เด็กติดเกม ก้าวร้าว-ควบคุมตัวเองไม่ได้ ป้องกันและแก้ไขอย่างไรดี?

เด็กติดเกม ปัญหาที่พ่อแม่หลายคนคงเจอ เด็กบางคนเล่นเกมแต่ไม่ติด บางคนเล่นเกมแบบเอาเป็นเอาตาย พ่อแม่จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกติดเกมระดับไหน พ่อแม่ควรทำอย่างไร

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ช่วงไม่นานมานี้ หากใครตามข่าวจะเห็นว่า มีคุณแม่ท่านหนึ่งแชร์ประสบการณ์ว่าลูกเป็น เด็กติดเกม หนักมาก ขนาดรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลยังต้องหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเกม ทำให้เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 2561 นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กล่าวถึง กรณีเด็กอายุ 13 ปีเข้ารับการรักษาที่รพ.น่าน หลังมีอาการปากสั่น ใจสั่น มือ เท้าเย็น แขน ขาอ่อนแรง ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ซึ่งแพทย์ รพ.น่าน คาดการณ์ว่าเกิดจากการที่เด็กเล่นเกมติดต่อกันเป็นเวลานานไม่ได้พักผ่อน ไม่ได้รับประทานอาหาร และน้ำ ทำให้ร่างกายขาดสารอาหารและช็อก แก้ปัญหาเด็กติดเกม ทำอย่างไร ลูกติดเกมไปหาหมอดีไหม

 

"นี่เป็นภาวะขั้นรุนแรงของการติดเกม ซึ่งเป็นการเสพติดพฤติกรรม คล้ายกับการติดสารเสพติด ซึ่งการติดเกมนั้นทำให้สูญเสียการใช้ชีวิตประจำวัน เสียการเรียน เสียงาน ไม่กินไม่นอนกระทบสุขภาพ โดยเฉพาะปัจจุบัน พบว่าเด็ก และวัยรุ่นมีการติดเกมมาก เนื่องจากเป็นช่วงที่สมองส่วนควบคุมความคิดยังพัฒนาไม่เต็มที่ทำให้ สมองส่วนอยากทำงานได้มากกว่า ซึ่งเป็นปัญหาที่กระทรวงสาธารณสุขกังวลมาก"

 

โดยเฉพาะตอนนี้มีเรื่องของ e-sport เข้ามา ทางกระทรวงและเครือข่ายจึงได้ประกาศเจตนารมณ์ในการปกป้องเด็กเล่นเกม และมีข้อเรียกร้องให้พิจารณาควบคุมเรื่องของ e-sport ต้องมีกติกาอย่างชัดเจน

 

ลูกติดเกมไปหาหมอดีไหม

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

ระดับความรุนแรงของการติดเกม แก้ปัญหาเด็กติดเกม วิธีเลิกเล่นเกม

เนื่องจาก "เด็กติดเกม" ทางการแพทย์ ไม่เท่ากัน พ่อแม่ผู้ปกครอง เห็นลูกหลานตัวเองเล่นเกมอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ หรืออยู่หน้าโทรทัศน์นานสักหน่อย ก็เรียกว่า "ติดเกม" แล้ว แต่แท้จริงแล้วเป็นการติดทางใจ หากพ่อแม่อยากรู้ว่าลูกติดเกมไหม ดูได้จากระดับ คังต่อไปนี้

 

1. ชอบ แต่ไม่ได้ติด

ทุกคนมีความชอบได้ แต่ต้องไม่เสียการควบคุมตนเอง บางคนชอบร้องเพลง บางคนชอบอ่านหนังสือวรรณกรรมเยาวชน ขณะที่บางคนชอบเล่นกีฬา ความชอบเหล่านั้นทำให้เจ้าตัวมีความสุข แต่ทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้อีก ซึ่งมีหลายทางเลือก

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

2. คลั่งไคล้

เริ่มไม่ทำกิจกรรมอื่น คนที่คลั่งไคล้ จะเริ่มคุมตัวเองไม่ได้ เช่น วันนี้ตั้งใจจะไม่เล่นเกม พยายามบอกตัวเองว่างดเล่น 1 วัน แต่อดใจไม่ได้คุมตัวเองไม่ได้ สุดท้ายก็เล่นเหมือนเดิม การคลั่งไคล้ยังไม่ถึงขั้นติด แต่เสียการควบคุมตนเอง

 

3. การติด

อาการของเด็กติดเกมโดยทั่วไปสังเกตได้จากเริ่มเสียการทำหน้าที่ รวมถึงทำกิจกรรมอย่างอื่นน้อยลง เช่น

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  • ไม่สามารถควบคุมตัวเองให้เล่นในเวลาที่กำหนด ทำให้ใช้เวลาในการเล่นนานติดต่อกันหลาย ๆ ชั่วโมง
    หรือเล่นนานขึ้นเรื่อย ๆ จากเดิมไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน เพิ่มเป็นหลายชั่วโมงต่อวัน บางคนเล่นข้ามวันข้ามคืน
  • หากถูกบังคับให้เลิกหรือหยุดเล่นจะเกิดการต่อต้าน หรือแสดงอาการหงุดหงิดไม่พอใจอย่างรุนแรง บางคนถึงขั้นอาละวาด
  • เด็กเล่นเกมมีผลกระทบต่อหน้าที่ความรับผิดชอบของเด็ก เช่น เด็กไม่สนใจการเรียน ไม่สนใจที่จะ
    ทำการบ้าน หนีเรียน หรือแอบหนีออกจากบ้านเพื่อจะไปเล่นเกม รวมถึงการเรียนตกลงอย่างมาก ละเลยการเข้าสังคม หรือทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัว
  • บางรายอาจมีปัญหาพฤติกรรมอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น โกหก ดื้อต่อต้าน แยกตัว เก็บตัว เป็นต้น

 

 

ลูกติดเกมไปหาหมอดีไหม

 

หมอแนะ! วิธีป้องกันไม่ให้ลูกติดเกม วิธีเลิกเล่นเกม

การเล่นเกมนั้น มีข้อนำอยู่ตามหลัก “3 ต้อง 3 ไม่”

3 ต้อง ที่พ่อแม่ต้องสอนลูก ได้แก่

  • ต้องกำหนดเวลาเล่นไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน
  • ต้องตกลงโปรแกรมและเลือกประเภทเกมให้ลูก เช่น เกมบริหารสมอง ลดเกมที่เสี่ยงความก้าวร้าวอย่างการฆ่ากันยิงกัน พ่อแม่ต้องอยู่ด้วย
  • ต้องเล่นกับลูก เพื่อสอนให้คำแนะนำกันได้

3 ไม่ ที่พ่อแม่ต้องห้ามให้ลูกทำเด็ดขาด ได้แก่

  • พ่อแม่ไม่เล่นเป็นตัวอย่าง
  • ไม่เล่นในเวลาครอบครัว
  • ไม่เล่นในห้องนอน

 

เกมที่เหมาะกับเด็กแต่ละช่วงอายุ

  • เด็กที่อายุน้อยกว่า 3 ขวบ ไม่ควรให้เด็กเล่นเกมโดยเด็ดขาด
  • เด็กที่มีอายุระหว่าง 3 - 6 ขวบ ควรเล่นเกมที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการศึกษา และต้องมีผู้ปกครองควบคุม
  • เด็กที่มีอายุ 6 ขวบขึ้นไป สามารถเล่นเกมอื่นๆ ได้ตามที่กำหนดไว้
  • เด็กที่มีอายุ 13 ปีขึ้นไป หลีกเลี่ยงเกมที่มีเนื้อหาความรุนแรงมากเกินไป เช่น ฉากต่อสู้นองเลือด และห้ามเล่นเกมที่มีการวางแผนฆ่าศัตรู เพศสัมพันธ์ คำหยาบคาย การพนัน และยาเสพติด

 

ลูกติดเกมไปหาหมอดีไหม

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

กิจกรรมสำหรับเด็ก การเล่นของอนุบาล

กิจกรรมสำหรับเด็ก จะช่วยพัฒนาร่างกายและจิตใจให้แก่เด็กทุกคน การที่เด็กได้ออกไปวิ่งเล่นนอกบ้าน ได้กระโดดโลดเต้น ปีนป่ายต้นไม้ การทำกิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้เด็กมีพัฒนาการด้านสังคม และด้านร่างกายช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ช่วยเรื่องการทรงตัว นอกจากนั้นยังช่วยเรื่องการทำงานประสานกัน ระหว่างกล้ามเนื้อมัดต่าง ๆ ด้วย เช่น กล้ามเนื้อแขน ขา มือ และการประสานการทำงานระหว่างมือและตา เช่น ปั้น พับกระดาษ วาดรูประบายสี เป็นต้น

 

พ่อแม่สามารถช่วยเด็กเล่นเกมได้อย่างไรบ้าง

นอกจากวิธีการห้ามเล่นแบบเด็ดขาดแล้ว เรายังสามารถชวนพวกเขาทำกิจกรรมออื่น ๆ เพื่อให้เด็กเล่นเกมนั้นเลิกเล่น หรือเล่นน้อยลง เพื่อกระชับความสมพันธ์กันภายในครอบครัว และยังสามารถรับรู้ความในใจของเด็กผ่านการเล่นของเด็กได้อีกด้วย เพราะเด็กอาจจจะไม่สามารถอธิบายความกังวลใจ หรือความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดได้เหมือนผู้ใหญ่ โดยคุณสามารถช่วยให้พวกเข้าห่างจากเกมได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

 

  • การเล่นพัฒนาสมอง

การเล่นทุกรูปแบบล้วนมีผลต่อพัฒนาการของสมองเด็ก ซึ่งเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่จะต้องเปิดโอกาสและช่วยให้เด็กได้ เล่น หากแต่การทำให้การเล่นของเด็กมีคุณค่าอย่างแท้จริง พ่อแม่จะต้องมีความเข้าใจในหลักการสำคัญก่อน

    •  การเล่นจะต้องเริ่มต้นโดยเด็ก คือ เด็กจะต้องเป็นคนเริ่มต้น ต้องเป็นคนนำ
      หากเราจะเล่นด้วยหรือช่วยให้เด็กได้เล่น ต้องจำให้ขึ้นใจว่า จะต้องเล่นตามเด็กเท่านั้น
    •  การเล่นนั้นจะต้องสนุกและมีความสุข
    •  การเล่นจะต้องเหมาะสมกับวัยของเด็ก
    •  การเล่นต้องมีความปลอดภัย
    •  เพื่อนเล่น (หรือของเล่น) ที่ดีที่สุดของเด็ก คือ พ่อแม่

 

  • การเล่นจินตนาการกับการเล่นของเด็กวัย 3 - 6 ปี

การเล่นจะช่วยวางรากฐานการเรียนรู้และส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก การเล่นของเด็ก ๆ อาจเป็นเรื่องธรรมดาในสายตาผู้ใหญ่ แต่สำหรับเด็ก ๆ แล้ว การเล่นนั้นถือเป็นส่วนสำคัญในชีวิต เพราะการได้เล่นถือว่าเป็นประสบการณ์ที่สนุกและท้าทาย ที่ช่วยวางรากฐานการเรียนรู้และช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก ในทุกด้าน โดยอาจแบ่งการเล่น ดังนี้

    • การเล่นคนเดียว

เพราะพัฒนาการของเด็กจะยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง จะชอบนั่งเล่นคนเดียวมากกว่าการเล่นกับเพื่อนในวัยเดียวกัน บางครั้งพ่อแม่อาจจะเห็นเด็กนั่งพูดคุยกับตุ๊กตาเป็นเวลานาน

ตัวอย่าง : เล่นบทบาทสมมติ เป็นการเล่นสมมติว่าตัวเองหรือข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ เป็นโน้นนี้ เช่น สมมติว่าตัวเองเป็นคุณหมอ คุณครู ตำรวจ หรือพยาบาล แล้วสมมติให้ตุ๊กตาเป็นนักเรียนหรืออื่น ๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นจินตนาการอันกว้างไกลของเด็ก ๆ ที่ผู้ใหญ่ไม่ควรปิดกั้น

Tip : อาจกำหนดพื้นที่ในบ้านให้เป็นมุมส่วนตัวของเด็ก ให้มีของเล่นหรือของประดับต่าง ๆ ให้เด็กได้มีอิสระในการเล่นตามลำพัง ได้คิดและแก้ปัญหาด้วยตัวเอง

 

    • การเล่นเป็นกลุ่ม

เด็กวัยนี้อาจยังไม่พร้อมเต็มร้อยที่จะมีเพื่อน แต่ก็จะเริ่มเข้าสังคมและเล่นกับกลุ่มเพื่อนมากขึ้น ระยะแรก ๆ อาจจะเพียงเข้าไปนั่งใกล้กลุ่มเพื่อน ๆ ที่กำลังเล่นอยู่ จากนั้นก็จะค่อย ๆ เล่นกับเพื่อนได้ในที่สุด

ตัวอย่าง : เล่นบ่อทราย (สร้างเมืองหรือปราสาท) เล่นบทบาทสมมติ เช่น เล่นพ่อแม่ลูก เป็นการเลียนแบบบทบาทของพ่อแม่ หรือเล่นตามจินตนาการ โดยเอาเก้าอื้หลาย ๆ ตัวมาต่อกันเป็นรถเมล์ แล้วเล่นเป็นคนขับกับผู้โดยสาร การเล่นเหล่านี้เด็กจะเป็นคิดขึ้นเองตามแต่จินตนาการ จะได้ทักษะเรื่องการเข้าสังคม เรียนรู้เรื่องการแบ่งปัน การรอคอย

Tip : การเล่นกับเพื่อนในบางครั้งอาจมีการทะเลาะกันบ้างตามประสาของเด็กวัยนี้ ผู้ใหญ่ไม่ควรเข้าไปตัดสินปัญหาให้ ให้เด็กได้รู้จักคิดและแก้ปัญหาเองก่อน

 

    • การเล่นกับพ่อแม่

เด็กรู้สึกว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของบ้าน และรู้สึกอบอุ่นเมื่อได้เล่นกับพ่อแม่ที่คอยตามใจเสมอ

ตัวอย่าง : เล่นต่อบล็อกไม้ ต่อภาพ ให้พ่อวาดรูปตุ๊กตา แล้วให้เจ้าหนูตัดกระดาษ เอามาเล่นสมมติเป็นคนหรือสิ่งของต่าง ๆ ก็ได้ หรือลองเอาเก้าอี้มาต่อกันแล้วใช้ผ้าห่มคลุม กลายเป็นถ้ำหรือเต้นท์ก็สร้างความสนุกตื่นเต้นไม่แพ้กัน เป็นการดัดแปลงจากสิ่งของธรรมดา ๆ ให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ ตามความคิดสร้างสรรค์ของเด็กทำให้มีของเล่นที่เล่นได้ไม่รู้เบื่อ

Tip : พ่อแม่อาจคอยกระตุ้น หรือแนะนำวิธีการเล่นใหม่ ๆ ให้เด็ก แต่ต้องระวังไม่ให้การเล่นนั้นเป็นการเล่นแบบผู้ใหญ่ ซึ่งจะเป็นการปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ของเด็กได้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเด็ก เพราบางครั้งก็อยากเล่นคนเดียว บางครั้งก็อยากมีเพื่อนเล่นด้วย ที่สำคัญการเล่นสำหรับเด็กนั้นไม่ได้อยู่ที่ของเล่นราคาแพง เพียงพ่อแม่พลิกแพลงจากสิ่งของใกล้ตัวและวิธีการเล่นนิดหน่อย คอยเติมความรัก ความอบอุ่นอยู่ใกล้ ๆ ให้รู้สึกปลอดภัยเพียงเท่านี้ก็พอแล้ว

 

ลูกติดเกมไปหาหมอดีไหม

 

ที่มา: mahidolkhaosodthaihealth

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ:

เด็กไทยคิดเองไม่เป็น เพราะบ้านเราไม่ได้สอน หรือไม่เคยสอน Critical Thinking

ผู้ใหญ่ติดเกม มือถือ เฟสบุ๊ค แท็บเล็ต เราควรจะกังวลหรือไม่?

ลูกติดยูทูป ลูกติดมือถือแก้ยังไง เปิดใจคุณแม่เจ้าของไวรัล ลูกไม่กล้าจับมือถือ

บทความโดย

Khunsiri