เลือดกำเดาคืออะไร
เลือดกำเดา หมายถึง เลือดที่ไหลออกจากในโพรงจมูกหรือบริเวณหลังจมูก เกิดจากเส้นเลือดในเยื่อบุโพรงจมูกแตกจึงมีเลือดไหล ส่วนมากเกิดจากการแตกของเส้นเลือดฝอยเล็ก ๆ ที่บริเวณส่วนหน้าของผนังกั้น ช่องจมูกทั้ง 2 ข้างจึงมีเลือดไหลออกทางรู จมูก เลือดกำเดามักเริ่มออกเมื่ออายุประมาณ 3 ขวบ แต่พบมากในวัย 4-5 ขวบจนถึงชั้นประถมต้น แต่ถ้าพบว่ามีเลือดออกที่จมูกตั้งแต่แรกเกิด นั่นไม่ใช่เป็นเลือดกำเดาไหล แต่จะเป็นโรคเลือดควรพบแพทย์โดยด่วนค่ะ
ผศ.นพ.ปารยะ อาศนะเสน ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวถึงเรื่องเลือดกำเดาไว้ว่า เลือดกำเดาไหลสามารถพบได้ทุกเพศและทุกวัย แต่มักพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง ภาวะนี้มักพบในช่วงฤดูที่มีอากาศหนาวมากกว่าฤดูอื่นๆ เนื่องจากในฤดูหนาวมีอากาศแห้งเพราะความชื้นในอากาศที่ลดลง
สาเหตุของเลือดกำเดาไหล
1. เกิดจากเส้นเลือดฝอยในโพรงจมูกแตก เนื่องมากจากอากาศแห้ง โดยเฉพาะในวันที่ร้อนจัดหรือหนาวจัด
2. เกิดจากการถูกกระทบกระเทือน เช่น วิ่งชนโต๊ะ วิ่งชนกับเพื่อน หรือเกิดจากมีผนังกั้นจมูกที่ผิดปกติ ผนังกั้นจมูกเกิดการอักเสบจากการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนหรือโรคแพ้อากาศ
3. ร่างกายขาดวิตามินซี
4. ความผิดปกติภายในระบบร่างกาย เช่น ระบบการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ และโรคเลือดต่าง ๆ
ทำยังไงดีลูกเลือดกำเดาไหล
ตามปกติแล้วเด็กมีเลือดกำเดาไหล อันดับแรก พ่อแม่ต้องอย่าตกใจและพยายามปลอบลูก ถ้าลูกร้องไห้ ควรปลอบให้ลูกหยุดร้องโดยเร็ว เพราะถ้ายิ่งร้องไห้ ความดันเลือดจะสูงขึ้น ทำให้เลือดไหลออกมามากยิ่งขึ้น ตามปกติเลือดกำเดามักจะหยุดไหลเองภายในเวลาไม่เกิน 5 นาที ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถปฐมพยาบาลเบื้องต้นเพื่อช่วยหยุดเลือดกำเดาได้ดังนี้
1. ให้ลูกนั่งหรือยืนแล้วก้มหน้าลง ใช้นิ้วชี้และหัวแม่มือ บีบปีกจมูกทั้งสองข้างให้แน่นเป็นเวลา 5 – 10 นาที โดยให้หายใจทางปากแทน เพื่อกดบริเวณด้านหน้าของผนังกั้นช่องจมูก ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีเลือดออกบ่อยที่สุด
2. ไม่ควรให้ลูกนั่งแหงนหน้าเพราะอาจมีเลือดไหลลงคอ อาจทำให้อาเจียนจากการกลืนเลือดเข้าไป
3. หลังเลือดกำเดาไหล ภายใน 24-48 ชั่วโมงแรก ถ้าเลือดหยุดแล้ว ควรนอนพัก ยกศีรษะสูง นำน้ำแข็งหรือ cold pack มาประคบบริเวณหน้าผากหรือคอ
4. หลีกเลี่ยงการสั่งน้ำมูกแรง ๆ, การแคะจมูก, การกระทบกระเทือนบริเวณจมูก, การออกแรงมาก เพราะอาจทำให้มีเลือดออกได้
5. หากเลือดออกไม่หยุดหรือออกมากผิดปกติ ควรพาลูกไปพบคุณหมอเพื่อตรวจหาสาเหตุที่ถูกต้องต่อไป
การป้องกัน
1. ในช่วงวันที่มีอากาศร้อนจัด ไม่ควรปล่อยให้เด็ก ๆ วิ่งเล่นกลางแจ้งเป็นเวลานาน ๆ
2. ไม่ควรแคะจมูก เพราะจะทำให้จมูกได้รับความกระทบกระเทือน ดังนั้น คุณแม่ควรตัดเล็บของลูกให้สั้นอยู่เสมอและสอนไม่ลูกแคะหรือล้วงจมูก
3. ควรให้ลูกได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและกินอาหารครบ 5 หมู่
4. สร้างภูมิต้านทานให้แก่ลูกด้วยการเสริมวิตามินซี ด้วยการให้กินผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ฝรั่งหรือส้ม
ข้อควรรู้ สังเกตเลือดกำเดาไหลผิดปกติ
ผู้ที่เลือดกำเดาไหลบ่อย ๆ อย่าชะล่าใจนะคะ เพราะอาจเกิดจากการเป็นโรคเลือด เช่น เกร็ดเลือดต่ำผิดปกติ เส้นเลือดฝอยขยายตัวผิดปกติ มีเนื้องอกที่เส้นเลือด หรือเป็นโรคที่ทำให้การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ซึ่งหากเกิดจากสาเหตุเหล่านี้ เด็ก ๆ จะมีเลือดออกง่าย มีปริมาณเลือดไหลมาก และยังพบว่ามีเลือดออกที่ตำแหน่งอื่นให้เห็นด้วย เช่น มีจุดจ้ำเลือดตามตัว
ในวันที่มีอากาศร้อนจัด คุณแม่ไม่ควรปล่อยให้ลูกออกไปวิ่งเล่นกลางแจ้ง นอกจากจะป้องกันไม่ให้เลือดกำเดาไหล ยังเป็นการป้องกันการเจ็บป่วยหรือเป็นไข้ ที่สำคัญควรหมั่นตัดเล็บของลูกให้สั้นและสอนไม่ให้ล้วง แคะ แกะ เกาจมูก อาจทำให้เลือดกำเดาไหลได้ค่ะ แต่ถ้ามีอาการเลือดกำเดาไหลสามารถทำตามวิธีที่บอกไว้รับรองได้ผลดีจริง ๆ ค่ะ เพราะลองมาแล้วเหมือนกัน
อ้างอิงข้อมูลจาก
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
10 วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้เด็กรอดพ้นอันตราย
อันตรายไหมถ้าเลือดกำเดาไหลตอนท้อง
ทำไมวิตามินซี กับการเล่นกลางแจ้งจึงจำเป็นมากสำหรับเด็ก?