรับสิ่งที่อยากฝากบอกไปถึงผู้ปกครองทุกคนคือ บางครั้งเราไปเคร่งเครียดกับสิ่งที่เป็นวิชาการมากจนเกินไป ต้องเลือกสิ่งที่จะช่วยสร้างสมดุลย์ให้กับเด็ก ไม่ต่างจากการทำอาหาร สิ่งที่เราเรียนคือวัตถุดิบแต่ละชนิด สุดท้ายเด็กต้องนำมาผสมกันแล้วปรุงออกมาให้อร่อย จึงจะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในอนาคตได้ Bricks 4 kidz ก็เหมือน โรงเรียนสอนทำอาหาร ให้เด็กได้นำความรู้ที่เป็นวิชาการจากโรงเรียน มาเสริมด้วยทักษะที่จำเป็นในอนาคต เพื่อให้ลูก ๆ ของเราก้าวไปในอนาคตได้อย่างเข้มแข็งและประสบความสำเร็จกันทุกคน”
ข้อมูลเพิ่มเติมของ Bricks 4 Kidz
สาขา :
– เซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น10 โทร. 0-2937-1746, 090-991-4922
– เดอะวอล์ค เกษตรนวมินทร์ ชั้น G โทร. 097-131-1306
– เควิลเลจ พระราม 4 ชั้น 2 โทร. 0-2665-6447, 096-394-6353
– เดอะคริสตัล เอสบี ราชพฤกษ์ นนทบุรี ชั้น 3 โทร. 0-2102-3520, 095-519-8961
– พาราไดซ์ พาร์ค ชั้น 3 โทร. 0-2047-0138, 086-394-1462
– เจพาร์ค ศรีราชา ชลบุรี ชั้น 2 โทร. 096-830-3993
– เซ็นทรัลเฟสติวัล หาดใหญ่ ชั้น 3 โทร. 074-803710, 061-019-5956
หลักสูตรที่เปิดสอน :
– Parent and Child Programs (อายุ 1-3 ปี)
– Junior Inventor (อายุ 3-4 ปี)
– Advanced Inventor (อายุ 4 ปีขึ้นไป)
– Junior Robotics (อายุ 5 ปีขึ้นไป)
– Movie Making (อายุ 5 ปีขึ้นไป)
– Advanced Robotics (อายุ 9 ปีขึ้นไป)
– Comics Creator (อายุ 5 ปีขึ้นไป)
– Movie Making (อายุ 5 ปีขึ้นไป)
– Coding (อายุ 5 ปีขึ้นไป)
ค่าใช้จ่าย : เริ่มต้น 7,200 บาท/คอร์ส *ทดลองเรียนครั้งแรกได้ฟรี
พิเศษ! สำหรับผู้ปกครองที่แจ้งกับสถาบันว่าอ่านบทความจาก The Asianparent Thailand รับส่วนลด 20% จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563
เว็บไซต์ : www.bricks4kidz.co.th
facebook : B4KThailand
The Asianparent Thailand เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพและสังคมคุณแม่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและเอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่และเด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น The Asianparent ที่ติดตามการตั้งครรภ์ให้คุณแม่ได้ลงทะเบียนใช้งาน เพื่อติดตามพัฒนาการทารกตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุดและผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์และสื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่และเด็ก โภชนาการแม่และเด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และจิตวิทยาเด็ก The Asianparent เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้และมีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง เพราะเราเชื่อว่า “พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแรง”
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
3 คุณแม่ชวนลูกเสริมสร้างพัฒนาการผ่านเลโก้ที่ Bricks 4 Kidz
วิธีการเล่นให้เป็นประโยชน์ การเล่นเพิ่มพัฒนาการ ทักษะของเด็ก เล่นอย่างไรให้ดี?
การพัฒนาภาษา พัฒนาการทางภาษาของเด็กอายุ 1-2 ปี