X
TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

8 สัญญาณการสังเกต เมื่อลูกมีปัญหาทางการได้ยิน

17 Apr, 2016
8 สัญญาณการสังเกตเมื่อลูกมีปัญหาทางการได้ยิน

8 สัญญาณการสังเกตเมื่อลูกมีปัญหาทางการได้ยิน

เวลาที่คุณพูดกับลูกแต่เขาดูเหมือนไม่สนใจฟังคุณ อาจไม่ใช่เพราะเขาไม่สนใจ แต่เขาอาจมีปัญหาในการได้ยินก็ได้ค่ะ

การทดสอบว่าลูกมีปัญหาการได้ยินหรือเปล่าสำหรับเด็กโตนั้นยากที่จะระบุได้ชัดเจน เนื่องจากทักษะการพูดของเขาพัฒนาแล้ว และถึงแม้ว่าลูกจะผ่านการทดสอบการได้ยินในทารกมาแล้ว แต่ก็อาจเกิดการติดเชื้อ หรือปัจจัยอื่นๆ ในภายหลังได้ค่ะ

เรามีวิธีที่คุณพ่อคุณแม่สามารถนำไปใช้เพื่อสังเกตสัญญาณเมื่อลูกไม่ได้ยินเสียงคลิก Start Gallery เพื่อดูคำแนะนำ

1. ลูกมักบ่นว่าได้ยินไม่ค่อยชัด

1. ลูกมักบ่นว่าได้ยินไม่ค่อยชัด

สัญญาณแรก ลูกจะเป็นคนบอกคุณว่า ได้ยินไม่ค่อยชัด ฟังไม่ค่อยถนัด รู้สึกต้องใช้ความพยายายามอย่างมากในการทำความเข้าใจว่าใครพูดอะไร และการพูดของเขาก็จะต่างไปจากเด็กคนอื่นๆ ในวัยเดียวกัน เขาจะมีปัญหาในการสื่อสารคำบางคำ หรือเข้าใจคำถามและคำแนะนำต่างๆ ผิดเป็นประจำ

หากคุณสงสัยว่าลูกของคุณอาจมีความบกพร่องทางการได้ยิน ควรรีบนัดหมายกับผู้เชี่ยวชาญด้านหู เพื่อทำการทดสอบการได้ยินของลูกอีกครั้ง

2. มีปัญหาการเรียนในชั้นเรียน

2. มีปัญหาการเรียนในชั้นเรียน

การได้ยินมีความสำคัญต่อการพัฒนาทางภาษา การพูดการสื่อสาร การเรียนรู้ และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของเด็ก การศึกษาในประเทศสิงคโปร์โดยกระทรวงสาธารณสุขแสดงให้เห็นว่า โดยทั่วไปแล้วเด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยินแต่กำเนิด หากได้รับการรักษาล่าช้า เด็กเหล่านี้จะมีผลการสอบจบระดับประถมศึกษาต่ำกว่าเพื่อนที่ได้ยินปกติ

หากลูกของคุณมีปัญหาการเรียน และคุณครูสังเกตเห็นว่า เขาฟังไม่ชัด เรียนไม่ทันเพื่อน อย่ารอช้า ควรพาลูกไปทดสอบการได้ยินกับผู้เชี่ยวชาญนะคะ

3. ถามซ้ำๆ หรือพูดเสียงดัง

3. ถามซ้ำๆ หรือพูดเสียงดัง

หากลูกมักจะถามซ้ำๆ ว่า “อะไรนะ?” “ห๊ะ?” ซึ่งเป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่แสดงว่าเขามีปัญหาทางการได้ยิน สิ่งสำคัญคือ ยิ่งเด็กได้รับการรักษาเร็วเท่าไร การรักษายิ่งได้ผลดีเท่านั้นค่ะ

หากคุณมีความกังวลใด ๆ เกี่ยวกับการได้ยิน การพูด หรือพัฒนาภาษาของลูก ควรพาลูกไปพบคุณหมอโดยเร็วที่สุด

4. เจ็บหูและมีของเหลวขังในหู

4. เจ็บหูและมีของเหลวขังในหู

หูอักเสบติดเชื้ออาจเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ในวัยเด็ก และเด็กจำนวนไม่น้อยมีการติดเชื้ออย่างน้อยหนึ่งครั้งเมื่อเข้าสู่วัย 1 ขวบ

บางครั้งเด็กอาจมีของเหลวขังอยู่ในหูชั้นกลาง แต่ไม่จำเป็นต้องมีการติดเชื้อเสมอไป อย่างไรก็ตามหากของเหลวนั้นอยู่เป็นเวลานาน อาจนำไปสู่การสูญเสียการได้ยิน

แม้ว่าการติดเชื้อที่หูสามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ หรือในที่สุดของเหลวในหูอาจจะถูกระบายออกไปได้เอง แต่คุณแม่ก็ควรพาลูกไปพบคุณหมอตามกำหนดนัดหมายเพื่อติดตามอาการให้แน่ใจก่อนนะคะ

5. พูดเสียงดังผิดปกติ

5. พูดเสียงดังผิดปกติ

เด็กส่วนมากเต็มไปด้วยพลังและความกระตือรือร้น พวกเขาไม่รู้ตัวหรอกว่าเขาพูดดังเกินไปหรือเปล่า แต่ถ้าลูกพูดเสียงดังผิดปกติบ่อยๆ และดูเหมือนว่าลูกไม่สามารถควบคุมความดังได้ อาการเช่นนี้ก็ควรพาลูกไปประเมินการได้ยินเช่นกันค่ะ

สาเหตุอื่นๆ ของการสูญเสียการได้ยินในเด็กอาจรวมถึงการมีวัตถุแปลกปลอมเข้าไปติดภายในรูหู เช่น ปลายคอตตอนบัด หรือลูกปัด เป็นต้น

6. มักจะบอกให้เพิ่มเสียงทีวี หรืออุปกรณ์ต่างๆ

6. มักจะบอกให้เพิ่มเสียงทีวี หรืออุปกรณ์ต่างๆ

ลูกของคุณฟังเพลงเสียงดังเป็นประจำ หรือมักยืนใกล้ทีวีมากที่เปิดเสียงดังมากเป็นพิเศษหรือเปล่า?

ทราบหรือไม่ว่า การฟังเพลงเสียงดังมากๆ เป็นเวลานาน อาจทำให้ประสาทหูเสื่อม และเซลล์ขนเล็กๆ หรือปลายประสาทหูชั้นในที่เป็นอวัยวะรูปก้นหอย หรืออวัยวะเกี่ยวกับการได้ยินเกิดความเสียหายได้

หากคุณลองเปิดเสียงทีวี หรือเสียงเพลงดังกว่าปกติมากๆ แล้วลูกยังคงฟังได้ตามปกติ อาจเป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่บอกว่าลูกคนมีปัญหาทางการได้ยินเสียแล้ว

7. ไม่มีปฎิกิริยาตอบสนองต่อเสียงดัง

7. ไม่มีปฎิกิริยาตอบสนองต่อเสียงดัง

เมื่อมีเสียงปิดประตูดังปัง หรือจู่ๆ เสียงสัญญาณกันขโมยก็ดังขึ้น ลูกของคุณยังคงนิ่งเฉย หรือมีปฎิกิริยาตอบสนอง โดยหันไปหาเสียงนั้นทันที

ถ้าคำตอบคือ ลูกนิ่งเฉย แสดงว่า ลูกอาจมีความบกพร่องทางการได้ยิน ควรติดต่อคุณหมอเพื่อรับการรักษาโดยเร็ว

8. มีเสียงดังในหู

8. มีเสียงดังในหู

สาเหตุที่พบบ่อยของเสียงอื้อในหู เกิดจากเซลล์หูชั้นในได้รับความเสียหาย ขนอ่อนๆ เล็กๆ ในหูชั้นในจะเคลื่อนไหวสัมพันธ์กับความดันของคลื่นเสียง ซึ่งช่วยในการส่งสัญญาณไฟฟ้าไปยังสมอง

หากขนในหูชั้นในเหล่านี้เสียหาย สัญญาณไฟฟ้าที่จะถูกส่งไปยังสมองอาจรั่ว และ ทำให้เกิดหูอื้อ ซึ่งเป็นเสียงแปลกๆ เสียงหึ่ง หรือมีเสียงผิวปากภายในหู

อาการเหล่านี้อาจเกิดจากการสัมผัสกับเสียงดังมากเกินไป ขี้หูอุดตัน การเปลี่ยนแปลงของกระดูกหูและการบาดเจ็บที่ศีรษะหรือคอ

ถัดไป
img

บทความโดย

สิริลักษณ์ อุทยารัตน์

  • หน้าแรก
  • /
  • สุขภาพ
  • /
  • 8 สัญญาณการสังเกต เมื่อลูกมีปัญหาทางการได้ยิน
แชร์ :
  • วิจัยเผย! บรอกโคลี ต้านมะเร็ง ได้!! ด้วย "ซัลโฟราเฟน" สารอาหารที่พบในบรอกโคลี

    วิจัยเผย! บรอกโคลี ต้านมะเร็ง ได้!! ด้วย "ซัลโฟราเฟน" สารอาหารที่พบในบรอกโคลี

  • แม่แชร์อุทาหรณ์ ลูกแพ้กุ้ง ตาบวมฉึ่ง ทั้งที่ปกติกินกุ้งประจำ

    แม่แชร์อุทาหรณ์ ลูกแพ้กุ้ง ตาบวมฉึ่ง ทั้งที่ปกติกินกุ้งประจำ

  • เตือนแม่! อย่ากินอาหารที่ใช้ปากกาเมจิกเขียนบนถุง เสี่ยงมะเร็ง

    เตือนแม่! อย่ากินอาหารที่ใช้ปากกาเมจิกเขียนบนถุง เสี่ยงมะเร็ง

  • วิจัยเผย! บรอกโคลี ต้านมะเร็ง ได้!! ด้วย "ซัลโฟราเฟน" สารอาหารที่พบในบรอกโคลี

    วิจัยเผย! บรอกโคลี ต้านมะเร็ง ได้!! ด้วย "ซัลโฟราเฟน" สารอาหารที่พบในบรอกโคลี

  • แม่แชร์อุทาหรณ์ ลูกแพ้กุ้ง ตาบวมฉึ่ง ทั้งที่ปกติกินกุ้งประจำ

    แม่แชร์อุทาหรณ์ ลูกแพ้กุ้ง ตาบวมฉึ่ง ทั้งที่ปกติกินกุ้งประจำ

  • เตือนแม่! อย่ากินอาหารที่ใช้ปากกาเมจิกเขียนบนถุง เสี่ยงมะเร็ง

    เตือนแม่! อย่ากินอาหารที่ใช้ปากกาเมจิกเขียนบนถุง เสี่ยงมะเร็ง

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว