5 สุดยอดสารอาหารบำรุงครรภ์+ยามให้นมบุตร

สารอาหารบำรุงครรภ์

ระหว่างตั้งครรภ์และช่วงให้นมบุตรคุณแม่ควรให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารที่มีสารอาหารจำเป็นต่อลูกน้อย มาดูกันว่าสารอาหารอะไรที่คุณแม่ขาดไม่ได้ และจะหาสารอาหารเหล่านั้นได้จากที่ไหน

โพรไบโอติกส์

แบคทีเรียที่ดีต่อลำไส้ มีหน้าที่ช่วยในการย่อยอาหาร) เป็นสารอาหารสำคัญยิ่งต่อแม่ตั้งครรภ์และแม่ให้นม

ไม่เพียงแต่จะช่วยบรรเทาอาการท้องผูกและรักษาระบบการย่อยอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ในระหว่างตั้งครรภ์แบคทีเรียที่ดีในลำไส้ก็จะถูกส่งผ่านไปยังลูกน้อยผ่านทางช่องคลอด

โพรไบโอติกส์ยังช่วยลดปัญหาในทางเดินอาหาร เช่น โรคภูมิแพ้, ท้องอืด, แก๊ส, ท้องผูก, อาการจุกเสียดและกรดไหลย้อนในช่วง 0-3 ปีแรกอีกด้วย

เนื่องจากแบคทีเรียในลำไล้จะเริ่มพัฒนาขึ้นหลังคลอด คุณแม่จึงควรได้รับโพรไอโอติกส์อย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะส่งผ่านคุณประโยชน์ที่สำคัญนี้ไปทางน้ำนม

โฟลิก

ระหว่างตั้งครรภ์ คุณแม่ควรได้รับอาหารที่อุดมไปด้วยโฟลิก ได้แก่ ผักใบเขียว ซีเรียล เมล็ดธัญพืชต่างๆ กรดโฟลิกยังช่วยในเรื่องของพัฒนาการทารกในครรภ์ และป้องกันความบกพร่องของกระดูกสันหลัง และท่อประสาท

หลังคลอด คุณแม่ควรทานโฟลิกอย่างต่อเนื่องในปริมาณ 400 ไมโครกรัมต่อวัน จะช่วยบำรุงร่ายกายของคุณแม่ เพื่อให้ทันกับความต้องการของลูกในช่วงให้นมบุตร

แคลเซียม และวิตามินดี

ระหว่างตั้งครรภ์และให้นมบุตรทั้งคุณแม่และลูกน้อยต้องการแคลเซียม เพื่อเสริมสร้างกระดูและฟันให้แข็งแรง โดยร่างกายต้องการวิตามินดี เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น ดังนั้น คุณแม่ท้องควรออกไปเดินรับแสงแดดยามเช้า เพื่อรับวิตามินดีตามธรรมชาติ

ในส่วนของแม่ที่ให้นมลูกควรได้รับแคลเซียม 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน โดยรับประทานอาหารเสริมแคลเซียมได้แก่ ปลาเล็กปลาน้อย โยเกิร์ต และนม เป็นต้น

ดีเอชเอ

ดีเอชเอ เป็นสารอาหารที่รู้จักกันดีว่าช่วยในการพัฒนาสมองของทารก ซึ่งเริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่สามและพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วง 3 ปีแรก

ธาตุเหล็ก

เหล็กมีบทบาทสำคัญในการนำออกซิเจนไปยังกระแสเลือด ทารกที่คลอดเมื่อครบกำหนดคลอดจะดูดซึมธาตุเหล็กไว้ในร่างกายอย่างเพียงพอในช่วง 6 เดือนแรกหลังคลอด

คุณแม่จึงควรได้รับธาตุเหล็กอย่างเพียงพอระหว่างตั้งครรภ์ โดยรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ตับ ไข่แดง ผักใบเขียว หรือยาบำรุงที่มีส่วนผสมของธาตุเหล็ก และควรสังเกตสัญญาณการขาดธาตุเหล็ก เช่น รู้สึกเหนื่อย ไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นาน เป็นต้น