เรื่องต้องระวัง จากของกินหน้าโรงเรียน ตอนที่ 3
หลังเลิกเรียนระหว่างที่ลูกรอคุณไปรับก็อาจจะหิวเลยหาอะไรรองท้องกินเล่น ๆ คุณจึงต้องสอนลูกให้รู้จักการเลือกกินของดีมีประโยชน์หรือระมัดระวังอันตรายเพราะบางทีอันตรายก็ไม่ได้มาจากอาหารแต่มาจากตัวบรรจุภัณฑ์ สำหรับตอนที่ 3 ขอกล่าวถึงอันตรายจากบรรจุภัณฑ์อาหารดังนี้
1) ไม้ปลายแหลม
หลังจากที่ตอนที่ 1 ได้กล่าวถึงของปิ้งย่าง ดังนั้นคงไม่พูดถึงเรื่องไม้ปลายแหลมไม่ได้ ผู้ค้าบางรายก็ไม่ใช้ไม้ปลายแหลมแต่ใช้ไม้ปลายตัดที่ไม่มีคมเพื่อป้องกันอุบัติเหตุสำหรับเด็ก ๆ เกรงว่าจะกินแล้วแทงปาก สำหรับเด็กโตคงจะไม่มีปัญหาและรู้จักระมัดระวัง แต่สำหรับเด็กเล็ก คุณต้องสอนลูกให้ระวังการใช้ไม้จิ้มเหล่านี้ว่าควรนั่งกินให้เป็นที่ ไม่ควรกินอาหารที่ต้องจิ้มบนรถเพราะหากรถหยุดกะทันหันอาจแทงถูกปากได้ หรือไม่ควรกินของว่างเหล่านี้ในจุดที่อาจมีเด็กคนอื่นวิ่งมาชน เช่น กลางทางเดิน เป็นต้น อีกเรื่องที่ต้องระวังคือ เสี้ยนที่มาจากไม้ที่เหลาไม่ดีอาจทำให้บาดมือได้
ศึกษาเพิ่มเติมจากบทความโดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กับคำเตือนเรื่องไม้เสียบลูกชิ้น childrenfriendlyhospital.com
2) โฟมใส่อาหาร
เป็นที่ทราบกันดีว่าโฟมไม่ใช่ภาชนะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และอันที่จริงก็ไม่ได้เป็นมิตรต่อสุขภาพด้วย คนขายขนมของว่างมากมายนิยมใช้ถาดหรือถ้วยโฟมใส่อาหารเพื่อความสะดวก แต่เมื่ออาหารร้อนจัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาหารทอด สัมผัสกับโฟมอาจทำให้โฟมละลายและเกิดสารก่อมะเร็งได้ สอนลูกให้หลีกเลี่ยงอาหารร้อนกล่องโฟมจะดีกว่า
ศึกษาเพิ่มเติมจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กับคำเตือนเรื่องโฟมกับอาหารร้อน dmsc.moph.go.th
3) ลวดเย็บกระดาษ
อาหารบางชนิดมักใส่กล่องที่เย็บด้วยลวดเย็บกระดาษหรือขนมไทยหลาย ๆ ชนิดที่ผู้ขายมักเย็บกระทงใบตองด้วยลวดเย็บกระดาษแทนการใช้ไม้กลัดเพื่อความสะดวกรวดเร็ว สำหรับเด็กโตอาจไม่มีปัญหาเท่าไหร่ แต่สำหรับเด็กเล็ก หรือเด็กที่มีปัญหาสายตาต้องระวังกันหน่อย บางทีลวดเย็บกระดาษหลุดออกมาปะปนกับขนมหรืออาหาร หากกินเข้าไปย่อมเกิดอันตราย
ศึกษาเพิ่มเติมจากเอกสารเผยแพร่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กับคำเตือนเรื่องลวดเย็บกระดาษ
หากคิดจะเปิดร้านอาหาร อะไรคือสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุด? การบริหารจัดการ -สูตรอาหาร -การควบคุมคุณภาพอาหาร -การจัดร้าน ฯลฯ
เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นแม้จะเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องใส่ใจก่อนการเปิดร้านอาหารก็จริง แต่มีสิ่งหนึ่งที่หากพลาดพลั้ง เผลอเรอ หรือไม่ใส่ใจขึ้นมารับประกันได้ว่าหายนะกำลังมาเยือนชนิดที่ไม่ทันตั้งตัวเลยทีเดียว สิ่งที่ว่าก็คือความสกปรกและสุขภาพอนามัยที่ดีของร้านอาหารนั่นเอง ยิ่งในปัจจุบันเรามักได้เห็นคลิปที่ถูกแชร์กันว่อนเกี่ยวกับความสกปรกของร้านอาหารในโซเชี่ยล หากมีร้านใดโดนประจานรับรองว่าเตรียม “ดับ” ได้เลย ลองตามไปดูกันว่าคุณจะได้รับผลกระทบอะไรบ้าง หากร้านอาหารที่คุณเปิดถูกประจานในเรื่องความสกปรก
ความสกปรกที่ไม่ได้รับการแก้ไข ส่งหายนะอย่างไรบ้าง?
ภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือติดลบ
ผลกระทบแรกที่โดนอย่างจังหากร้านอาหารสกปรกคือ ภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือ ต่อให้ร้านอาหารของคุณอร่อยเลิศเพียงใด ใช้วัตถุดิบหรูหราขนาดไหน ถ้าถูกจับได้ว่าไร้ซึ่งความสะอาดแล้วล่ะก็ รสชาติและคุณภาพจะถูกมองข้ามทันที ภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือที่อุตส่าห์สร้างมากับมือคงมีอันสูญวับไปในบัดดล จงใส่ใจเรื่องความสะอาดก่อนที่ประเด็นนี้จะเป็นตัวการให้ร้านคุณต้องปิดตัว
ยอดขายตกวูบแน่ถ้ามัวแต่ วัวหากล้อมคอก
ถ้าร้านคุณได้รับโอกาสโปรโมทความสกปรกผ่านโซเชี่ยลแล้วล่ะก็ ขอแสดงความยินดีด้วยครับ เพราะผลกระทบที่ตามมามันเกินจะคาดเดาจริง ๆ เพราะยุคนี้คือยุคแห่งการแบ่งปันข้อมูลที่รวดเร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง ร้านไหนโดนแชร์บิ๊กอิมแพคที่ตามมาคือยอดขายตกวูบ ลูกค้าแห่กันหนีอย่างแน่นอน ต่อให้คุณจะพยามยามแก้ไขในภายหลังหรือจัดโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมก็ตาม ก็คงไม่มีลูกค้าคนไหนเอาท้องมาเสี่ยงกับอาหารของคุณ ดังนั้นให้คำนึกถึงเรื่องความสะอาดก่อนเสมอ คิดกระบวนการทำงานในร้าน ไม่ให้เกิดความสกปรกในทุกขั้นตอน
ลืมไปได้เลยกับความคิดขยายร้าน ดันทุรังก็มีแต่เจ็บตัว
หากร้านอาหารคุณกำลังไปได้สวยและมีความคิดกำลังจะขยับขยายแล้วดันมาเจอฟ้าผ่าเปรี้ยงด้วยเรื่องความสกปรกในร้าน แผนการที่วางไว้ก็พับเก็บลงลิ้นชักได้เลย เพราะจากแผนการขยายสาขาคงต้องเปลี่ยนเป็นแผนการสร้างความเชื่อมั่นของลูกค้าแทน อย่าให้เรื่องแบบนี้เป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าของธุรกิจคุณอย่างเด็ดขาด
สุขอนามัยของร้านสะท้อนถึงอนามัยของพนักงาน
ฟังดูอาจแปลกแต่มันเป็นความจริง เพราะร้านที่สกปรกมันเป็นแหล่งเพราะเชื้อโรคชั้นดีทั้งที่มาจากความอับชื้นและสัตว์รบกวนเช่น หนูและแมลงสาบ การคลุกคลีอยู่กับสิ่งสกปรกหรือบรรยากาศที่ไม่สะอาดอยู่ตลอดเวลาก็เป็นสาเหตุให้พนักงานในร้านไม่สบายได้ อาจส่งผลถึงปัญหาการขาดคน
โบกมืออำลาวงการร้านอาหาร ผลกระทบขั้นสุดคือปิดกิจการ
อย่าคิดว่าเป็นไปไม่ได้เด็ดขาดกับปัญหาความสกปรกที่อาจทำให้คุณถึงขั้นปิดกิจการ อย่าลืมว่าเมื่อใดที่ยอดตกลูกค้าหายรายได้ไม่เข้า แต่ค่าใช้จ่ายประจำมันยังคงอยู่และถ้าคุณแก้ไขสถานการณ์ไม่รอดก็เตรียมตัวเก็บข้าวของได้เลย การปิดร้านอาหารไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกรณีเจ้าของร้านปิดเองเพราะไม่มีกำไรเท่านั้น ถ้าร้านไหนได้รับการร้องเรียนแล้วไม่แก้ไขก็เตรียมถูกสั่งปิดจากกระทรวงสาธารณสุขได้เช่นกัน
6 สิ่งต้องคำนึงถึงความสกปรกในร้านอาหาร ถ้าไม่อยากน้ำตาตก
ความสะอาดในร้านอาหารมีเรื่องหลักๆ อยู่ไม่กี่ประการที่ต้องคำนึงถึงดังนี้
1.อาหาร
จะเปิดร้านอาหารตัวชูโรงก็คืออาหาร แต่ลูกค้าคงจะรู้สึกกร่อยไม่น้อยเมื่อพบว่าอาหารจานโปรด มีสิ่งแปลกปลอม ไม่ว่าจะเป็นเศษผม เศษผง หรือแม้กระทั่งแมลง ก่อนการปรุงอาหารทุกครั้งควรล้างวัตถุดิบให้สะอาดและจัดเก็บในที่มิดชิด พ่อครัวแม่ครัวและคนที่อยู่ในกระบวนการปรุงจะต้องแต่งกายให้มิดชิดเรียบร้อย เมื่อปรุงเสร็จระหว่างรอเสิร์ฟก็ควรมีฝาชีครอบให้มิดชิดทุกครั้ง
2. บริเวณร้านและหน้าร้าน
ความสกปรก ไม่ได้เกิดเฉพาะในจานอาหาร บริเวณร้านที่เป็นเหมือนน่าตาของร้านอาหารก็ต้องคำนึงถึงความสกปรกเช่นกัน ร้านอาหารที่แลดูสะอาดและตกแต่งร้านสวยงามจะดึงดูดลูกค้าเสมอ นอกจากบริเวณร้าน โต๊ะ เก้าอี้ และอุปกรณ์เครื่องใช้ก็ต้องสะอาด ไม่มีฝุ่น และเศษอาหาร หรือเฉอะแฉะเด็ดขาด ควรมีแสงสว่างพอเหมาะจะทำให้ร้านดูน่านั่งครับ
3. ห้องครัว
แม้ห้องครัวจะเป็นส่วนที่อยู่หลังร้านและลูกค้ามองไม่เห็นแต่ก็ควรทำให้เป็นระเบียบเพราะนอกจากจะทำงานคล่องตัวยังรักษาความสะอาดได้ง่าย ห้องครัวควรมีเคาน์เตอร์หรือโต๊ะวางของที่สูงอย่างน้อย 60 cm เสมอ ห้ามวางทุกอย่างบนพื้นเด็ดขาด แม้กระทั่งบริเวณที่เป็นที่ล้างวัตถุดิบหรืออุปกรณ์ ภาชนะ ควรมีตู้เก็บอุปกรณ์ ภาชนะที่มีดชิดแต่อากาศถ่ายเทสะดวก และแยกอุปกรณ์ที่ใช้กับอาหารแต่ละชนิดออกจากกันเช่น ส่วนผัก ส่วนเนื้อดิบ หรือส่วนปรุงสุก เป็นต้น ห้องครัวที่สะอาดจะช่วยป้องกันปัญหาสัตว์รบกวนได้อีกด้วย
4. ห้องน้ำ
ถ้าร้านอาหารใดมีห้องน้ำไว้บริการ ก็ควรจะดูแลรักษาให้สะอาดตลอดเวลา ควรมีอ่างล้างมือและสบู่พร้อมใช้งาน มีถังขยะมีฝาปิดมิดชิดและที่สำคัญอย่าปล่อยให้ห้องน้ำสกปรกเด็ดขาด เพราะห้องน้ำสกปรกคือตัวไล่แขกที่คาดไม่ถึง
5. ความสะอาดของพนักงาน
พนักงานของร้านไม่ว่าตำแหน่งใดก็ควรแต่งกายให้เรียบร้อย สะอาดสะอ้านและมิดชิดโดยเฉพาะที่ต้องเกี่ยวข้องกับอาหาร ซึ่งหากไม่สบายหรือมีบาดแผลที่มือก็ไม่ควรให้สัมผัสกับอาหารเด็ดขาด เพราะพนักงานถือเป็นตัวแทนร้าน และต้องพูดคุยกับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ
6. การกำจัดขยะ แมลง และสิ่งปฏิกูล
ร้านอาหารที่ดีควรมีระบบกำจัดขยะที่ดีด้วย เพราะจะป้องกันไม่ให้เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคได้และป้องกันสัตว์รบกวน การจัดการขยะในร้าน ควรแยกประเภทและมีฝาปิด รวมถึงควรกำจัดทิ้งทุกวันและควรมีระบบบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยลงสู่ท่อระบายน้ำ นอกจากจะสะท้อนถึงความสะอาด ยังสะท้อนถึงจิตสำนึกต่อส่วนรวมอีกด้วย
หากคิดจะเปิด ร้านอาหารก็ควรจะใส่ใจและซื่อสัตย์ต่อลูกค้า สิ่งหนึ่งที่เราจะทำได้นอกเหนือจากคุณภาพวัตถุดิบและรสชาติแล้ว ก็คือความสะอาดนั่นเอง เพราะ การที่ร้านของคุณคำนึง เรื่องความสะอาด นั่น หมายความว่า “คุณกำลังแสดงความรับผิดชอบต่อลูกค้าของคุณอยู่ครับ”
ติดตาม เรื่องต้องระวังจากของกินหน้าโรงเรียน ตอนที่ 4 เร็ว ๆ นี้
เรื่องต้องระวัง จากของกินหน้าโรงเรียน ตอนที่ 3
เรื่องต้องระวังจากของกินหน้าโรงเรียน ตอนที่ 1
เรื่องต้องระวังจากของกินหน้าโรงเรียน ตอนที่ 2
เครื่องดื่มที่แย่ที่สุดสำหรับเด็ก