วิธีเลี้ยงลูกสาวกับลูกชายต่างกันไหม
วิธีเลี้ยงลูกสาวกับลูกชายต่างกันไหม ความแตกต่างของเด็กผู้หญิงกับเด็กผู้ชายมีอะไรบ้าง สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องเลี้ยงลูกสาวกับลูกชายก็คงอยากรู้ และสงสัยว่าต้องเลี้ยงลูกอย่างไร ลองมาหาคำตอบกันค่ะ
ลูกชายเลี้ยงยากกว่าลูกสาวจริงหรือเปล่า
จริงๆ แล้วเด็กแต่ละคนมีนิสัยที่แตกต่างกัน ไม่ได้จำกัดว่าเป็นเด็กชายหรือเด็กสาว แต่จะให้ชี้ชัดสามารถแบ่งได้เป็นด้านๆ ค่ะ
ในเรื่องของระเบียบวินัย ต้องยกให้เด็กผู้ชายค่ะ เนื่องจากลูกชายมักไม่ค่อยยอมฟังพ่อแม่ในขณะที่ลูกสาวมักจะฟังพ่อแม่ได้ดีกว่า พัฒนาการเรียนรู้เกี่ยวกับถ้อยคำต่าง ๆ ของเด็กผู้หญิงเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ลูกสาวมักจะตอบสนองต่อการสั่งสอนของพ่อแม่ได้ดีกว่า
ด้านความปลอดภัย ก็ยกให้เด้กผู้ชายอีกค่ะ เนื่องจากว่าเด็กชอบเล่นแรง ๆ ใช้กำลัง แต่ข้อดีของการให้ลูกได้เล่นหรือเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ จะช่วยเสริมทักษะหลาย ๆ ด้านด้วย
ด้านการเรียน เด็กผู้ชายจะมีสมาธิน้อยกว่าเด็กผู้หญิง แต่มีความสามารถด้านวิชาที่เกี่ยวกับรูปทรง เราขาคณิต จากผลการวิจัย พบว่า กระบวนการคิดในสมองในส่วนการรับรู้เรื่องขนาดและพื้นที่ของเด็กหญิงไม่เท่ากับเด็กชาย
นอกจากนี้ ความแตกต่างด้านอื่นๆ ระหว่างเด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิงอาจทำให้คุณพ่อคุณแม่รู้สึกว่า เด็กผู้ชายเลี้ยงยากกว่าเด็กสาว ดังนี้ค่ะ
1. ด้านอารมณ์
มีงานวิจัยกว่า 100 ชิ้น พบว่า เด็กผู้หญิงมักจะแสดงอารมณ์ออกทางสีหน้ามากกว่า แสดงออกทางอารมณ์ได้มากกว่า และมักจะเรียนรู้ทักษะการอ่านใบหน้าได้ตั้งแต่แรกเกิด โดยความแตกต่างนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อลูกน้อยโตขึ้นค่ะ เนื่องจากว่าเด็กผู้หญิงมักจะถูกปลูกฝั่งให้แสดงความรู้สึกออกมา ในขณะที่เด็กผู้ชายถูกสอนให้รู้จักเก็บอารมณ์ความรู้สึกไว้นั่นเองค่ะ ดังนั้น หากคุณพ่อคุณแม่ต้องการสอนลูกชาย หากลูกเป็นคนไม่แสดงอารมณ์แนะนำให้ลูกพูดออกมาเป็นคำพูดค่ะ
2. ทักษะเชิงพื้นที่
เด็กผู้ชายส่วนใหญ่จะมีความสามารถทางด้านคณิตศาสตร์มากกว่าเด็กผู้หญิง เนื่องจากเด็กผู้ชายมีความได้เปรียบในด้านทักษะเชิงพื้นที่ (Spatial Skills) ทำให้พวกเขามีความสามารถในการแก้ไขปัญหา ความสัมพันธ์ของวัตถุต่างๆ ระยะทาง การคาดคะเน รวมถึงการจินตนาการการทำงานของวัตถุต่างๆ ได้ดีว่าเด็กผู้หญิง
หากคุณมีลูกสาว แนะนำให้สอนลูกเกี่ยวกับการเล่นที่มีตัวเลข การเล่นขว้างบอล เพื่อเพิ่มทักษะด้านนี้เพิ่ม และถ้าให้ลูกเล่นคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือ ควรเลือกเกมที่มีความเหมาะสมกับลูก และกำหนดระยะเวลาการเล่นที่ชัดเจนด้วยค่ะ
3. การเล่นของเล่น
เด็กวัยทารกเป็นวัยที่แทบจะแยกความเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชายไม่ออก แม้กระทั่งการเล่นของเล่น จะเห็นได้ว่าเด็กผู้ชายบางคนก็ชอบเล่นตุ๊กตาเหมือนกัน แต่พ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะให้ลูกเล่นของเล่นตามเพศ เช่น ผู้ชายให้เล่นรถบรรทุก ส่วนเด็กผู้หญิงให้เล่นขายของ
ซึ่งความเป็นจริงแล้วพ่อแม่ไม่ควรจำกัดของเล่นให้กับลูกน้อย ควรให้ลูกได้เล่นของเล่นที่หลากหลายไม่จำกัดเพราะ เพราะว่าของเล่นทุกอย่างล้วนแล้วแต่ช่วยเสริมพัฒนาการลูกน้อยแทบทั้งสิ้น เช่น ของเล่นเกี่ยวกับเครื่องมือช่างที่ไว้สำหรับเด็กผู้ชาย แต่คามจริงเด็กผู้หญิงก็เล่นได้ เพราะว่าของเล่นเครื่องมือช่างนั้น จะทำให้เด็กฝึกทักษะด้านกล้ามเนื้อมือ และทักษะความคิดและการแก้ไขปัญหาด้วยค่ะ
ดังนั้น แนะนำให้พ่อแม่ให้ลูกเล่นของเล่นข้ามเพศได้ ไม่ต้องคิดว่าเด็กชายไม่ควรเล่นตุ๊กตา เด็กผู้หญิงไม่ควรเล่นปีนป่าย เนื่องจากของเล่นจะช่วยเสริมพัฒนาการด้านต่างๆ กับลูกน้อยได้ดีที่สุดค่ะ
4. นิสัย
โดยปกติแล้วเด็กผู้ชายมักจะมีความเกรี้ยวกราดมากกว่าเด็กผู้หญิง และพอเด็กเริ่มเข้าสู่วัยทอง 2 ขวบ เด็กก็เริ่มมีฤทธิ์มากขึ้น และชอบใช้กำลังมากกว่าคำพูด ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของเด็กเล็ก ทั้งเตะ ทั้งกัด หรือแม้กระทั้งต่อยตีกับเพื่อน ส่วนเด็กผู้หญิงก็ชอบดรีดร้องเวลาไม่ได้ดั่งใจ พ่อแม่ก็ควรสอนให้ลูกรู้จักควบคุมอารมณ์ของตนเองมากขึ้น โดยเฉพาะเด็กผู้ชายค่ะ
5. การเดิน
พัฒนาการเด็กทั้งการเล่น การคลาน การหัดเดิน พัฒนาการเหล่านี้เด็กผู้ชายมักจะเกิดขึ้นได้เร็วกว่าเด็กผู้หญิง แต่บางงานวิจัยกลับพบว่า เด็กชายและเด็กหญิงมีพัฒนาการทางร่างกายแทบจะไม่ปตกต่างกันเท่าไหร่ โดยส่วนใหญ่แล้วเด็กจะเริ่มหัดเดินเมื่ออายุได้ประมาณ 9 – 16 เดือน ในขณะที่พ่อแม่คาดหวังไว้ว่าลูกน้อยจะเริ่มเดินเมื่ออายุได้ 11 เดือนค่ะ
ความจริงแล้วเด็กจะเริ่มเดินช้าหรือเดินเร็วมีหลายปัจจัย หนึ่งในนั้นคือรูปร่างและขนาดตัวของเด็ก เนื่องจากเด็กผู้ชายจะมีขนาดตัวที่หนักกว่า และสูงกว่าเด็กผู้หญิง ทำให้การพยุงร่างกายได้ยากกว่า หากคุณแม่ไม่แน่ใจว่าลูกตัวเองเริ่มฝึกเดินช้าหรือไม่ อาจใช้วิธีการสังเกตดูพัฒนาการอย่างต่อเนื่องของเด็ก ถ้าลูกยังไม่เริ่มตั้งไข่แนะนำให้คุณปรึกษาคุณหมอนะคะ
6. การพูด
การพูดของเด็กผู้หญิงกับเด็กผู้ชายจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย โดยปกติแล้วเด็กผู้หญิงมักจะเริ่มพูดหรือเริ่มสื่อสารได้เร็วกว่าเด็กผู้ชายประมาณ 1 เดือนค่ะ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ถ้าพ่อแม่อยากให้ลูกพูดเร็วๆ ควรให้ลูกได้สัมผัสกับสภาพแวดล้อมที่มีการใช้ภาษาหรือการสื่อสาร เช่น พ่อแม่ควรพูดกับลูกบ่อยๆ อ่านหนังสือให้ลูกฟัง ถามลูกในเรื่องต่างๆ บ้าง พยายามกระตุ้นให้ลูกพูดออกมาค่ะ
7. การฝึกถ่าย
เด็กผู้หญิงจะเริ่มฝึกเข้าห้องน้ำได้เร็วกว่าเด็กผู้ชาย ส่วนใหญ่จะมีความพร้อมเมื่ออายุประมาณ 22 – 30 เดือน สำหรับเด็กผู้ชายจะเริ่มฝึกห้องน้ำเองได้เมื่ออายุห่างออกไปอีกประมาณ 3 เดือนค่ะ และกว่าที่เด็กผู้หญิงจะเข้าห้องน้ำเองได้มีอายุประมาณ 33 เดือน ในขณะที่เด็กผู้ชายประมาณ 37 เดือนค่ะ
ส่วนระยะเวลาในการนั่งถ่ายอุจจาระของเด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิงก็มีความแตกต่างกันค่ะ แม้ว่าหนูน้อยจะใช้เวลานั่งถ่ายอุจจาระเฉลี่ยประมาณ 5 นาที แต่เด็กผู้ชายจะเรียนรู้ทักษะนี้ช้ากว่าเด็กผู้หญิงประมาณ 5 เดือน
ที่มา: whattoexpect
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ:
เบื่อเลี้ยงลูก ไม่อยากหมดไฟในความเป็นแม่ ต้องรีบปลุกจิตวิญญาณด่วน ๆ เพื่อลูก
เกมคณิตศาสตร์ สำหรับเด็กเล็ก พร้อมวิธีการเล่นอย่างง่าย ใครๆ ก็สอนลูกได้!
พ่อแม่ควรให้ลูกเล่นปืนไหม ลูกเล่นปืนจะเป็นเด็กก้าวร้าว ชอบใช้ความรุนแรงหรือเปล่า