ลูกแพ้ขนสัตว์ควรจัดการอย่างไร? เมื่อมีสัตว์เลี้ยงในบ้าน

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ลูกแพ้ขนสัตว์ ควรจัดการอย่างไร? เมื่อมีสัตว์เลี้ยงในบ้าน อาจจะยังไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนที่ปล่อยให้ลูกสามารถเล่นกับสัตว์เลี้ยงได้โดยที่ไม่แพ้ขนอะไรเลย แต่กลับเป็นเรื่องที่กังวลใจของคุณพ่อคุณแม่บางคนที่กำลังพบเจอกับปัญหานี้อยู่ นั่นคือลูกมีอาการแพ้สัตว์ ที่อาจจะเกิดจากเรามีสัตว์เลี้ยงไว้ภายในบ้าน เพราะเชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่หลายๆ คน ก็อยากที่จะมีสัตว์เลี้ยงไว้ในบ้านบ้าง แน่นอนว่าการที่เราเลี้ยงสัตว์ไว้ในบ้านเราก็อยากที่จะให้ลูกของเราได้ลองเล่นและได้สัมผัสกับสัตว์เหล่านี้ดูบ้าง ด้วยนิสัยของเด็กเขาก็จะมีความอยากรู้อยากเห็น อยากลองสัมผัสกับอะไรที่แปลกใหม่ เพราะการที่เราให้เด็กเล่นกับสัตว์จะช่วยทำให้เขารู้สึกดี อบอุ่น และมีนิสัยอ่อนโยนมากขึ้นนั่นเอง และไม่ต้องกังวลใจไปเพราะวันนี้แอดจะพาคุณพ่อคุณแม่มารู้วิธีการรับมือกับลูกที่แพ้ขนสัตว์ให้ได้รู้กันว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้วก็มาดูกันได้เลย

รูปจาก freepik.com

 

สาเหตุที่เด็กแพ้ขนสัตว์

ลูกแพ้ขนสัตว์ได้นั้น ส่วนหนึ่งจะมาจากคุณพ่อและคุณแม่ที่เคยเป็นโรคภูมิแพ้มาก่อน เพราะโรคนี้สามารถถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรม หรือกรณีที่คุณพ่อและคุณแม่ไม่เคยเป็นโรคภูมิแพ้มาก่อน ลูกก็อาจจะแพ้ได้ด้วยตัวเองถึงร้อยละ 14 นั่นเอง โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้นั้นคือ เกิดจากรังแคของสัตว์ชนิดต่างๆ เช่น สุนัข กระต่าย หรือแมว เป็นต้น สิ่งเหล่านี้มักจะลอยอยู่ตามอากาศภายในบ้าน อาจจะลอยไปติดอยู่ตามพื้นบ้าน โซฟา หรือของเล่นลูกก็เป็นได้ และสิ่งนี้แหละที่เป็นสาเหตุทำให้ลูกของเราเป็นโรคภูมิแพ้

 

อาการแพ้ของเด็ก

โดยส่วนมากอาการที่พบบ่อยจะเกิดจากภูมิแพ้จมูก ซึ่งจะทำให้มีอาการคันจมูก จามและมีน้ำมูกไหลตามมา ที่สำคัญยังทำให้ป่วยบ่อยอีกด้วย และถ้าลูกเป็นหอบหืด ก็จะมีอาการหายใจเสียงดัง ไอ และมีเสมหะตามาเช่นกัน ซึ่งบางคนถึงกับต้องไปหาหมอเพื่อที่จะให้หมอพ่นยาขยายหลอดลมและกินยาถึงจะดีขึ้น กับอีกหนึ่งอาการแพ้ของเด็ก นั่นก็คือภูมิแพ้ทางตา อาการโดยรวมจะทำให้น้ำตาไหล คันตา และตาแดง ถ้าไปหาหมอก็อาจะรักษาด้วยการกินยา หรือถ้าเด็กที่โตขึ้นมาหน่อยก็อาจจะหยอดตาได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งอาการนที่พบได้ในเด็กนั่นคือ ภูมิแพ้ทางผิวหนัง สิ่งนี้จะส่งผลทำให้เกิดการระคายเคืองแก่ผิว มีผดเกิดขึ้นตามบริเวณต่างๆ ของร่างกาย ดังนั้นครอบครัวไหนที่ลูกมีอาการแบบนี้ก็อาจจะพาลูกไปรักษาตามอาการได้เลย

 

วิธีป้องกันอาการแพ้ขนสัตว์

1. ทำความสะอาดห้องนอนอย่างสม่ำเสมอ

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

รูปจาก freepik.com

 

ห้องนอนเป็นบริเวณที่เราควรใส่ใจมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะครอบครัวไหนก็กำลังมีลูกน้อย เราควรทำความสะอาดห้องทุกวันให้ติดเป็นนิสัย เพื่อไม่ให้มีฝุ่นละอองภายในห้อง พร้อมกับจัดระเบียบห้องให้มีพื้นกว้างขึ้น มีอากาศถ่ายเท ปลอดโปร่ง โล่งสบาย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

      2. เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากหนัง

 

รูปจาก freepik.com

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

การเลือกเฟอร์นิเจอร์หรือโซฟาภายในบ้านก็เป็นเรื่องควรคำนึงถึงของคนที่มีสัตว์เลี้ยงในบ้าน เพราะถ้าเราเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากผ้า ก็จะทำให้เราดูแลรักษาความสะอาดยาก ยิ่งถ้าลูกของเราแพ้ขนสัตว์แล้วละก็ไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง เพราะเฉพาะเพื่อเป็นการให้ง่ายต่อการทำความสะอาดมากขึ้นอาจก็เน้นเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากหนังมากว่าผ้า  เพื่อความปลอดภัยของลูกเรามากขึ้นนั่นเอง

 

      3. จัดพื้นที่สัตว์เลี้ยงให้เป็นสัดส่วน

 

รูปจาก freepik.com

 

สำหรับใครที่มีสัตว์ในบ้านก็อาจจะต้องแบ่งพื้นที่บ้านให้เป็นสัดส่วนมากขึ้น โดยอาจจะมีที่สำหรับเลี้ยงโดยเฉพาะ ที่สำคัญควรหมั่นดูแลรักษาบริเวณที่สัตว์เลี้ยงอยู่ให้สะอาดด้วย อาจจะอาบน้ำให้ทุกๆ สัปดาห์ พร้อมฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ รวมถึงการป้องกันเห็บหมัดก็จะดีไปตามไปด้วย และในกรณีที่ลูกเล่นกับสัตว์เลี้ยงอาจจะต้องอยู่ในความดูแลของเราด้วย ไม่ควรปล่อยให้ลูกสัมผัสหรืออยู่กับสัตว์เลี้ยงมากจนเกินไป

 

        4. ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศไว้ที่บ้าน

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

รูปจาก freepik.com

 

อากาศภายในบ้านก็เป็นส่วนสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรมองข้าม ดังนั้นเราก็อาจจะติดตั้งเครื่องฟอกอากาศไว้ภายในบ้าน สิ่งนี้เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ช่วยกรองอากาศภายในบ้านได้ดีมากๆ  อีกทั้งยังทำให้ลูกของเราก็จะได้รับอากาศที่บริสุทธิ์และสดชื่นมากขึ้น เพราะถ้าอากาศภายในบ้านดีไม่มีฝุ่น ก็จะช่วยป้องกันการเกิดโรคภูมิแพ้ให้กับลูกเราได้ นอกจากนี้เราต้องหมั่นทำความสะอาดบ้านทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดโซฟา โต๊ะ เก้าอี้ ของเล่นลูก รวมถึงการซักผ้าปูที่นอนด้วย และที่สำคัญไม่ควรนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาในบ้าน ยิ่งถ้าครอบครัวไหนมีลูกที่เป็นภูมิแพ้อยู่แล้วก็ควรจะใส่ใจเรื่องนี้มากๆ ควรต้องหมั่นทำความสะอาดทุกส่วนภายในบ้านอยู่เป็นประจำ หรือถ้าบริเวณไหนที่สกปรกมากๆ เราก็อาจจะใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เหมาะสมกับบริเวณนั้นๆ แค่นี้ก็สามารถช่วยป้องกันไม่ให้ลูกเป็นโรคภูมิแพ้ได้ดีเลยทีเดียว

 

        5. ล้างมือทุกครั้งเมื่อสัมผัสสัตว์เลี้ยง

 

รูปจาก freepik.com

 

เราต้องให้ลูกล้างมือทุกครั้งหลังจากสัมผัสกับสัตว์เลี้ยงมาแล้ว เพราะเป็นอีกหนึ่งข้อที่สำคัญมากๆ เราอาจจะอาบน้ำหรือหมั่นทำความสะอาดสัตว์เลี้ยงอยู่บ่อยๆ ก็จริง แต่สิ่งนี้ก็ไม่ได้ยืนยันว่าจะไม่เป็นอันตรายต่อลูกของเราเลย เพราะเด็กบางคนเมื่อเล่นกับสัตว์เลี้ยงเสร็จแลว เขาก็อาจจะไปทำกิจกรรมอื่นๆ ต่อจนลืมล้างมือได้ ที่สำคัญกรณีถ้าเขาเอามือไปหยิบจับของกินเข้าปากต่อ หรือเอามือไปสัมผัสส่วนต่างๆ ของร่างกายต่อ ก็อาจจะส่งผลให้เขาเกิดเป็นโรคภูมิแพ้ได้  อาทิเช่น เขาอาจจะใช้มือขยี้ตา หรือใช้มือเคาะจมูก สิ่งเหล่านี้ก็สามารถส่งผลอันตรายแก่ลูกเราได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นสำหรับใครที่ลูกเป็นโรคภูมิแพ้อยู่แล้วอาจจะต้องดูแลเป็นพิเศษเลยทีเดียว

 

        6. หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้สัตว์เลี้ยง

รูปจาก freepik.com

 

ลูกแพ้ขนสัตว์ เราไม่ควรปล่อยให้ลูกอยู่กับสัตว์เลี้ยงมากจนเกินไป หรือถ้าเป็นไปได้ไม่ควรให้สัตว์เลี้ยงเข้ามาในบ้าน โดยเฉพาะสัตว์ที่มีขนร่วงเป็นจำนวนมาก เพราะสิ่งนี้อาจทำให้ลูกของเราภูมิแพ้กำเริบได้  ดังนั้น เราอาจจะทำที่อยู่อาศัยของสัตว์เลี้ยงให้ห่างจากตัวบ้านออกมาหน่อย อาจจะให้อยู่หลังบ้าน หรือบริเวณต่างๆ ของบ้านที่ปลอดภัยต่อทั้งสัตว์เลี้ยงและลูกของเราด้วย โดยการที่เราทำที่อยู่อาศัยให้สัตว์เลี้ยงนั้น อาจจะต้องเลือกทำในบริเวณที่เหมาะสม อาทิเช่น บริเวณที่อากาศสามารถถ่ายเทได้สะดวก  เป็นต้น และพยายามไม่ให้ลูกเข้าใกล้กับสัตว์เลี้ยงมากจนเกินไป โดยเฉพาะลูกที่เป็นภูมิแพ้ควรระวัง

 

       7. ดูแลสุขอนามัยของสัตว์เลี้ยง

 

รูปจาก freepik.com

 

การดูแลสัตว์เลี้ยงก็เป็นเรื่องสำคัญ เราควรหมั่นดูแลรักษาความสะอาดของสัตว์เลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ อาจจะอาบน้ำให้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ในกรณีที่เราอาบน้ำให้สัตว์เลี้ยงอาจจะต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะแก่สัตว์เลี้ยงเพื่อป้องกันไม่ให้มีเห็บหรือหมัดเกิดขึ้น และหลังจากการอาบน้ำควรเช็ดและเป่าขนให้แห้งเรียบร้อยด้วย เพราะถ้าเราอาบน้ำโดยที่ไม่เป่าขนสัตว์เลี้ยงให้แห้งก็อาจจะทำให้สัตว์ของเราป่วยและไม่สบาย ซึ่งนี่ก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่จะทำให้เกิดโรคต่างๆ เกิดขึ้นตามมา ทั้งต่อคนในครอบครัและสัตว์เลี้ยงของเรา และที่สำคัญควรทำความสะอาดบริเวณที่อาบน้ำของสัตว์เลี้ยงด้วย เพราะถ้าเราไม่หมั่นทำความสะอาดบริเวณที่อาบน้ำของสัตว์เลี้ยงตรงนี้ก็อาจเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคได้ด้วย

 

เชื่อว่าคุณพ่อกับคุณแม่หลายคนอาจจะหายกังวลใจขึ้นมาบ้าง สำหรับใครที่อยากจะเลี้ยงสัตว์ไว้ในบ้านก็สามารถเลี้ยงได้ตามใจชอบ แต่เราก็อาจจะต้องดูแลเอาใจใส่มากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะครอบครัวไหนที่กำลังมีลูกน้อย หรือมีลูกที่แพ้ขนสัตว์เราก็อาจจะต้องเปลี่ยนบริเวณการเลี้ยงสัตว์ใหม่ให้ดีขึ้น ปรับบริเวณต่างๆ ของบ้านให้ดีให้เหมาะแก่การเลี้ยงดู พร้อมหมั่นดูแลรักษาความสะอาดบริเวณบ้านมากขึ้น แค่นี้คุณก็สามารถเลี้ยงได้โดยที่ไม่ต้องกังวลใจอย่างแน่นอน แต่ถ้าเราเลี้ยงสัตว์ไว้ในบ้านแต่ไม่เคยดูแลรักษาความสะอาดเลย ปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่กับลูกเพียงลำพัง นอกจากจะทำให้ลูกเป็นภูมิแพ้แล้วยังส่งผลทำให้เกิดอันตรายในเรื่องต่างๆ กับลูกเราได้ด้วย

 

 

บทความที่น่าสนใจ : ลูกเล่นกับสัตว์เลี้ยง มีดีกว่าที่คิด ประโยชน์จากการให้ลูกเล่นหมาแมวที่พ่อแม่ควรรู้!

บ้านไหนเลี้ยงสัตว์ ระวังกระทบเพื่อนบ้าน

เรื่องที่พ่อแม่ควรรู้ ดูแลลูกอย่างไรเพื่อลดความเสี่ยง การแพ้อาหารในเด็ก วิธีสังเกตว่าลูกแพ้อาหารหรือไม่

ที่มา : sanook, parentsone, phyathai

บทความโดย

Tidaluk Sripuga