ลูกในท้องดิ้นแรง เป็นข้อที่คุณแม่มือใหม่ต่างกก็สงสัยว่าที่ลูกในท้องดิ้นแรงนั้นเป็นเพราะว่าพวกเขาแข็งแรง หรือว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขาหรือเปล่า มาลองดูกันดีกว่าค่ะว่า ลูกในท้องดิ้นแรง นั้นมีสาเหตุมาจากอะไร ลูกป่วยหรือเปล่า หรือว่าเขาแค่ต้องการจะบอกอะไร
ทารกในครรภ์จะเริ่มดิ้นตอนไหน?
การดิ้นของทารก, ลูกดิ้นแรง, ลูกดิ้นช้า, ลูกไม่ดิ้น ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ให้ความรู้เรื่องการดิ้นของทารกในครรภ์ไว้ว่า การดิ้นของทารกน้อย โดยทั่วไปแล้วทารกน้อยจะเริ่มดิ้นเมื่ออายุครรภ์ประมาณ 16 – 20 สัปดาห์ แต่ถ้าใช้เครื่องตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง จะสามารถเห็นการเคลื่อนไหวของทารกได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 6 สัปดาห์ การเคลื่อนไหวของทารกที่ต่อเนื่องมากกว่า 20 วินาที จากการศึกษาพบว่า
1. อายุครรภ์ประมาณ 20 สัปดาห์ทารกจะดิ้นประมาณ 200 ครั้งใน 12 ชั่วโมง
2. ทารกจะดิ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ จนอายุครรภ์ 32 สัปดาห์ ทารกจะดิ้นประมาณ 575 ครั้งใน 12 ชั่วโมง
3. หลังจากนั้นทารกจะดิ้นน้อยลงเรื่อย ๆ และเมื่ออายุครรภ์ 40 สัปดาห์ทารกจะดิ้นประมาณ 282 ครั้งใน 12 ชั่วโมง
บทความที่น่าสนใจ : วิธี นับลูกดิ้น แจกทริค นับอย่างไรถึงจะถูกต้อง และปลอดภัยสำหรับลูกน้อย
การหลับ การตื่น ของทารกในครรภ์
ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ให้ความรู้เรื่อง การหลับ การตื่นของทารกในครรภ์ ดังนี้ ทารกในครรภ์จะมีช่วงหลับและช่วงตื่นไม่ตรงกับคุณแม่ ช่วงระยะเวลาการนอนหลับของทารกต่อ 1 รอบนาน 20 นาทีถึง 75 นาที นอกจากนี้ทารกในครรภ์ยังมีการดิ้นในแต่ละช่วงเวลาไม่เท่ากัน พบว่า ทารกจะดิ้นมากระหว่างเวลา 21.00 – 01.00 น. เวลาที่ทารกดิ้น คือเวลาที่ทารกตื่น
ลูกในท้องดิ้นแรง ดิ้นช้า หรือไม่ดิ้นบอกอะไร
ข้อมูลความรู้คำถาม : คำตอบ จากราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ดังนี้
1. ลูกดิ้นมากผิดปกติมีปัญหาอะไรหรือไม่?
คำตอบ : ทารกเคลื่อนไหวมากเกินปกติ หมายถึง ทารกเคลื่อนไหวมากกว่าชั่วโมงละ 40 ครั้ง ซึ่งจะพบได้ประมาณร้อยละ 5 ของแม่ท้องทั่วไป ภาวะดังกล่าวไม่สัมพันธ์กับความพิการของทารก หรือการเจ็บท้องคลอดก่อนกำหนด หรือภาวะแทรกซ้อนของสายสะดือแต่อย่างใด ทารกสามารถเคลื่อนไหวได้แรง แม้ขณะแม่เจ็บท้องและมักจะปกติหลังคลอด จากการตรวจเด็กเหล่านี้ในช่วง 1 ปีแรก ไม่พบว่าไม่มีความผิดปกติทางการเจริญเติบโตแต่อย่างใด
สำหรับกรณีที่คุณแม่ควรสังเกตที่อาจแสดงถึงภาวะที่อาจเกิดอันตราย คือ ทารกเคลื่อนไหวมากอย่างฉับพลันและรุนแรงแล้วหยุดการเคลื่อนไหวไปเลย มักเป็นสัญญาณของภาวะเครียดเฉียบพลัน และอาจเสียชีวิตได้ ซึ่งเกิดจากการกดสายสะดือ หรือรกลอกตัวก่อนกำหนดรุนแรง
2. ลูกดิ้นลดลงบอกถึงอะไร
คำตอบ : การเคลื่อนไหวของทารกเป็นสัญญาณบอกว่า ทารกยังอยู่ในภาวะปกติแข็งแรง ถ้ามีภาวะเครียด เช่น ขาดออกซิเจนการไหลเวียนของเลือดที่รกลดลง ทารกจะเคลื่อนไหวน้อยลงก่อนหรือหยุดไป เชื่อว่า เกิดจากการกดระบบประสาท หรืออาจเป็นเพราะร่างกายต้องการลดพลังงานและออกซิเจน เพื่อสงวนไว้ให้อวัยวะที่สำคัญ ๆ เช่น สมองและหัวใจ เป็นต้น
3. การนับลูกดิ้นทำอย่างไร
คำตอบ : วิธีการนับลูกดิ้นมีหลากหลายวิธี และมีการแปลผลที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาเปรียบเทียบว่าการนับแบบใดดีที่สุด วิธีการที่นิยมกันแพร่หลาย ได้แก่
1. Sadovsky วิธีการนี้ให้นับวันละ 3 ครั้งหลังอาหารทุกวัน ถ้าน้อยกว่า 3 ครั้งต่อชั่วโมง ให้นับต่ออีก 6 – 12 ชั่วโมงต่อวัน รวมจำนวนครั้งที่ดิ้นทั้งหมดคิดเป็น 12 ชั่วโมงถ้าน้อยกว่าเท่ากับ 10 ครั้ง ถือว่าทากรดิ้นน้อยลง
2. The Cardiff “ Count – to – ten charf” คือ การนับจำนวนทารกเคลื่อนไหวตั้งแต่ 9.00 น. จนครบ 10 ครั้ง ซึ่งไม่ควรใช้เวลาเกิน 12 ชั่วโมง (ถึง 21.00 น.)
4. หากลูกดิ้นน้อยลงจริงควรทำอย่างไร?
คำตอบ : การบันทึกการดิ้นของทารกโดยการนับของแม่ อาจคลาดเคลื่อนได้ขึ้นกับความแรงของการดิ้นของทารก ตำแหน่งของรกที่อยู่ทางด้านหน้า ระยะเวลาที่ทารกเคลื่อนไหว หรือความตั้งใจของแม่ในการนับจำนวนการดิ้นของทารก ถ้าทารกดิ้นน้อยลงจริงควรรีบไปพบคุณหมอโดยด่วน เพื่อประเมินสุขภาพของทารกในครรภ์ด้วยวิธีการอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น การตรวจอัตราการเต้นของหัวใจทารกโดยใช้คลื่นไฟฟ้า
สรุป
1. การนับลูกดิ้นช่วยในการคัดกรองด้วยตัวคุณแม่เอง แต่อาจจะมีความคลาดเคลื่อนได้สูง
2. การที่ลูกดิ้นน้อยลงไม่ได้หมายความว่าทารกจะอยู่ในภาวะอันตรายเสมอไป เพียงแต่จัดว่าอาจเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงกว่าปกติ
3. การนับลูกดิ้นด้วยตัวคุณแม่เองเพื่อประเมินสุขภาพทารก สามารถทำได้ง่าย สะดวก ได้ผลดี ไม่มีค่าใช้จ่าย ปลอดภัย ไม่มีข้อห้าม คุณแม่สามารถทำได้ทุกคน
4. ควรมีการบันทึกนับการดิ้นของทารกอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอตั้งแต่ 28 – 32 สัปดาห์ และรีบมาพบคุณหมอทันทีหากพบว่ามีความผิดปกติ
เมื่อแม่ท้องได้ทราบอย่างนี้แล้วมานับการดิ้นของลูกอย่างถูกวิธี เพื่อสังเกตดูว่า เจ้าหนูน้อยยังสบายดีอยู่ในท้องของแม่ตามที่ได้รับคำแนะนำจากที่กล่าวมาแล้ว หากคุณแม่รู้สึกถึงความผิดปกติหรือมีความกังวลใด ๆ ควรปรึกษาคุณหมอนะคะ
อ้างอิงข้อมูลจาก
เอกสารเผยแพร่ “ลูกในท้องคุณแม่สบายดีหรือ” โดยคณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ด้านสุขภาพสตรี ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย
The Asianparent Thailand เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพและสังคมคุณแม่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและเอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่และเด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น The Asianparent ที่ติดตามการตั้งครรภ์ให้คุณแม่ได้ลงทะเบียนใช้งานฟรี เพื่อติดตามพัฒนาการทารกตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุดและผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์และสื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่และเด็ก โภชนาการแม่และเด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว
การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และจิตวิทยาเด็ก The Asianparent เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้และมีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง
เพราะเราเชื่อว่า “พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแรง”
บทความที่น่าสนใจ
แม่ท้องรีบอ่าน ! เมื่อ ลูกดิ้นน้อยลง เมื่อไหร่ที่ควรกังวล แบบไหนที่ควรระวัง
ลูบท้องตอนท้อง มันดีอย่างนี้นี่เอง แม่จ๋ารู้ไหม ทำไมลูกในท้องถึงชอบ เวลาที่แม่ลูบท้องบ่อยๆ
ตารางน้ำหนักตามเกณฑ์สำหรับ เด็กคลอดก่อนกำหนด