การนอนนิ่ง ๆ อยู่บนเตียงนอน ลดการทำกิจกรรมหลาย ๆ อย่าง เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงกับลูกที่อยู่ในครรภ์ นั่นคือการ Bed Rest
ถึงแม้ว่า การนอนนิ่ง ๆ บนที่นอน หรือ Bed Rest ในช่วงระหว่างตั้งครรภ์นั้น ดูเหมือนจะสบายสำหรับคนท้อง แต่ในความเป็นจริงแล้ว การถูกบังคับให้นอนนิ่ง ๆ โดยไม่สามารถทำกิจกรรมใด ๆ เหมือนได้ปกติ จะเป็นช่วงที่น่าเบื่อหน่าย และทำให้เกิดความเครียด ได้ง่ายมาก สำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ อาจส่งผลให้สภาวะจิตใจของคุณแม่ ย่ำแย่ อาจจะทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้ในบางราย เพราะนอกจากจะมีความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของลูกในครรภ์แล้ว ยังต้องไม่สามารถหากิจกรรมอื่น ๆ ทำเพื่อผ่อนคลายความเครียดได้อีกด้วย หากจะต้องมีการนอนนิ่ง ๆ อยู่บนเตียงนอน คุณแม่จึงควรมีคนดูแลอย่างใกล้ชิด
ทำไมถึงต้องนอนนิ่ง ๆ ?
การนอนนิ่ง ๆ จัดว่าเป็นการรักษารูปแบบหนึ่ง สำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ที่มีภาวะเสี่ยงอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อเพิ่มโอกาสที่ทารกจะสามารถอยู่ในครรภ์ของคุณแม่ได้จนอายุครรภ์สมบูรณ์
แพทย์บางท่าน จะแนะนำให้คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ นอนพักผ่อนในลักษณะของการนอนนิ่ง ๆ ในกรณีที่เกิดปัญหาการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ความดันโลหิตสูง ภาวะครรภ์เป็นพิษ เลือดออกทางช่องคลอด ภาวะรกเกาะไม่แน่น ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด การคลอดก่อนกำหนด ปากมดลูกเปิดไม่เพียงพอ การแท้ง และปัญหาอื่น ๆ ตามแต่แพทย์วินิจฉัย โดยวัตถุประสงค์หลัก ก็เพื่อให้ตัวคุณแม่ หลีกเลี่ยงกิจกรรมต่าง ๆ ที่อาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงคลอดก่อนกำหนด หรือภาวะแทรกซ้อนในครรภ์
การรักษาด้วยวิธีBed Rest มีกี่แบบ ?
การรักษาด้วยวิธีBed Rest มี 2 วิธี ได้แก่
- Absolute Bed Rest คือการให้คุณแม่นอนพักอยู่บนเตียงตลอดเวลา ห้ามลุกไปไหน การทำกิจกรรมทุกอย่างจะต้องทำบนเตียง ไม่เว้นแม้แต่การรับประทานอาหาร และการขับถ่าย
- Bed Rest คือการให้คุณแม่นอนอยู่บนเตียงเป็นส่วนใหญ่ ทำกิจกรรมเคลื่อนไหวได้บ้างเล็กน้อย เช่น ลุกไปเข้าห้องน้ำได้
โดยมากแล้ว คุณแม่ที่จำเป็นต้องใช้การรักษา ด้วยการนอนนิ่ง ๆ นั้น แพทย์จะแนะนำ ให้นอนตะแคงไปทางซ้าย เพื่อช่วยในการไหลเวียนของเลือดไปยังทารกในครรภ์ได้ดีขึ้น เนื่องจากมดลูกจะไม่ไปกดทับที่หลอดเลือดดำ
ประโยชน์ของการรักษา ด้วยการนอนนิ่ง ๆ
การรักษาด้วยวิธีBed Rest ระหว่างการตั้งครรภ์ มีประโยชน์ต่อคุณแม่ ดังต่อไปนี้
- ช่วยให้เลือดไหลเวียน ไปยังรกได้ดียิ่งขึ้น
- ช่วยเพิ่มน้ำหนักแรกเกิด ของทารก
กรณีไหนบ้าง ที่คุณแม่จะต้องได้รับการรักษาเช่นนี้
การรักษาด้วยวิธีBed Rest จะเหมาะกับคุณแม่ตั้งครรภ์ ที่มีภาวะแทรกซ้อนดังต่อไปนี้
- คุณแม่ที่มีภาวะแท้งคุกคาม (Threatened abortion) กล่าวคือ คุณแม่ที่มีเลือดออกจากทางช่องคลอด หรือรู้สึกปวดหน่วง ๆ ที่บริเวณท้องน้อย หรือมีตกขาวที่มีสีน้ำตาลปนเลือด
- คุณแม่ที่ปัญหา เกี่ยวกับรก เช่น รกเกาะต่ำ เป็นต้น
- คุณแม่ที่มีปัญหาการบีบตัวของมดลูก หรือมีสัญญาณว่าอาจจะคลอดก่อนกำหนด
- คุณแม่ที่ตั้งครรภ์แฝด ที่มีแนวโน้มว่าจะคลอดก่อนกำหนด
- คุณแม่ที่ปากมดลูกเปิด แต่ว่ายังไม่ถึงกำหนดคลอด
- คุณแม่ที่มีอาการ หรือมีผลการทดสอบว่า ทารกในครรภ์มีการเจริญเติบโตที่ผิดปกติ
- คุณแม่ที่มีอาการน้ำเดิน หรือถุงน้ำคร่ำรั่ว
ผลข้างเคียงจากการรักษาด้วยการBed Rest
การที่คุณแม่ต้องนอนอยู่บนเตียงเป็นเวลานาน ๆ อาจจะก่อให้เกิดภาวะเส้นเลือดที่ขาอุดตัน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดลิ่มเลือดอุดกั้นที่ปอดได้อีกด้วย มวลกระดูกลดลง กล้ามเนื้ออ่อนแรงจากการขาดการเคลื่อนไหวเป็นเวลานาน รวมไปถึงอาการซึมเศร้า วิตกกังวลต่าง ๆ จากการอยู่นิ่ง ๆ เป็นเวลานาน ดังนั้น ควรที่จะหมั่นสังเกตถึงอาการปวดต่าง ๆ และปรึกษาคุณหมออย่างสม่ำเสมอ ถึงอาการที่เกิดขึ้น เพื่อจะได้ทำการรักษา และป้องกันผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น
ทำอย่างไรดี หากแพทย์วินิจฉัยให้รักษาด้วยการ Bed Rest ?
หากแพทย์ได้ทำการวินิจฉัยให้คุณแม่ต้องนอนนิ่ง ๆ หรือ รักษาด้วยวิธี Bed Rest คุณแม่ควรจะปรึกษาคุณหมอถึงสาเหตุ และคำแนะนำในการปฏิบัติตัวระหว่างการรักษาด้วย
สิ่งที่ควรจะถามคุณหมอ เช่น
- สาเหตุที่แนะนำให้รักษาด้วยวิธีการนอนนิ่ง ๆ หรือ Bed rest
- วิธีการ Bed Rest สามารถทำอะไรได้บ้าง เช่น จำเป็นต้องนอนบนเตียงตลอดทั้งวันไหม ? สามารถลุกได้เป็นระยะหรือไม่ ตอนไหนบ้าง ?
- มีวิธีการอื่น ๆ นอกจากการรักษาด้วย Bed Rest หรือไม่ ?
- การรักษาด้วยการนอนนิ่ง หรือ Bed Rest จะช่วยอะไรได้บ้าง ?
- ผลข้างเคียง หรือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการรักษาด้วยวิธีนี้ สมเหตุสมผลกับประโยชน์ที่ได้รับหรือไม่ ?
- วิธีการนี้สามารถการันตีผลลัพธ์ได้มากแค่ไหน ?
- ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับสุขภาพของคุณแม่ และลูกในครรภ์
- การรับประทานยาบำรุงอื่น ๆ จะสามารถช่วยให้ผ่านภาวะแทรกซ้อนนี้ไปได้หรือไม่ ?
คุณแม่ควรจะพูดคุยกับแพทย์ให้ชัดเจนถึงแนวทางการรักษา และความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น เนื่องจากวิธีการนี้ อาจมีผลข้างเคียงทั้งต่อตัวแม่ท้อง และลูกในครรภ์
การงด หรือลดการทำกิจกรรมต่าง ๆ ช่วยได้จริงหรือ ?
หากคุณแม่กำลังเผชิญกับความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด คุณหมอผู้ดูแลอาจจะแนะนำให้งด หรือละเว้นการทำกิจกรรมบางอย่าง เช่น การยกของหนักกว่า 9 กิโลกรัม กิจกรรมนันทนาการ การออกกำลังกายต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อ หรือการยกเวท และอาจรวมไปถึงการปรับเปลี่ยนตารางการทำงานของคุณแม่ ไม่ควรเกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ยกเลิกการทำงานในเวลากลางคืน (night shift) งานที่ต้องยืนเป็นเวลานาน หรืองานที่ต้องใช้ร่างกายเยอะ ๆ ด้วย
หากคุณแม่มีอาการเจ็บครรภ์ หรือมักจะรู้สึกเกร็งหลังจากมีเพศสัมพันธ์ คุณหมอก็อาจจะแนะนำให้หลีกเลี่ยงกิจกรรมทางเพศไปก่อน
หากคุณแม่มีภาวะถุงน้ำคร่ำรั่ว รกเกาะต่ำ รกลอกก่อนกำหนด หรือภาวะครรภ์แทรกซ้อนอื่น ๆ คุณหมอก็จะแนะนำให้หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่แตกต่างกันไป เพื่อลดความเสี่ยง และช่วยรักษาครรภ์ให้มีสุขภาพดีไปจนครบอายุโดยสมบูรณ์
ที่มา : today.line.me , www.pormae.com , hd.co.th/bed – rest
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
คุณหมอบอกมา 5 ภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ ที่แม่ท้องต้องระวัง!!
สัญญาณอันตรายระหว่างตั้งครรภ์ อาการแบบไหนควรไปพบแพทย์?
ผลวิจัยเผย การล็อคดาวน์ COVID-19 อาจทำแม่เสี่ยงแท้งบุตรได้