คนทุกคน ล้วนต้องเคยเจอกับโรคภัยไข้เจ็บตั้งแต่เกิดจนโต บางคนป่วยน้อย บางคนป่วยมาก แตกต่างกันออกไป ซึ่งหนึ่งในโรคความผิดปกติที่เด็ก ๆ บางคนอาจเป็นกันได้ คือ ออทิสติก วันนี้ เราจะพาคุณแม่มาดูกันว่า เราจะสังเกตลูก ๆ ได้ยังไง หากลูกเป็น เด็กออทิสติก มีอาการแบบไหน มาดูกันค่ะ
ออทิสติก คือ อะไร
ออทิสติก หรือ Autism spectrum disorder (ASD) เป็นโรคภาวะความผิดปกติทางการเรียนรู้และพฤติกรรม ที่เกิดขึ้นได้กับเด็ก ซึ่งเด็กที่เป็นโรคนี้ จะมีพัฒนาด้านการเรียนรู้ สติปัญญา และทักษะการเข้าสังคม ที่บกพร่องและช้ากว่าเพื่อนวัยเดียวกัน รวมทั้งจะมีพฤติกรรมที่แตกต่างจากเด็กทั่วไป ทั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่ จะสามารถสังเกตอาการของเด็กออทิสติกได้ตั้งแต่ลูกประมาณอายุ 1-3 ขวบ อย่างไรก็ตาม เด็กออทิสติกบางคนก็แสดงอาการออกมาไม่ค่อยชัด จึงบอกได้ยากว่าเด็กเป็นออทิสติกหรือไม่
5 สัญญาณออทิสติกในเด็กแรกเกิด ที่พ่อแม่ต้องเฝ้าสังเกต
จากการสำรวจพบว่า เด็กผู้ชายมักจะเป็นออทิสติกมากกว่าเด็กผู้หญิงถึง 4 เท่า ส่วนใหญ่ภาวะนี้มักเกิดจากพันธุกรรม แถมยังเกิดได้กับคนทุกคน ไม่ใช่แค่เฉพาะกับคนเชื้อชาติใดเชื้อชาติหนึ่ง หากเด็กยังอายุน้อยอยู่ อาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสังเกตอาการออทิสติกได้ แต่ว่าคุณพ่อคุณแม่ก็สามารถสังเกตอาการเบื้องต้นของลูก ๆ ได้ดังต่อไปนี้ หากลูก ๆ มีอาการเข้าข่ายทั้ง 5 ข้อ ก็อาจเป็นไปได้ว่าลูกของเรามีภาวะออทิสติก
บทความที่เกี่ยวข้อง : คนท้องเป็นไข้ อันตรายกว่าที่คิด วิจัยเผย แม่ท้องไข้ เสี่ยงทำให้ลูกเป็นออทิสติก
- ลูกไม่ยิ้มเวลาเล่นด้วย ทุกครั้งที่คุณพ่อคุณแม่เล่นกับลูก ๆ เด็กส่วนใหญ่มักจะตอบกลับด้วยการยิ้ม ซึ่งปกติแล้ว เด็กที่มีอายุ 6 เดือนขึ้นไปจะเริ่มรู้จักการยิ้ม หรือหัวเราะบ้างแล้ว
- ลูกไม่สนใจใคร หากลูกเราไม่สบตาเรา แม้เราจะพูดหรือเล่นด้วย ก็เป็นไปได้ว่า เขามีปัญหาด้านการเรียนรู้และมีพัฒนาการที่ช้ากว่าปกติ
- ลูกไม่รู้จักชื่อของตัวเอง เด็กทั่วไป มักจะตอบสนองเมื่อพ่อแม่เรียกชื่อ หรือไม่ก็อาจจะยิ้มกลับให้พ่อแม่ แต่เด็กที่มีอาการออทิสติก จะไม่ตอบสนองเมื่อมีคนเรียก รวมทั้งจะไม่สนใจมองตามเสียงเรียก และไม่สนใจพ่อแม่ เมื่อพ่อแม่คุยด้วย
- ลูกไม่ส่งเสียงอ้อแอ้ ในช่วง 3 – 4 เดือนแรก เด็กที่เป็นออทิสติก มักจะเงียบเป็นส่วนใหญ่ ไม่ส่งเสียงคุย ไม่ชอบคุยกับคนอื่น ซึ่งผิดกับเด็กคนอื่น ๆ
- ลูกไม่สนใจที่จะให้ใครอุ้ม เด็กที่เป็นออทิสติก จะไม่สนใจว่าจะมีใครอุ้มหรือไม่ เพราะเด็กออทิสติก ชอบที่จะอยู่คนเดียว และมีโลกส่วนตัวสูง
วิดีโอจาก : Mahidol Channel มหิดล แชนแนล
เมื่อเด็กเริ่มอายุมากขึ้น (มากกว่า 1 ปี) คุณพ่อคุณแม่จะสังเกตอาการของเด็กได้มากขึ้น เด็กที่เป็นออทิสติกจะมีพัฒนาการด้านการเรียนรู้ช้า เล่นบทบาทสมมติไม่เป็น ชอบแยกตัวจากคนอื่น ไม่ชอบทำกิจกรรมกลุ่ม ไม่สามารถบอกความต้องการของตัวเองได้ นอกจากนี้ เด็ก ๆ มักจะทำท่าทางซ้ำ ๆ พูดประโยคเดิมซ้ำ ๆ และชอบยึดติดกับพฤติกรรม และกิจวัตรที่เคยทำบางอย่าง หมกมุ่นกับสิ่งที่เคยทำ รวมทั้งเด็กจะไม่ค่อยมีเพื่อน เพราะเข้าสังคมไม่เก่ง หากสังเกตว่าเด็กมีอาการต่อไปนี้ ควรพาเด็กไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจค่ะ
ปัจจัยที่ทำให้ลูกเสี่ยงเป็นออทิสติก
ปัจจุบัน ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด ที่ทำให้เด็กเป็นออทิสติก แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ภาวะออทิสติกโดยส่วนใหญ่ เกิดจากปัจจัย เช่น
- ปัจจัยทางพันธุกรรม หากพ่อแม่ พี่น้อง หรือฝาแฝดของเด็ก ๆ มีความบกพร่องทางสติปัญญาหรือเป็นออทิสติกอยู่แล้ว ก็มีโอกาสที่เด็กที่เกิดมาจะเป็นออทิสติกได้เช่นเดียวกัน
- ปัจจัยทางด้านสภาวะแวดล้อมขณะตั้งครรภ์ หากขณะตั้งครรภ์ แม่ของเด็กรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ มีโลหะหนัก หรือมีสารอันตรายเจือปน รวมทั้งทานยาบางอย่างที่มีผลข้างเคียงที่ร้ายแรง เด็กที่เกิดมาก็อาจเป็นออทิสติกได้
ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เช่น อายุของพ่อแม่เด็ก น้ำหนักเด็กเมื่อแรกเกิด ระบบการเผาผลาญในร่างกายเด็ก เป็นต้น ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กเป็นออทิสติกได้เช่นเดียวกันค่ะ
อาการออทิสติก ส่งผลต่อเด็กอย่างไรบ้าง
เด็กที่เป็นออทิสติก จะมีพัฒนาการที่ช้ากว่าเด็กวัยเดียวกัน เด็กออทิสติกจะประสบปัญหาเข้ากับเด็กคนอื่นไม่ค่อยได้ หรือไม่ชอบเล่นกับเพื่อน แถมยังชอบแสดงออกซ้ำ ๆ นอนหลับยาก ชอบรับประทานสิ่งที่ไม่ใช่อาหาร และมีความต้องการในการทำอะไรซ้ำ ๆ เดิม ๆ อยู่ตลอดเวลา จึงทำให้ใช้ชีวิตประจำวันได้ค่อนข้างลำบาก ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ต้องดูแลลูกอย่างใกล้ชิด รวมทั้งต้องประสานการดูแลกับคุณครูในโรงเรียน เพื่อให้ลูกสามารถเรียนรู้ในห้องเรียนร่วมกับเด็กคนอื่นได้
อาการออทิสติก ส่งผลต่อผู้ใหญ่อย่างไร
คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกน้อยเป็นออทิสติก ก็คงจะเป็นห่วงลูกไม่น้อย กลัวว่าจะใช้ชีวิตได้ลำบากเมื่อโตขึ้น ผู้ใหญ่ที่เป็นออทิสติกบางรายนั้น สามารถที่จะใช้ชีวิตและทำงานได้ด้วยตัวเอง ในขณะที่อีกหลายคน ก็ยังต้องการการดูแลอย่างต่อเนื่อง คุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจ คอยดูแล และให้ความรักลูก ๆ ที่เป็นออทิสติกอย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยให้เขาอาจเติบโตมาเป็นคนที่ช่วยเหลือตัวเองได้ไม่ต่างจากคนทั่วไปนะคะ
หากลูกของเราเป็นออทิสติกจริงสิ่งแรกที่ต้องทำคือการคอยดูแล และไม่ย่อท้อต่อการสอนให้ลูกสามารถใช้ชีวิตได้ในสังคมอย่างเป็นปกติที่สุด เนื่องจากในปัจจุบันโลกเปิดรับและให้โอกาสทุกคนไม่ว่าจะเป็นแบบใดก็ตาม
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
พฤติกรรมเสี่ยง ที่อาจบอกว่าลูกเราเป็น ออทิสติกเทียม พ่อแม่ต้องรู้ !
เด็กออทิสติกเรียนร่วมกับเด็กปกติ ได้หรือไม่ ที่นี่มีคำตอบสำหรับพ่อแม่แล้ว!
มาทำความเข้าใจ ออทิสติก กับ ดาวน์ซินโดรม แตกต่างหรือเหมือนกันอย่างไร ?
ที่มา : healthline