ใบพลูอังไฟ ช่วยกำจัดเสมหะเด็กได้จริงหรือ
จากการที่มีการแชร์ข้อมูลมาจากคุณ Shikin Jaiz ถึงเรื่องของการใช้ใบพลูรักษาอาการไอ และขับเสมหะทารก โดยการใช้ใบพลูอังไฟ รอให้ร้อนไม่มาก ใส่ยาหม่อง แล้วค่อยวางบนหน้าอกลูก หลังจากนั้นไม่นาน ลูกน้อยก็จาม และมีน้ำมูกพร้อมเสมหะไหลออกมา และเห็นถึงความโล่งของลูกในการหายใจ จึงมีคำถามเข้ามามากว่า วิธีการดังกล่าว หรือการใช้ ใบพลูอังไฟ ช่วยกำจัดเสมหะเด็กได้จริงหรือ
วิธีกำจัดเสมหะเด็ก ตามที่มีการแชร์ต่อ ๆ กันมา มีดังนี้
- เอาใบบลูอังไฟเทียนหรือเตา
- ถ้าจะให้ดีควรใช้ใบ 2 ชิ้น ชิ้นหนึ่งวางไว้บนหน้าอก อีกชิ้นไว้ด้านหลังเด็ก
- หลังจากเอาใบพลูอังไฟแล้ว ใช้ยาหม่อง หรือ Vicks มาทาที่หน้าอกเด็ก
- เอาใบพลูตั้งไว้บนหน้าอก และด้านหลังเด็ก
ซึ่งวิธีกำจัดเสมหะด้วยการใช้ใบพลูอังไฟนั้น คุณแม่หลายท่านก็ว่าใช้แล้วได้ผล ในขณะที่คุณแม่บางท่าน ก็กังวลว่าวิธีดังกล่าว จะมีอันตรายต่อเด็ก
สรรพคุณของใบพลู
ก่อนอื่น เรามาดูสรรพคุณของใบพลูกันก่อนครับ โดยใบพลูนั้น ตามตำรับยาแผนไทยโบราณ เป็นยากระตุ้นน้ำลาย ขับเสมหะ ขับเหงื่อ แก้ปวดท้อง (ที่มีอาการเย็นบริเวณท้อง) ปวดท้องเพราะพยาธิ เป็นยาฆ่าเชื้อและแก้ลมพิษ น้ำมันจากใบ ทำให้ผิวหนังร้อนแดง แก้คัดจมูก ใช้ทำเป็นยาอมกลั้วคอแก้เจ็บคอได้ และหากนำใบพลูมาผ่านความร้อน ก็จะมีน้ำมันหอมระเหยออกมา ซึ่งจะช่วยแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ และช่วยลดเสมหะได้
นอกจากนี้ จากข้อมูลเรื่องสมุนไพรสำหรับเด็ก เวปไซต์สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสรรพคุณของใบพลูไว้ว่า
“แม้ทุกวันนี้การกินหมากพลูจะไม่นิยมกันแล้วก็ตาม นำใบพลูมาสัก 4-5 ใบ เอามาอังไฟหรือลนกับเทียนก็ได้ ให้ใบพลูอ่อนและพออุ่นๆ ให้นำไปวางบนท้องเด็กซ้อนกันหลายชั้น พอใบพลูเย็นก็ให้เปลี่ยนใบพลูใบใหม่ไปอังไฟแล้ววางไว้ ทำซ้ำหลายครั้ง สัก 15-30 นาที
ใบพลู มีน้ำมันหอมระเหยที่ช่วยบรรเทาอาการท้องอืดเฟ้อได้เช่นกัน และการที่เอายาทาที่ท้อง (เว้นตรงสะดือ) หรือเอาใบพลูอุ่น ๆ ปิดไว้นั้น ตัวยาสามารถซึมผ่านผิวบางๆ ของเด็กได้”
ใบพลูอังไฟ ช่วยกำจัดเสมหะเด็กได้จริงหรือ
อย่างไรก็ตาม วิธีการนี้ เป็นวิธีแบบโบราณ ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการจากแพทย์แผนปัจจุบัน ว่าใช้แล้วได้ผล100% หรือไม่ และมีจะมีอาการข้างเคียงอย่างไร ถึงแม้ว่าวิธีการนี้จะเป็นวิธีแบบไทย ๆ ที่คุณแม่หลายรุ่นใช้กันมาแล้วได้ผล แต่โดยส่วนมากแล้ว ถ้าเด็กเล็กมากก็จะไม่แนะนำให้ใช้วิธีนี้ เพราะร่างกายของเด็กเล็กๆยังบอบบางอยู่
และด้วยเหตุผลที่ยังไม่มีการยืนยันทางการแพทย์แผนปัจจุบัน จึงทำให้คำตอบที่ว่า ใบบลูอังไฟ ช่วยกำจัดเสมหะเด็กได้ได้จริงหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละท่าน และต้องใช้ความระมัดระวังเรื่องความสะอาดเป็นพิเศษ เนื่องด้วยเด็กเล็ก ยังมีภูมิคุ้มกันที่ไม่แข็งแรง และมีผิวที่บอบบาง คุณพ่อคุณแม่จึงต้องระวังถึงเรื่องอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับผิวหนังของเด็กด้วยนะครับ
อันตรายที่ต้องระวัง
นอกจากเรื่องของผลข้างเคียง และอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับผิวหนังของเด็กเล็กแล้ว การใช้ยาหม่อง หรือ Vicks มาทาที่หน้าอกเด็ก ก็เป็นเรื่องที่ต้องระวังเช่นกัน เพราะหากใช้กับเด็กเล็ก หรือเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ขวบ ก็อาจทำให้ไอระเหยจากยาหม่อง หรือ Vicks ไประคายเคืองทางเดินหายใจได้
โดยคุณหมอสังคม ได้อธิบายถึงเรื่อง ทำไมไม่ควรใช้ Vicks กับเด็กอายุน้อยกว่า 2 ขวบไว้ว่า ”เพราะสารที่มีอยู่ในวิคส์เวเปอร์ รับ ได้แก่ เมนทอล (menthol) และการบรู (camphor) โดยเฉพาะถ้าทาบริเวณรูจมูก หรือใต้รูจมูก สามารถเข้าไประคายเคืองเยื่อบุทางเดินหายใจ เกิดการอักเสบ บวมและผลิตน้ำเมือกออกมา จึงอาจทำให้เด็กเล็กอายุน้อยซึ่งมีช่องทางเดินหายใจ และหลอดลมเล็กกว่าผู้ใหญ่ หายใจลำบาก หายใจติดขัดรุนแรง ปอดบวม และอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้”
แม้ว่าบริษัทผู้ผลิต Procter & Gamble จะได้ระบุคำเตือนไว้ที่ฉลากว่า “ไม่ให้ใช้ในทารกและเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 2 ขวบ แต่ก็ยังมีพ่อ แม่ ผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยที่ยังใช้ในลูกอายุน้อยอยู่ หมอจึงเขียนเตือนว่า “วิคส์เวเปอร์ รับ (Vicks Vapor Rub) ไม่ควรใช้กับเด็กอายุน้อยกว่า 2 ขวบ”
และก่อนจะใช้ยาอะไรก็ตาม ควรอ่านข้อบ่งชี้และข้อห้ามในการใช้ ที่ฉลากข้างขวด หรือภาชนะ หรือ ในกล่อง และพิจารณาให้ดีก่อนใช้ครับ
คุณพ่อคุณแม่ท่านใดที่เคยลองใช้ใบพลูอังไฟ กำจัดเสมหะแล้วได้ผลหรือไม่อย่างไร อย่าลืมมาร่วมบอกเล่าประสบการณ์กับเราและคุณพ่อคุณแม่ท่านอื่น ๆ ได้ในช่องคอมเมนต์ด้านล่างนี้เลยนะครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก beritamuslimmag, thaihealth, thaikasetsart, คลินิกเด็กหมอสังคม
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ให้ลูกอาบน้ำต้มใบมะขามหัวหอม ช่วยแก้หวัดได้จริงหรือ
ล้างจมูกลูก แบบง่ายๆ ทำอย่างไรไม่ให้สำลักลงปอด
เล่นอย่างไร ให้ลูกหัวไว ในช่วงขวบปีแรก
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!