ท่ามกลางโลกที่หมุนเร็ว ทำให้เด็กยุคใหม่ใจร้อนและรอคอยไม่เป็น การ ฝึกลูกให้ใจเย็น จึงกลายเป็นทักษะสำคัญที่พ่อแม่มองข้ามไม่ได้ แต่ปัญหาคือ “ความอดทน” ไม่สามารถสอนกันได้ด้วยคำพูด บทความนี้จึงขอแนะนำ 5 กิจกรรมง่ายๆ ที่ออกแบบมาเพื่อชะลอลูกให้ช้าลงโดยอัตโนมัติ
5 กิจกรรม ฝึกลูกให้ใจเย็น อดทนรอได้ ในเวลาที่ลูกใจร้อน
1. ร้อยลูกปัด หรือ ร้อยเชือก
ฝึกลูกให้ใจเย็น ด้วยการร้อยเชือก ร้อยลูกปัดเป็นกิจกรรมคลาสสิกที่ดูเหมือนง่าย แต่ต้องใช้สมาธิขั้นสูง เริ่มจากลูกปัดไม้ขนาดใหญ่สำหรับเด็กเล็ก หรือแม้แต่การร้อยเส้นพาสต้าแบบมีรู ไปจนถึงลูกปัดพลาสติกเม็ดเล็กลงสำหรับเด็กที่โตขึ้น หรืออาจจะเป็นการ์ดกระดาษแข็งที่เจาะรูไว้ให้ลูกหัด “เย็บ” ด้วยเชือก

ทำไมถึงช่วยให้ใจเย็น
กิจกรรมนี้ บังคับให้เด็กต้องนิ่งโดยอัตโนมัติ เพราะเด็กไม่สามารถร้อยเชือกผ่านรูเล็กๆ ได้เลยหากมือยังสั่นหรือร่างกายกำลังร้อนรน กิจกรรมนี้บีบให้สมองต้องเปลี่ยนจากการประมวลผลอารมณ์ (หนูหงุดหงิด!) มาเป็นการประมวลผลการเคลื่อนไหว (หาทางเข้ารู) การจดจ่อที่จุดเล็กๆ นี้จะดึงสติทั้งหมดของเด็กมาไว้ที่ปัจจุบันขณะ ทำให้คลื่นอารมณ์ที่ปั่นป่วนค่อยๆ สงบลงโดยไม่รู้ตัว
ประโยชน์ที่ได้
- สมาธิจดจ่อ กิจกรรมนี้เป็นการฝึกสมาธิโดยตรง เด็กต้องจดจ่อกับงานตรงหน้าเป็นเวลานาน
- พัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก การหยิบจับของชิ้นเล็ก และการบังคับปลายเชือก เป็นพื้นฐานสำคัญของการเขียนหนังสือ
- การทำงานประสานกันของตากับมือ ตากะระยะ รู้อยู่ตรงไหน มือต้องเคลื่อนไปให้ตรงจุด เป็นทักษะสำคัญที่ใช้ในกีฬาและศิลปะ
- เรียนรู้เรื่องรูปแบบ พ่อแม่สามารถสอดแทรกการเรียนรู้ เช่น “แดง, เหลือง, แดง, เหลือง” ซึ่งเป็นพื้นฐานคณิตศาสตร์
เคล็ดลับสำหรับพ่อแม่
อย่ากังวลว่าผลงานจะออกมาสวยหรือไม่ สิ่งสำคัญคือ กระบวนการที่เขากำลังร้อย ไม่ใช่ สร้อยคอที่เสร็จแล้ว นี่คือการ ฝึกลูกให้ใจเย็น ผ่านการลงมือทำอย่างแท้จริง
2. ต่อจิ๊กซอว์ หรือตัวต่อ
ไม่ว่าจะเป็นจิ๊กซอว์ 4 ชิ้นสำหรับเด็กวัยหัดเดิน หรือ 100 ชิ้นสำหรับเด็กอนุบาล หรือแม้แต่การต่อเลโก้ บล็อกไม้ ให้เป็นรูปร่างตามจินตนาการหรือตามแบบ

ทำไมถึงช่วยให้ใจเย็น
กิจกรรมนี้เปลี่ยนเด็กจากสภาวะผู้รอคอย ซึ่งน่าเบื่อและทำให้หงุดหงิด ให้กลายเป็นนักแก้ปัญหา ที่กำลังลงมือทำ สมองของเด็กจะถูกใช้งาน ทันที เขาต้องสแกนหาชิ้นส่วน สังเกตสี และเทียบรูปร่าง เมื่อสมองส่วนหน้า (ส่วนของเหตุผล) กำลังยุ่งอยู่กับการวิเคราะห์ และวางแผน มันจะดึงทรัพยากรมาจากสมองส่วนอารมณ์ (ส่วนที่กำลังร้อนรน) ความใจร้อนจึงไม่มีที่ยืน เพราะเด็กกำลังจดจ่ออยู่กับภารกิจตรงหน้า
ประโยชน์ที่ได้
- ทักษะการแก้ปัญหา “ชิ้นนี้ไม่พอดี… ทำไมล่ะ อ๋อ มันต้องหมุนอีกด้าน”
- การสังเกตและมิติสัมพันธ์ เด็กต้องเข้าใจว่ารูปทรงนี้จะไปประกอบกับส่วนไหน
- ฝึกความพยายามและความอดทน เด็กเรียนรู้ที่จะทนอยู่กับปัญหา และพยายามต่อไปจนกว่าจะสำเร็จ
- การวางแผน โดยเฉพาะการต่อเลโก้หรือจิ๊กซอว์ชิ้นเยอะๆ เด็กต้องเรียนรู้ที่จะวางแผน เช่น “เราควรต่อขอบก่อน”
เคล็ดลับสำหรับพ่อแม่: นั่งทำข้างๆ ลูก แต่อย่าทำให้ ให้ใช้วิธีตั้งคำถาม เช่น “เอ… ชิ้นนี้สีฟ้าเหมือนก้อนเมฆตรงนี้หรือเปล่านะ” หรือ “เรามาหาชิ้นที่เป็นขอบตรงๆ กันก่อนดีไหม” นี่คือการ ฝึกลูกให้ใจเย็น แบบมีผู้ช่วย
3. ระบายสีในกรอบ
ฝึกลูกให้ใจเย็น ด้วยการระบายสีในกรอบ ไม่ใช่การวาดรูปอิสระ แต่เน้นการระบายสีให้อยู่ในกรอบ หรือภาพวาดที่มีเส้นขอบชัดเจน โดยเฉพาะภาพที่มีรายละเอียดซับซ้อน

ทำไมถึงช่วยให้ใจเย็น
เส้นขอบ คือกติกาที่ชัดเจนที่สุด ถ้าเด็กรีบร้อนหรือใช้อารมณ์ สีจะล้นออกนอกกรอบทันที เพื่อให้ได้ผลงานที่สำเร็จ เด็กจึงต้องสั่งร่างกายตัวเองให้ช้าลง การเคลื่อนไหวมือซ้ำๆ เป็นจังหวะ (ซ้ายไปขวา, ถูไปมา) มีผลโดยตรงต่อระบบประสาท ช่วยให้ผ่อนคลาย มันเหมือนการทำสมาธิแบบ Dynamic ที่ช่วยควบคุมพลังงานที่กำลังฟุ้งกระจายของเด็กให้กลับมาจดจ่ออยู่แค่ปลายดินสอสีกับหน้ากระดาษ
ประโยชน์ที่ได้
- ฝึกการควบคุมกล้ามเนื้อมือ เรียนรู้การบังคับทิศทางและน้ำหนักมือ ซึ่งสำคัญมากต่อการเขียนหนังสือ
- ผ่อนคลายความเครียด กิจกรรมที่มีรูปแบบซ้ำๆ ช่วยให้จิตใจสงบ
- สร้างสมาธิและความจดจ่อ เด็กจะจดจ่ออยู่กับปัจจุบัน คือปลายสีกับพื้นที่ว่างตรงหน้า
- ความคิดสร้างสรรค์ แม้จะอยู่ในกรอบ แต่เด็กได้เลือกใช้สีสันตามจินตนาการ
เคล็ดลับสำหรับพ่อแม่
นี่คือเครื่องมือที่พกพาง่ายที่สุด เพียงใบเสร็จจากการซื้อสินค้า สมุดระบายสีเล่มเล็กกับสีเทียนไม่กี่แท่ง สามารถเปลี่ยนสถานการณ์รอคอยที่ตึงเครียดในร้านอาหาร หรือโรงพยาบาล ให้กลายเป็นช่วงเวลาแห่งสมาธิได้ทันที การ ฝึกลูกให้ใจเย็น สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่
4. ปั้นดินน้ำมัน หรือ แป้งโดว์
กิจกรรมปลายเปิดที่เน้นการสัมผัส (Sensory Play) ไม่ว่าจะเป็นดินน้ำมัน แป้งโดว์ หรือแม้แต่ดินเหนียว

ทำไมถึงช่วยให้ใจเย็น
การปั้นเป็นกิจกรรมเดียวที่ต้อนรับพลังงานด้านลบ! แทนที่จะบอกให้ลูกหยุดหงุดหงิด เรายื่นสิ่งที่อนุญาตให้เขาปลดปล่อยพลังงานนั้นออกมา การบีบ ขย้ำ ทุบ หรือนวดแป้งโดว์ เป็นการระบายความตึงเครียดทางร่างกาย ที่ปลอดภัยที่สุด สัมผัสที่นุ่มและยืดหยุ่นให้การตอบสนองทางประสาทสัมผัส ช่วยให้พลังงานลบถูกถ่ายโอนไปยังดินน้ำมัน ทำให้ร่างกายผ่อนคลาย และเด็กจะค่อยๆ เปลี่ยนจากการทำลาย (ทุบ) มาเป็นการสร้างสรรค์ (ปั้น)
ประโยชน์ที่ได้
- ผ่อนคลายผ่านการสัมผัส เป็นเครื่องมืออันดับต้นๆ ที่นักกิจกรรมบำบัดใช้เพื่อช่วยให้เด็กๆ สงบลง
- เสริมสร้างกล้ามเนื้อมัดเล็กให้แข็งแรง การนวด การปั้น การบีบ ช่วยพัฒนากำลังมือได้ดีเยี่ยม
- ระบายอารมณ์อย่างสร้างสรรค์ เป็นวิธีที่ปลอดภัยในการแสดงออกถึงความโกรธหรือหงุดหงิด
- ฝึกจินตนาการ ไม่มีกฎเกณฑ์ ไม่มีผิดถูก เขาอยากปั้นอะไรก็ได้
เคล็ดลับสำหรับพ่อแม่
อย่ากลัวเลอะ! ประโยชน์ที่ลูกจะได้รับจากการควบคุมอารมณ์ตัวเองมีค่ามากกว่าเศษแป้งโดว์ที่ติดตามพื้น นี่คือการ ฝึกลูกให้ใจเย็น ที่เน้นการโอบรับและปลดปล่อยอารมณ์
5. พับกระดาษ
จกรรมสุดคลาสสิกที่ใช้เพียงกระดาษหนึ่งแผ่น จะเป็นใบเสร็จ เศษกระดาษ หรือกระดาษโอริกามิก็ได้ กับนิ้วมือและสายตา เพื่อสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ตั้งแต่จรวดจิ๋ว นกกระเรียน ไปจนถึงเรือ

ทำไมถึงช่วยให้ใจเย็น
กระดาษคือครูที่เข้มงวด ความเร็วคือศัตรู และความแม่นยำคือกุญแจ กระดาษนั้นบอบบางและไม่ให้อภัยความใจร้อน ถ้าพับผิดรอย รอยนั้นจะคงอยู่ กิจกรรมนี้จึงบังคับให้เด็กต้องช้าลงทันที เขาต้องสังเกตแบบอย่าง และกรีดกระดาษให้คมกริบ การต้องทำตามขั้นตอนที่ชัดเจน จะดึงสมองออกจากอารมณ์ฟุ้งซ่าน มาจดจ่อกับการแก้ปัญหาตรงหน้า และความมหัศจรรย์ของการเปลี่ยนกระดาษแบนๆ ให้กลายเป็นวัตถุ 3 มิติ จะดึงความสนใจและความตื่นเต้นของเด็กกลับมา จนลืมไปเลยว่ากำลังรออะไรอยู่
ประโยชน์ที่ได้
- สมาธิจดจ่อ เมื่อตาต้องมอง มือต้องพับ และทำงานร่วมกัน ทุกขั้นตอนต้องใช้สมาธิ
- การทำงานประสานกันของตากับมือ ฝึกให้สายตาและนิ้วมือทำงานอย่างสัมพันธ์กันและคล่องแคล่ว
- ทักษะด้านมิติสัมพันธ์ นี่คือประโยชน์ที่โดดเด่นมาก การมองภาพ 2 มิติ แล้วพับให้เป็น 3 มิติ ช่วยพัฒนาสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับเหตุผล คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์
- เรียนรู้ขั้นตอนและความจำ เด็กต้องจดจำขั้นตอนและเรียงลำดับจาก 1 ไปขั้นสุดท้ายให้ได้ เพื่อที่จะพับสิ่งเดิมได้อีกครั้ง
- การสังเกตและภาษา เด็กต้องสังเกตแบบอย่าง และเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ เช่น “พับครึ่ง” “กรีดกระดาษ” “กางออก”
เคล็ดลับสำหรับพ่อแม่
เริ่มจากสิ่งที่ง่ายและสำเร็จได้เร็ว เช่น จรวด หรือเรือ แล้วค่อยๆ ท้าทายขึ้น นี่คือเครื่องมือที่พกพาง่ายที่สุดและทรงพลังที่สุดในการ ฝึกลูกให้ใจเย็น เพราะกิจกรรมเหล่านี้ช่วยเปลี่ยนเวลาที่น่าเบื่อให้เป็นเวลาแห่งการสร้างสรรค์ได้ทันที
ครั้งต่อไปที่ลูกเริ่มหงุดหงิด แทนที่จะพูดว่า ใจเย็นๆ ลองชวนเขาว่า “เรามาระบายสีกันดีกว่า” หรือ “เรามาพับกระดาษกันดีกว่า” เพราะวิธีที่ดีที่สุดในการ ฝึกลูกให้ใจเย็น คือการที่เราช้าลง และลงมือทำไปพร้อมกับเขานั่นเองค่ะ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
เดินทางไกลไม่น่าเบื่อ! แจกลิสต์ 20 กิจกรรมเล่นกับลูกบนรถ วัย 0-6 ปี
20 กิจกรรมเสริม IQ EQ ให้ลูกวัย 3-6 ปี ฉลาด สมาธิดี ควบคุมอารมณ์ได้
20 กิจกรรมพัฒนาสมองลูกน้อย ปลดล็อคพลังสมองลูกวัยเตาะแตะ
ที่มา:
Mindfulness for Children: 20+ Activities You Can Do, Positive Psychology
ปั้นดินน้ำมันสำคัญอย่างไร? – โรงเรียนอนุบาลเทศบาลนครภูเก็ต, โรงเรียนอนุบาลเทศบาลนครภูเก็ต
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!