ส้มโอ ผลไม้มากคุณประโยชน์ ป้องกันโรค บำรุงร่างกายของคุณแม่ตั้งครรภ์ ผลไม้รสเปรี้ยว อมหวานที่เป็นอีกหนึ่งผลไม้ยอดฮิตที่คุณแม่ตั้งครรภ์หมายปอง แต่รู้หรือไม่ว่าส้มโอนั้นมีคุณประโยชน์มากขนาดไหน และส่งผลอะไรต่อร่างกายบ้าง ไปดูกันดีกว่า
ส้มโอ ผลไม้มากคุณประโยชน์
ส้มโอเป็นผลไม้ตระกูลส้ม พบว่ามีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันส้มโอได้ถูกขาย และถูกส่งออกไปทั่วพื้นที่ของโลก โดยส้มโอนั้นมีขนาดใหญ่กว่าส้มทั่วไป เปลือกด้านนอกเป็นสีเขียวและหนา เนื้อด้านมีทั้งพันธุ์ที่เป็นสีขาว และสีชมพู หรือแดง แต่ไม่ว่าเนื้อด้านในจะเป็นสีอะไรก็ตาม ส้มโอนั้นก็อุดมไปด้วยสารอาหารมากมายเช่นกัน
1. มีคุณค่าทางโภชนาการสูง
ส้มโอมีทั้งวิตามิน และแร่ธาตุหลายชนิด และเป็นแหล่งวิตามินซีที่ดีเยี่ยมอีกด้วย โดยส้มโอปอกเปลือก 1 ลูก (ประมาณ 610 กรัม) มีปริมาณแร่ธาตุ ดังนี้
-
- แคลอรี 231 กิโลแคลอรี
- โปรตีน 5 กรัม
- ไขมัน 0 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 59 กรัม
- ไฟเบอร์ 6 กรัม
- วิตามินบี 2 (Riboflavin) 6% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
- ไทอามีน (Thiamine)3% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
- วิตามินซี 412% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
- ธาตุทองแดง 32% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
- โพแทสเซียม 28% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
2. อุดมไปด้วยไฟเบอร์
ส้มโอ 1 ลูก มีปริมาณไฟเบอร์ประมาณ 6 กรัม ซึ่งในหนึ่งวันร่างกายคนเราต้องการไฟเบอร์อย่างน้อย 25 กรัมต่อวัน ดังนั้นส้มโอจึงเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่จะช่วยให้คุณได้รับปริมาณไฟเบอร์ที่เพียงพอต่อหนึ่งวัน ซึ่งไฟเบอร์เหล่านี้เป็นเส้นใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำ มีส่วนช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้น และป้องกันการท้องผูกได้ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นแหล่งอาหารสำหรับแบคทีเรียที่ดีต่อสุขภาพในลำไส้ของคุณด้วย ทำให้คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์สามารถขับถ่ายได้ดียิ่งขึ้น
บทความที่น่าสนใจ : วิจัยเผย อาหารที่มีกากใยสูง ทำให้ คนท้องสุขภาพดี ยิ่งไฟเบอร์สูงยิ่งดี
3. ตัวช่วยในการลดน้ำหนัก
ส้มโอที่ปอกเปลือกแล้ว 1 ลูก (ประมาณ 610 กรัม) มีแคลอรี 230 กิโลแคลอรี ซึ่งเป็นปริมาณที่น้อยมาก สำหรับน้ำหนักของส้มโอ ซึ่งส้มโอนั้นสามารถทำให้คุณอิ่มท้องได้นาน เนื่องจากมีโปรตีนและไฟเบอร์ช่วยให้คุณรู้สึกอิ่ม และได้รับปริมาณแคลอรีที่น้อย สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์แล้ว อาจไม่ได้ช่วยให้น้ำหนักตัวลด แต่เป็นการควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกิน จนอาจเป็นสาเหตุของโรคอ้วนเสียมากกว่า
4. อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
ส้มโอ เป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ไลโคปีน ซึ่งส่วนใหญ่มักพบในผลไม้ที่มีสีชมพู หรือแดง ช่วยเสริมสร้างเซลล์ของร่างกาย และป้องกันการถูกทำลายของเซลล์ที่เกิดจากอนุมูลอิสระ โดยสารต้านอนุมูลอิสระหลักในส้มโอคือ naringenin และ naringin ซึ่งทั้งสองอย่างมักพบในผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว โดยส้มโอ 1 ลูกมีวิตามินซีมากถึง 412% ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งของต้านอนุมูลอิสระเลยก็ว่าได้
5. ช่วยเพิ่มเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับหัวใจ
โดยส้มโอนั้นสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งเป็นไขมันในเลือด 2 ชนิดที่เชื่อมโยงกับการเป็นสาเหตุของโรคหัวใจ ซึ่งมีการวิจัยในหนูทดลอง พบว่าสารสกัดที่ได้จากส้มโอนั้น ช่วยลดระดับของไตรกลีเซอไรด์ได้ถึง 21% และลดปริมาณคอเลสเตอรอลได้สูงถึง 6% นอกจากนี้ยังช่วยลด Low Density Lipoprotein (LDL) หรือไขมันที่ความหนาแน่นต่ำ เป็นคอเลสเตอรอลหรือไขมันชนิดไม่ดีสูงถึง 41% อีกด้วย ข้อควรระวังคือ หากคุณเป็นบุคคลที่กำลังทานยาในกลุ่มของสแตติน (Statin) สำหรับลดปริมาณคอเลสเตอรอลควรหลีกเลี่ยงการทานส้มโอ เพราะในส้มโอมีสารประกอบที่ชื่อ ฟูราโนโคมาริน (Furanocoumarin) ซึ่งอาจส่งผลต่อการเผาผลาญของสแตติน
6. ลดริ้วรอย
แน่นอนว่าเมื่อในส้มโอนั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระ ก็ต้องช่วยลดริ้วรอยได้ เพราะสารต้านอนุมูลอิสระนั้นมีฤทธิ์ในการต้านริ้วรอย รวมถึงมีวิตามินซี ที่ช่วยป้องกันความเสียหายของผิวหนังที่เกิดจากอนุมูลอิสระที่เป็นอันตราย ช่วยให้ผิวของคุณอ่อนเยาว์ลงได้ นอกจากนี้ ยังมีการทดลองเกี่ยวกับสารสกัดจากส้มโอ พบว่า สารสกัดจากส้มโอช่วยลดปริมาณไกลเคชั่น (Advanced Glycation End products : AGEs) หรือเรียกง่าย ๆ ว่าสารที่ทำให้เกิดการแก่นั่นเอง
7. ต้านแบคทีเรียและเชื้อรา
การศึกษาวิจัยพบว่าน้ำมันหอมระเหยที่ได้จากเปลือกของส้มโอ สามารถฆ่าเชื้อ Penicillium expansum ซึ่งเป็นเชื้อราที่สามารถผลิตสารพิษต่อระบบประสาทที่เป็นอันตรายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าน้ำมันหอมระเหยที่มาจากมะนาว หรือส้ม และด้วยความที่น้ำมันหอมระเหยของส้มโอมีความเข้มข้นสูงจึงไม่ควรรับประทาน หรือควรเจือจางอย่างเหมาะสมก่อนที่จะทาลงบนผิว
8. ช่วยต้านมะเร็ง
มีงานศึกษางานหนึ่งพบว่า สารสกัดจากเปลือกส้มโอสามารถยับยั้งการเติบโตของเนื้องอก และช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน และฆ่าเซลล์มะเร็งได้ ซึ่งหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระหลักของส้มโอ (naringenin) ได้มีผลการทดลองพบว่าสามารถฆ่าเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งตับอ่อนได้ รวมทั้งชะลอการแพร่กระจายของมะเร็งปอดร่วมด้วย
9. เสริมสร้างกล้ามเนื้อ
เสริมสร้างกระดูก และระบบประสาทที่ดี ส้มโอนั้นเหมาะสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นแหล่งของโพแทสเซียมชั้นเยี่ยม ที่ช่วยให้กล้ามเนื้อ และเส้นประสาทแข็งแรง นอกจากนี้ยังช่วยรักษาความดันโลหิตของคุณให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยเสริมสร้างกระดูกของคุณแม่และลูกน้อยให้แข็งแรงขึ้น เพราะในส้มโอนั้นมีแคลเซียมที่จะมาช่วยเติมเต็มแคลเซียมของทั้งสองคนนั่นเอง
บทความที่น่าสนใจ : ส้ม ผลไม้มากประโยชน์ ความลับใกล้ตัวที่คุณไม่เคยรู้ ผลไม้ที่คนท้องควรกิน
ผลข้างเคียงของการทานส้มโอ
- การได้รับปริมาณวิตามินซีเกินขนาด เนื่องจากส้มโอมีวิตามินซีที่สูงมาก ถ้าทานในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง และเสียดท้องเป็นต้น หากคุณแม่พบอาการดังกล่าวควรหลุดรับประทาน และไปพบแพทย์ทันที เพราะการบริโภควิตามินซีมากเกินไปอาจส่งผลอันตรายต่อมารกในครรภ์ได้
- ปฏิกิริยาของสารในส้มโออาจทำร้ายคุณได้ ในส้มโอมีสารออกฤทธิ์ที่อาจมีปฏิกิริยาสำหรับการต้านโรคมะเร็ง และโรคหัวใจ หากคุณแม่ที่กำลังเป็นโรคดังกล่าว ควรปรึกษาการทานกับคุณหมออย่างใกล้ชิด เพราะอาจมีสารบางชนิดนั้นเป็นอันตรายต่อคุณแม่และคุณลูกในครรภ์ก็เป็นได้
อย่างไรก็ดีในการทานอาหาร หรือผลไม้ คุณแม่ควรปรึกษาแพทย์ที่ดูแลก่อนทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าการรับประทานอาหารในแต่ละมื้อนั้นไม่เป็นอันตราย และส่งผลทำลายตัวของคุณ และลูกน้อยในครรภ์ของคุณเอง
ที่มา : Mom Junction, healthline, stylesatlife
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!