โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง มีโอกาสเกิดขึ้นได้ในทารก เพราะผิวหนังของทารกมันช่างอ่อนนุ่มและอ่อนโยน แม้ว่าทำให้คนรอบข้างมันเขี้ยวอยากจะจับฟัดจับหอม แต่ก็ไม่ใช่ว่าเด็กทุกคนจะมีผิวหนังที่แข็งแรง เนื่องจากมีเด็กหลายคนก็มักต้องเผชิญกับปัญหาผิวขาดความชุ่มชื้น ผิวแห้ง ลอกแดง ผิวสาก ซึ่งบางรายถึงขั้นเสี่ยงเป็น โรคภูมิแพ้ผิวหนัง เลยทีเดียว ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่อย่าชะล่าใจ ลองศึกษาข้อมูลในบทความนี้ แล้วนำไปสังเกตลูกรักของคุณว่าเข้าข่ายเป็นโรคดังกล่าวหรือไม่ จะได้รีบรักษาหรือป้องกันได้ทันท่วงที
มาทำความรู้จัก โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ในเด็ก
อธิบายให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจง่าย ๆ โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis) เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างผิวหนัง ทำให้ผิวหนังสูญเสียน้ำ เมื่อผิวหนังสูญเสียน้ำเยอะ ผิวจะแห้งและเกิดการอักเสบได้ง่าย อาการมีตั้งแต่ระยะเฉียบพลัน กึ่งเฉียบพลัน และเรื้อรัง โดยอาการจะแตกต่างกันตามช่วงวัย หากเป็นช่วงแรกเกิด – 2 ปี มักพบผื่นบริเวณแก้ม ด้านนอกของแขนและขา แต่บางคนเป็นมากอาจมีผื่นทั่วร่างกายได้ ส่วนช่วงวัยเด็กโต มักพบบริเวณลำคอ ข้อพับแขนและขา โดยผื่นอาจจะเป็นลักษณะผื่นหนาร่วมกับรอยเกาได้ และอาการที่เกิดขึ้นในช่วงที่โตแล้วมักจะรักษาได้ยากมากกว่าวัยเด็ก
สาเหตุของ โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ในเด็กทารก
สำหรับสาเหตุของการเกิดโรคภูมิแพ้ผิวหนังในทารกยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ก็มีปัจจัยที่ทำให้เกิดได้หลัก ๆ ดังนี้
- พันธุกรรม หากพ่อแม่หรือคนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้ ทารกมักจะมีโอกาสเป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังมากกว่าเด็กที่ไม่มีประวัติในครอบครัวเป็นโรคภูมิแพ้
- ความผิดปกติของโครงสร้างของผิวหนัง ได้แก่ การเสียน้ำผ่านผิวหนังมากกว่าคนปกติ การลดลงของไขมันในชั้นผิว การมีความเป็นกรดด่างของผิวที่ผิดปกติ การมีเชื้อประจำถิ่นบนผิวหนังที่ไม่สมดุล และระบบภูมิคุ้มกันที่ผิวหนังผิดปกติ
- สิ่งแวดล้อม เช่น ฤดูหนาวที่มีอากาศค่อนข้างแห้ง หรือฤดูร้อนที่จะทำให้มีเหงื่อออกมาก จะกระตุ้นให้ผื่นภูมิแพ้ผิวหนังกำเริบได้ นอกจากนี้สภาพแวดล้อมภายในบ้านที่มีไรฝุ่นและเชื้อราเยอะก็กระตุ้นการแพ้ได้เช่นกัน
- ผิวหนังได้รับการระคายเคือง เช่น การเสียดสีจากเสื้อผ้าเนื้อหยาบ ผลิตภัณฑ์ของทารกมีส่วนผสมของน้ำหอม แอลกอฮอล์ หรือสารเคมี ซึ่งก่อให้เกิดการระคายเคืองและการแพ้ได้
- การแพ้อาหาร เช่น นม ไข่ ถั่ว
- การดูแลสภาพผิวทารก เช่น การอาบน้ำให้ลูกนานเกินไป รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์และโลชั่นบำรุงผิวสำหรับเด็กที่ไม่ถูกต้องเหมาะสม เป็นต้น
วิธีการรักษาเด็กที่เป็น โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
ในการรักษาโรคภูมิแพ้ผิวหนังในเด็ก มีทั้งการทายาเพื่อลดอาการตามที่แพทย์สั่ง โดยแพทย์จะเลือกชนิดของยาให้เหมาะสมกับลักษณะ ตำแหน่ง และความรุนแรงของผื่น นอกจากนี้ก็ยังมีการใช้ยาต้านการอักเสบ ปัจจุบันมีทั้งแบบที่เป็นสเตียรอยด์ (Steroids) และแบบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ขึ้นอยู่กับช่วงวัยของเด็ก ความรุนแรงและตำแหน่งการเกิดของผื่น โดยแพทย์จะดูอาการและพิจารณาเป็นรายบุคคลไป แต่ทั้งนี้พ่อแม่และผู้ปกครองไม่ควรซื้อยามาทาหรือให้ลูกกินเองอย่างเด็ดขาด เพราะหากใช้ยาไม่ถูกกับโรคอาจส่งผลให้อาการแย่ลงได้
วิธีป้องกันทารก ไม่ให้เป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
- ทำความสะอาดบ้านให้ปราศจากไรฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้
- ไม่ปล่อยให้ลูกอยู่ในอากาศที่ร้อนไปและเย็นจนเกินไป ควรมีความปลอดโปร่ง ไม่แออัด
- ให้ลูกสวมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย ไม่คับแน่น ไม่หนาจนเกินไป เพื่อให้ระบายอากาศได้ดี
- ดูแลผิวให้ลูกน้อยมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ ซึ่งควรเป็นผลิตภัณฑ์เวชสำอางสำหรับเด็ก โดยต้องเริ่มตั้งแต่การอาบน้ำและการบำรุงผิวหลังการอาบน้ำ
โดยผลิตภัณฑ์ที่คุณแม่เลือกให้ลูกควรเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการแนะนำจากแพทย์และเภสัชกร รวมไปถึงต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่คิดค้นมาเพื่อเด็กที่มีปัญหาผิวแห้งโดยเฉพาะ อย่าง Oilatum ที่จะช่วยแก้ปัญหาและดูแลผิวของทารกที่แห้งกลับมานุ่มชุ่มชื้นได้ทันที
Oilatum (ออยลาตุ้ม) เป็นผลิตภัณฑ์เวชสำอางสำหรับเด็ก โดยได้รับรางวัลการันตีว่า มีความเชี่ยวชาญทางด้านทารกผิวแห้งโดยเฉพาะ มีทั้งแพทย์และเภสัชกรแนะนำให้ใช้ และได้รับความไว้วางใจจากหลายครอบครัวมายาวนานกว่า 50 ปีในประเทศอังกฤษ จุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร คือ Moisture-PROTECTnology ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ Oilatum
Oilatum มาพร้อม Emollients (อีมอลเลียนท์) คือ สารบำรุงผิวที่ทำหน้าที่เป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ โดยวิธีสร้างชั้นฟิล์มเพื่อป้องกันน้ำระเหยออกจากผิว ไม่ให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น ทั้งยังทำหน้าที่หล่อลื่นผิว ลดความเสียดทาน ทำให้ผิวนุ่มนวลเนียนและลื่นมือเวลาสัมผัส โดยจะรักษาความชุ่มชื้นของผิวเอาไว้ ช่วยทำให้ผิวไม่แห้ง รักษาความชุ่มชื้นของผิวนานถึง 8 ชั่วโมง เหมาะสำหรับเด็กที่มีสภาวะผิวแห้ง หรือผิวขาดน้ำ พร้อมทั้งช่วยแก้ปัญหาผิวแห้ง และโรคผิวหนังอักเสบสำหรับทุกคนในครอบครัว เรียกได้ว่าใช้ได้ตั้งแต่ทารกยันผู้ใหญ่เลยทีเดียว
นอกจากนี้ใน Oilatum ยังประกอบไปด้วยส่วนผสมอื่น ๆ ได้แก่ Light Liquid Paraffin และ Petrolatum ไม่เพียงให้ความชุ่มชื้น โดยลดการสูญเสียน้ำของผิวได้ดี แต่ยังช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นขึ้น ช่วยให้ผิวนุ่มฟู เต่งตึง จึงทำให้ Oilatum ไม่เพียงแต่จะช่วยบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึกและยาวนาน แต่ยังทำหน้าที่เก็บความชุ่มชื้น ทำให้ผิวดูนุ่มฟู แลดูมีสุขภาพดีอีกด้วย
Oilatum ไม่ได้เน้นการดูแลผิวที่ยุ่งยากซับซ้อน มาพร้อมกับผลิตภัณฑ์ 3 ชนิด ก็ช่วยดูแลผิวลูกให้ไม่แห้งสาก และกลับมาชุ่มชื้น เนียนนุ่ม อิ่มฟูกว่าเดิม
- Oilatum Baby Bath Emollient เป็นผลิตภัณฑ์ผสมอาบน้ำ หรือจะใช้ชโลมผิวหลังอาบน้ำก็ได้ ให้ชโลมผิวขณะที่ผิวยังเปียกแล้วค่อยเช็ดตัว จะช่วยให้กักเก็บความชุ่มชื้นในผิวได้ยาวนาน ผู้ใหญ่ก็ใช้ได้เช่นเดียวกัน
- Oilatum Soap Bar สบู่ก้อน ใช้สำหรับอาบน้ำ สามารถฟอกได้ทั้งหน้าและตัว ช่วยให้ผิวนุ่มฟู ชุ่มชื้น น่าสัมผัส หรือผู้ใหญ่ก็สามารถใช้ได้จะช่วยคืนผิวอ่อนเยาว์กลับมาอย่างเห็นได้ชัด
- Oilatum Baby Cream Emollient ครีมบำรุงผิวเด็กที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้ยาวนานถึง 8 ชั่วโมง
สิ่งสำคัญผลิตภัณฑ์ของ Oilatum แต่ละตัวมีส่วนประกอบของอีมอลเลียนท์ หากเราใช้ผลิตภัณฑ์ร่วมกัน จะให้ผลลัพธ์ที่เรียกว่า Complete Emollient Therapy ทำให้มั่นใจว่าผิวของลูกน้อยจะได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่ และคงความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้อย่างยาวนาน
Oilatum กับวิธีการใช้ที่ไม่ยุ่งยาก
- เด็กอายุ 0 – 1 ขวบ ให้เริ่มใช้แค่ตัว Baby Bath Emollient ตามด้วย Oilatum Baby Cream Emollient ครีมบำรุงที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้แก่ผิวของลูกน้อย
- เด็กอายุ 1 ขวบขึ้นไป สามารถใช้สบู่ Oilatum Soap Bar คู่กับ Baby Bath Emollient เพื่อให้คุณแม่มั่นใจในความสะอาดของลูก ตามด้วย Oilatum Baby Cream Emollient ที่มอบการบำรุงผิวของลูกอย่างล้ำลึก
สำหรับคุณพ่อคุณแม่สนใจ Oilatum ผลิตภัณฑ์เวชสำอางที่ดูแลผิวของเด็กโดยเฉพาะ สามารถสั่งซื้อได้ที่ Boots, Pharmahof, Save Drug, P&F และร้านขายยาชั้นนำทั่วไป
ช่องทางออนไลน์สั่งซื้อที่ Lazada
Oilatum Baby Bath Emollient: https://bit.ly/3zLBOYk
Oilatum Baby Cream Emollient: https://bit.ly/3gCNsvI
Oilatum Soap Bar: https://bit.ly/3vYjrfL
รายละเอียดเพิ่มเติม
https://www.facebook.com/oilatumThailand/
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!