อาการของเด็ก ขี้อาย ไม่ค่อยกล้าที่จะแสดงออก เชื่อว่าเป็นปัญหาที่ผู้ปกครองหลายคนมีความกังวลอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ยิ่งเมื่อถึงเวลาที่ต้องพาลูกไปเจอญาติผู้ใหญ่ พบปะกลุ่มเพื่อน หรือเข้าสังคมกิจกรรมต่าง ๆ ลูกก็อาจต้องหลบซ่อนอยู่หลังพ่อแม่อยู่ตลอด สิ่งเหล่านี้สามารถฝึกให้ลูกกลายเป็นคนที่กล้าแสดงออกได้ วันนี้เราจะมาแนะนำเทคนิคเปลี่ยนลูก ขี้อาย ให้กลายเป็นเด็กกล้าแสดงออก ต้องทำอย่างไรบ้าง ตามไปดูกันเลย
เช็ก 3 ข้อนี้ก่อนว่า ลูกคุณขี้อายหรือไม่
- ลูกรู้สึกเขินอายเวลาอยู่ร่วมกับเด็กคนอื่น ๆ แม้แต่การแสดงท่าทีกังวลหรือหวาดกลัว บางครั้งก็จะพูดน้อย และชอบที่จะเล่นคนเดียวมากกว่า
- ลูกจะดูว่าเด็กคนอื่นทำอะไรอยู่ แต่จะไม่เข้าไปมีส่วนร่วม แค่จ้องมองเด็กคนอื่น แล้วมานั่งเล่นตัวคนเดียว
- ลูกดูเงียบผิดปกติ ไม่ค่อยอยากพูดคุยกับเด็กคนอื่น ๆ
ทำไมลูกจึงเป็นเด็กขี้อาย
เด็กที่ไม่ค่อยได้เล่นกับคนอื่น ไม่ค่อยเจอคนแปลกหน้า โดยเฉพาะเด็กในรุ่นราวคราวเดียวกัน ทำให้เด็กไม่ได้พัฒนาทักษะการเข้าสังคม เช่น การพูดคุยสนทนา การแก้ปัญหาถ้าเกิดมีการโต้เถียงกัน หรือกระทั่งการหาอะไรสนุก ๆ เล่นกับคนอื่น จนทำให้เด็กรู้สึกอึดอัดเวลาต้องมาเข้าสังคม และหลีกเลี่ยงการพบเจอหรือโต้ตอบกับคนอื่น ซึ่งจะส่งผลต่อการเข้าสังคมเมื่อโตขึ้น
บทความที่เกี่ยวข้อง : ลูกขี้อายแก้ไขได้อย่างไร ทำยังไงให้ลูกเข้าสังคมเก่ง ไม่เขินไม่อายเวลาคนเยอะ ๆ
วิดีโอจาก : หมอชินตา พาเลี้ยงลูก
สาเหตุที่ทำให้เด็ก ขี้อาย มีอะไรบ้าง
1. ความกังวลภายนอก
อาการเด็กขี้อาย มักเป็นการแสดงที่เกิดจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ส่งผลทำให้เขารู้สึกกังวล จนทำให้ไม่กล้าแสดงออก เช่น คุณครูดุ ผู้ใหญ่ดุ การกระทำเหล่านี้จะทำให้เด็กไม่กล้าพูดคุยด้วย
2. ความกังวลภายในใจ
จากปัจจัยภายนอกที่ได้กล่าวไปนั้น ส่งผลต่อมายังปัจจัยภายในที่ทำให้ลูกไม่กล้าพูดสิ่งที่ตัวเองคิดออกมา เพราะขาดความมั่นใจ เมื่อพูดไปแล้วจะดูไม่ดีหรือเปล่า ทำให้ในบางครั้งเด็กไม่กล้าที่จะอยากทำอะไรเพราะกลัวความผิดพลาดนั่นเอง
7 วิธี เปลี่ยนเด็กขี้อายให้กลายเป็นเด็กกล้าแสดงออก
สาเหตุของเด็กขี้อาย ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยที่เกิดจากภายนอก หรือปัจจัยภายใน นั้นมีวิธีที่สามารถเปลี่ยนความคิดของเด็กเหล่านี้ได้ สิ่งสำคัญคือ พ่อและแม่จะต้องเป็นตัวช่วยที่จะสร้างความมั่นใจนี้ให้แก่ลูก เพื่อเปลี่ยนเด็กขี้อายให้กลายเป็นเด็กกล้าแสดงออก ด้วยวิธี ดังนี้
1. หาสิ่งที่ลูกสนใจและให้ลูกทำในสิ่งที่ลูกชอบกับเด็กคนอื่น
พ่อแม่ต้องหาสิ่งที่ลูกสนใจ ความชอบของลูก หรืองานอดิเรก แล้วหากิจกรรมสนุก ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งนั้น ให้ลูกมีส่วนร่วมทำกับคนอื่น ๆ เช่น ถ้าลูกชอบอ่านหนังสือ ก็ผลักดันให้ลูกเข้า Book Club เพื่อไปเจอเพื่อนที่มีความสนใจแบบเดียวกัน หรือหาห้องสมุดที่มีกิจกรรมบ่อย ๆ ลูกจะค่อย ๆ พัฒนาทักษะการเข้าสังคมไปพร้อม ๆ กับได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ แถมยังได้เพื่อนใหม่อีกด้วย
2. ฝึกการเข้าสังคมให้กับลูกด้วยบทบาทสมมติ
สวมบทเป็นคนแปลกหน้าพูดคุยกับลูก เพื่อสร้างความคุ้นเคย ถามคำถามง่าย ๆ ให้ลูกฝึกตอบ ฝึกการมองตา ฝึกยิ้ม แล้วสอนลูกถึงวิธีการผูกมิตรกับคนอื่น ๆ ในช่วงแรกลูกอาจจะยังทำได้ไม่ดีนัก แต่ให้ลองสมมติตัวเองเป็นคนแปลกหน้า สร้างสถานการณ์ใกล้ตัว เช่น การถามทาง ลูกจะได้สนุกกับการฝึกและไม่เคร่งเครียดเกินไป
3. เริ่มให้ลูกฝึกการคุยกับเพื่อนทีละคน
พาลูกไปพบกับเพื่อนที่ลูกชอบ แล้วเพื่อนคนนั้นก็ต้องชอบลูกด้วย ปล่อยให้ทั้งคู่เล่นด้วยกัน พบปะพูดคุยกันบ่อย ๆ เป็นการฝึกลูกเข้าสังคมจากคนที่ทำให้รู้สึกสบายใจและมีความสุขที่ได้อยู่ด้วย หลังจากลูกเริ่มพัฒนาทักษะการเข้าสังคมแล้ว ลูกก็จะสามารถเจอกับคนแปลกหน้า พูดคุยกันได้ง่ายขึ้น แต่อย่าเพิ่งให้ลูกไปเจอกับคนกลุ่มใหญ่ ถ้าคนเยอะเกินไปเด็กจะกลัวและกังวลมากขึ้น
4. สอนให้ลูกพูดคุยกับคนที่ท่าทางเป็นมิตร
ถ้าลูกได้เจอกับคนที่เป็นมิตร เข้ากับคนง่าย คนพวกนี้จะเป็นคนที่คอยชวนคุย ชวนทำกิจกรรมต่าง ๆ ทำให้ลูกรู้สึกสบายใจ แม่จึงต้องสอนลูกให้พูดคุยกับคนที่มาคุยด้วยดี ๆ สอนให้ลูกเลือกเข้าหาคนที่ดูเป็นมิตร โดยที่มีแม่มองดูอยู่ห่าง ๆ เมื่อเด็ก ๆ เริ่มต้นชวนกันพูดคุย สรรหากิจกรรมสนุก ๆ มาทำด้วยกัน ทุกอย่างจะเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ลูกจะเริ่มคุ้นเคยกับการหาเพื่อนไปเอง
5. สอนให้ลูกรู้จักใส่ใจคนอื่น
เด็กที่ขี้อายมักจะอยู่กับตัวเอง เล่นกับตัวเอง ทำให้ไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น เพราะเด็กขี้อายมักจะอยู่ในโลกส่วนตัว เมื่อมาอยู่กับคนอื่นก็รู้สึกอึดอัด แม่จึงต้องสอนลูกเรื่องทักษะการพูดคุย และทำให้ลูกเข้าใจความรู้สึกต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ด้วยการให้ลูกฝึกบอกความรู้สึก ผ่านเรื่องราวชีวิตประจำวัน รายการทีวี หนังสือ หรือหนัง สิ่งเหล่านี้มีความคิดและความรู้สึกสอดแทรกอยู่ ลูกก็จะเริ่มเข้าใจเรื่องของความรู้สึกที่อยู่ข้างใน ทำให้ลูกสามารถเข้าหาคนอื่นได้ง่ายขึ้น แล้วค่อย ๆ สอนลูกเรื่องการช่วยให้เพื่อนรู้สึกดีเวลาที่เพื่อนรู้สึกแย่ เมื่อลูกเรียนรู้แล้วไปช่วยให้เพื่อนรู้สึกดีได้ ลูกก็จะรู้จักในการใส่ใจคนอื่น
6. แม่ต้องอดทนในการสอนลูก
การแก้ปัญหาลูกขี้อายเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและความอดทนสูง ค่อย ๆ ช่วยลูกทลายกำแพงความเขินอายออกไปทีละน้อย อย่าเร่งรัดลูกมากเกินไป ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ แม่แค่ต้องมั่นใจและคิดบวกเพื่อช่วยลูกพัฒนาทักษะการเข้าสังคม คอยให้คำปรึกษาและแนะนำลูกเสมอ ไม่นานเกินรอลูกก็จะสามารถเข้าสังคมได้อย่างแน่นอน
7. ให้คำชื่นชมลูกเป็นรางวัล
เมื่อลูกเริ่มต้นในการที่จะทำอะไรด้วยตัวเอง หรือการที่ลูกได้ทำสิ่งนั้นจนสำเร็จ พ่อและแม่ควรให้คำชื่นชมลูกอยู่เสมอ เพื่อเป็นกำลังใจชั้นเยี่ยมแก่ลูก แม้ว่าสิ่งนั้นจะดูเป็นเพียงเรื่องง่ายของผู้ใหญ่ แต่สำหรับเด็กแล้วถือว่าเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่และน่ายินดี
วิธีทั้งหมดนี้ ที่เราได้แนะนำไปนั้นจะเป็นการส่งเสริม เพื่อให้ลูกปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเก่า ๆ จากเด็กที่ขี้อาย ให้กลายมาเป็นเด็กมีความมั่นใจ และกล้าแสดงออก กล้าคิด กล้าทำในสิ่งใหม่ ๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง ในการที่ต้องอยู่ท่ามกลางสังคมที่แปลกใหม่อยู่ตลอดเวลา สุดท้ายแล้ว หากใช้วิธีทั้งหมดนี้แล้วยังพบว่าลูกของเรายังขี้อายอยู่ ขอให้พ่อและแม่อย่าลดละความพยายาม ค่อย ๆ เริ่มฝึกฝนและเรียนรู้กันใหม่ สิ่งสำคัญอย่าลืมให้ความผ่อนคลายแก่ลูก เพราะบางครั้ง ความขี้อายก็จะทำให้เด็กดูน่ารักและเป็นธรรมชาติ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
6 โรงเรียนสอนเด็กทำอาหาร บรรยากาศน่าเรียน พาลูกไปทำกิจกรรมสนุกกัน!
8 สถานที่เรียนศิลปะ พาลูกไปวาดรูป กิจกรรมที่เด็กหลายคนใฝ่ฝัน!
ลูกไม่กล้าแสดงออก ทำอย่างไรดีลูกขี้อาย มาเสริมสร้าง Self-Esteem ให้ลูกกัน
ที่มาข้อมูล : milo , paolohospital