สัญญาณเสี่ยงว่า ลูกอาจเป็นมะเร็ง
กว่า 40 ปี ที่ผ่านมา การตรวจเจอมะเร็งในเด็ก ๆ นั้นทำได้ช้าเกินไป เนื่องจาก คุณพ่อคุณแม่ หรือแม้แต่กระทั่งแพทย์ ก็ไม่คาดคิดต่อการเกิดมะเร็งในร่างกายของเด็ก ๆ ค่ะ ทั้งนี้ปัจจัยที่ทำให้การวินิจฉัยและการตรวจผิดพลาด คลาดเคลื่อน เนื่องจาก อาการที่บ่งบอกว่า ลูกอาจเป็นมะเร็ง ไม่ชัดเจน และแตกต่างกันไปในแต่ละคนทำให้กว่าจะวินิจฉัยได้และตรวจเจอว่าเป็นโรคมะเร็งก็อาจจะช้าเกินไปแล้ว
เด็กคือเด็ก ไม่ใช่ผู้ใหญ่ตัวเล็ก
อาการที่บ่งบอกว่า ลูกของคุณพ่อคุณแม่เป็นมะเร็ง จึงไม่เหมือนอาการที่ผู้ใหญ่เป็นมะเร็งค่ะ ซึ่งการป้องกันไม่ให้ ลูกเป็นมะเร็งก็ทำได้ยาก เพราะ สาเหตุที่แท้จริงของการเกิดโรค ก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ เพียงแค่มีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่าง เช่น ข้อบกพร่องทางพันธุกรรม การติดเชื้อไวรัส ที่อาจจะเป็นสาเหตุ ของการเกิดโรคมะเร็ง นอกจากนี้ การรักษายังมีขั้นตอนที่มากกว่า และต้องรักษานานกว่าด้วยนะคะ
11 สัญญาณเสี่ยง ลูกอาจเป็นมะเร็ง
หากลูกมีอาการเหล่านี้เพียง 1 อาการ หรือมากกว่านั้น ควรพาไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงค่ะ ลองเกริ่นกับคุณหมอถึงโรคมะเร็งด้วย แต่หากยังหาสาเหตุไม่เจอ การหาคุณหมอมากกว่า 1 ท่าน ก็เป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ต้องลองพิจารณาดูค่ะ
- น้ำหนักลดลงเรื่อยๆ โดยไม่มีสาเหตุ
- เจ็บปวดบริเวณกระดูกและข้อต่อต่างๆ ขณะที่เคลื่อนไหว เล่นเกมส์ หรือทำกิจกรรม
- ปวดหัวและอาเจียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนเช้า
- คลำพบก้อนเนื้อ บริเวณลำคอ รักแร้ ขาหนีบ และหน้าท้อง
- พุงป่อง หน้าท้องขยาย
- มีจุดสีแดงเล็กๆ (Petechia) ที่บ่งบอกว่ามีเลือดออกจากเส้นเลือดและเส้นเลือดฝอย
- มีจุดหรือบริเวณสีม่วงตามผิวหนัง (Hematoma)
- บริเวณจอม่านตามีสีขาว เมื่อแสงมากระทบ
- มีอาการเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า และมีภาวะซีดเรื้อรัง (โรคโลหิตจาง)
- ไข้ขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุเป็นระยะเวลานาน
- ติดเชื้อบ่อย จะทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายลดลง
8 โรคมะเร็งในเด็กที่พบได้บ่อย
1.มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma)
เซลล์มะเร็งจะทำร้ายระบบน้ำเหลืองที่มีอยู่ทั่วร่างกาย อวัยวะทุกอวัยวะและเนื้อเยื่อต่างๆ
2.มะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia)
เซลล์มะเร็งที่มีผลต่อเซลล์เม็ดเลือดขาว จะส่งผลต่อไขกระดูก มะเร็งชนิดนี้มีอัตราเกิดสูงถึง 30% เป็นมะเร็งที่พบได้เป็นอันดับ 1
3.เนื้องอกในระบบประสาทส่วนกลาง (CNS tumor)
หากร่างกายมีเนื้องอกในระบบประสาทส่วนกลาง จะทำให้ไปขัดขวางการไหลของของเหลวในสมอง ทำให้เกิดความดันในกะโหลกศีรษะเพิ่มขึ้น ทำให้ปวดหัว และอาเจียนค่ะ เป็นมะเร็งที่พบได้เป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งเม็ดเลือดขาวค่ะ
4.มะเร็งต่อมหมวกไต (Neuroblastoma)
พบได้บ่อยในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี ส่งผลต่อระบบประสาท สังเกตอาการได้จาก การคลำเจอก้อนในช่องท้อง คอ กระดูกเชิงกราน
5.มะเร็งไต (Wilms tumor)
พบได้บ่อยในเด็กที่มีอายุระหว่าง 2-4 ปี
6.มะเร็งจอตา (Retinoblastoma)
หากเด็กเป็นแต่ไม่พาไปตรวจไม่ได้รักษะอาจจะเสียชีวิตได้ค่ะ
7.มะเร็งกระดูก (Osteosarcoma)
พบได้ในเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี บริเวณที่พบได้มาก คือ อาการปวดรอบ ๆ หัวเข่า และอาจจะ แพร่กระจายไปยังปอดได้ด้วยค่ะ
8.มะเร็งเนื้อเยื่ออ่อน (Soft tissue sarcoma)
มะเร็งชนิดนี้ส่วนใหญ่รักษาหายได้ถึง 70%
ที่มา familyshare
The Asianparent Thailand เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพ และสังคมคุณแม่ที่ใหญ่ที่สุด ในประเทศและเอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่และเด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น The Asianparent ที่ติดตามการตั้งครรภ์ให้คุณแม่ได้ลงทะเบียนใช้งานฟรี เพื่อติดตามพัฒนาการทารก ตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุดและผู้ใช้งานสูงสุด ในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์ และสื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่และเด็ก โภชนาการแม่และเด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว
การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และจิตวิทยาเด็ก The Asianparent เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้และมีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง
เพราะเราเชื่อว่า “พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแรง”
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ทำไมเดือนตุลาคม จึงเป็นเดือนแห่งการ รณรงค์ต้านภัยมะเร็งเต้านม และทำไมต้องเป็นริบบิ้นสีชมพู
10 อาหารที่ไม่ควรอุ่นในไมโครเวฟ อุ่นแล้วกลายเป็นสารก่อมะเร็ง
จิงจูฉ่าย สุดยอดสมุนไพรต้านมะเร็ง กินกับอะไรก็อร่อย แต่คนท้องต้องระวัง!