ปกติแล้วเราทุกคนต้องเจอกับสถานการณ์ที่มีความวิตกกังวลอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน และข้อดีของมันนั้นก็คือการเอาตัวรอดจากอันตรายต่างๆ หรือกลายเป็นแรงผลักดันให้ทำสิ่งใดๆ ก็ตามประสบความสำเร็จได้ แต่ในเด็กๆ นั้น หากความวิตกกังวลกลายเป็นสิ่งที่ฉุดรั้งเขาไว้ ส่งผลต่อกิจวัตรประจำวันแล้วละก็ นั่นจะกลายเป็นปัญหาในที่สุดนะคะ
สถิติเด็กอเมริกันที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากการเผชิญกับความวิตกกังวลนั้นเพิ่มมากขึ้นทุกปีนะคะ โดยที่เด็กๆ เหล่านี้นั้นหาทางออกกับสิ่งที่ตัวเองต้องเผชิญไม่ได้ด้วย และนั่นคือตัวเลขที่มากถึง 1 ใน 8 ของเด็กอเมริกันทั้งหมดเลยทีเดียวค่ะ
ต้องลองสังเกตว่าลูกส่งสัญญาณ 6 แบบนี้มาถึงคุณพ่อคุณแม่หรือไม่
- ลูกถามเกี่ยวกับเรื่องในอนาคต
เด็กๆ ที่กำลังวิตกกังวลกับเรื่องอะไรสักเรื่อง ห่วงว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต และถ้ามันเกิดขึ้นเขาจะโอเคกับมันไหม โดยคำถามที่เขาถามอาจจะไม่เหมือนกันทุกครั้งก็ได้ แต่แบบแผนจะมีจุดที่เหมือนกันอยู่บ้าง เช่นคำว่า ถ้าหาก…
- ลูกเริ่มกินมากขึ้นหรือกินได้น้อยลง
อาการผิดปกติที่สังเกตได้ง่ายที่สุดว่าลูกเริ่มเปลี่ยนไปคือ เรื่องของการกิน เนื่องจากร่างกายจะรับรู้ถึงสภาวะที่จิตใจไม่ปกติ มีความวิตกกังวล ร่างกายจึงอาจจะต่อต้านอาหาร หรือมีความอยากอาหารเพิ่มขึ้นได้ค่ะ
- ลูกหงุดหงิดง่ายขึ้น เกรี้ยวกราดมากขึ้น มีอารมณ์ที่ไม่มั่นคง
เด็กที่โกรธบ่อย โมโหบ่อย เพราะเนื่องจากเขาเผชิญกับอารมณ์ที่ซับซ้อน และไม่รู้จะจัดการกับตัวเองได้อย่างไร อารมณ์ที่ไม่มั่นคงนี้ เด็กๆ ส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะแสดงอาการทางด้านลบออกมา
- ปวดหัว ปวดท้องบ่อยๆ
แม้อาการทางกายกับอาการทางใจจะดูเหมือนไม่ได้เกี่ยวกันเท่าไหร่ แต่จริงๆ แล้วเกี่ยวกันมากค่ะ เพราะสุขภาพร่างกายจะเชื่อมต่อโดยตรงกับปัญหาสุขภาพจิตที่มีความวิตกกังวล นักจิตวิทยาจำนวนหนึ่งชี้ว่าอาการปวดหัวและปวดท้องบ่อยๆ นั้น เป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเมื่อเด็กๆ ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ
- ปลีกตัวออกจากกิจกรรมกลุ่ม
แม้ว่าจะเป็นกิจกรรมที่ลูกเคยชอบ อย่างการไปนอนค้างบ้านเพื่อน หรือเกมสุดโปรด การเข้าสังคมในขณะที่จิตใจของเด็กๆ ไม่มั่นคง มันน่ากลัวมากกว่าสนุกค่ะ
- มีปัญหาด้านสมาธิ และส่งผลถึงการเรียน
เรื่องสมาธิคือเรื่องบ่งบอกได้ดีที่สุดว่า เด็กๆ มีปัญหาในเรื่องของความวิตกกังวลค่ะ เนื่องจากเด็กๆ สลัดความวิตกกังวลออกจากหัวไม่ได้ เขาจึงไม่มีสมาธิที่จะเรียนหนังสือ ทำการบ้านไม่ได้ และส่งผลถึงเกรดนั่นเองค่ะ
คุณพ่อคุณแม่เห็นแล้วว่าลูกมีความผิดปกติแสดงออกมา ขั้นตอนต่อไปคือนัดคุณหมอจิตแพทย์เพื่อสืบหาว่าเรื่องอะไรที่ลูกไม่สบายใจ เพื่อจะได้หาหนทางแก้ไขต่อไปค่ะ
ที่มา goodhousekeeping
บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ลูกหัวกระแทก มีอาการซึม พาไปตรวจกลับเจอมะเร็งอย่างไม่คาดฝัน
10 วิธีง่าย ๆ ช่วยคุณแม่มือใหม่รับมือกับภาวะจิตตก
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!