11 สถานที่พาลูกเที่ยว ห้องเรียนจากธรรมชาติ
มีพ่อแม่คนไหนเป็นบ้างไหมค่ะที่ว่างๆ มักจะมองหาวันหยุด เพื่อพาลูกน้อยไปเที่ยว แต่ไม่รู้ว่าจะพาลูกไปไหนดี อยากไปเที่ยวแบบไปเช้า-เย็นกลับ หรือไปค้างคืนต่างจังหวัด พร้อมกับสถานที่เที่ยวสำหรับลูกด้วย วันนี้ทาง theAsianparent มี 11 สถานที่พาลูกเที่ยว จากห้องเรียนธรรมชาติที่น้องๆ ต้องถูกใจแน่นอนค่ะ จะมีที่ไหนบ้างมาดูกันเลย
1. Montreux Cafe’ & Farm (อ.องครักษ์ จ.นครนายก)
สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยว และแหล่งการเรียนรู้ที่เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย เพราะมีกิจกรรมให้ทำมากมายค่ะ ทั้งให้อาหารเป็ด ไก่ หรือจะเก็บไข่มาทำไข่เค็ม ให้เด็กๆ ได้สนุกกับการปลูกผักกลับบ้าน คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องเตรียมอุปกรณ์ไปนะคะ เพราะที่นี่มีพร้อมทุกอย่างเลย หรือจะลองเปลี่ยนบรรยากาศไปพายเรือให้อาหารปลา แล้วก็ดำนาสนุกๆ กันทั้งครอบครัวก็ได้ ถ้าไม่อยากเปื้อนแนะนำให้อยู่ถึงช่วยเย็นๆ รอถ่ายรูปกับพระอาทิตย์ตกดิน บรรยากศดีสุดๆ ไปเลยค่ะ
2. ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย – นาเฮียใช้ (ต.บ้านโพธิ์ จ.สุพรรณบุรี)
สำหรับที่นี่ เป็นแหล่งที่จะช่วยให้เด็กๆ ได้เรียนรู้วิถีชีวิตของชาวนาไทย มีทั้งแปลงนาสาธิตให้ความรู้เกี่ยวกับข้าวนาปรังทั้ง 12 ชนิด รวมถึงการทำนาด้วย แน่นอนว่าทำนาต้องมีควายเด็กๆ ก็จะได้ป้อนหญ้าเลี้ยงอาหารควายด้วยค่ะ มีหอเตือนภัยชาวนาเพื่อชมวิวดูภาพศิลปะจากนาข้าวในมุมสูง มีเรือนไทยที่สร้างขึ้นเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ไทยในราชวงศ์จักรีตั้งแต่รัชกาลที่ 1 จนถึงปัจจุบัน รวมถึงเรือนไทยยกสูงแบบโบราณอีกด้วยค่ะ และที่ขาดไม่ได้คือร้านอาหารและร้านขายของที่ไม่เหมือนใคร
3. Farm de Lek ฟาร์มตาเล็ก ( คลอง 15 จ.นครนายก)
แหล่งเรียนรู้สำหรับเด็กวัย 4-13 ปี ภายในฟาร์มมีกิจกรรมเกษตรไร้สารพิษให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ตั้งแต่ภาคทฤษฎีจนถึงภาคปฏิบัติ รู้ที่มาของอาหาร ทั้งการปลูกผักแบบปลอดสารพิษ การใช้สมุนไพรไล่แมลง และการเก็บเกี่ยว นอกจากนี้เด็กๆ ยังมีโอกาสได้ทำอาหารเลี้ยงสัตว์ต่างๆ ที่อยู่ในฟาร์ม ไม่ว่าจะเป็นเป็ด ไก่ หมู ม้า ฯลฯ ทั้งยังได้สนุกกับสนามเด็กเล่น ที่เต็มไปด้วยเครื่องเล่นนานาชนิด ให้ได้ปลดปล่อยพลังกันอย่างเต็มที่ ในบรรยากาศธรรมชาติแสนสบาย
ฟาร์มตาเล็ก
4. ดวงตวัน บ้านสวน (คลอง 12 จ.กรุงเทพ)
เป็นบ้านสวนที่มาทั้งนาข้าวและแปลงผักเกษตรอินทรีย์ บนพื้นที่กว่า 17 ไร่ ที่ไม่เคยสัมผัสสารเคมี ยาฆ่าแมลงมาก่อน มีตลาดนัดเล็กๆ ให้มาขายสินค้าแฮนเมด และพืชผักออร์แกนิค รวมถึงมีกิจกรรมให้ครอบครัวพาลูกน้อยมาปลูกผัก เป็นเจ้าของแปลงผัก หิ้วปิ่นโต โชว์ผ้าไทย ไปบ้านสวน โดยมีผู้เชี่ยวชาญการเกษตรคอยให้คำแนะนำในการวางแผนเพาะปลูก และยังจัดเกษตรกรมืออาชีพมาช่วยดูแลแปลงผักให้แต่ละครอบครัวในช่วงที่ไม่ได้มาดูแปลงผักของตัวเองด้วยค่ะ
5. บ้านนาครูธานี (อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี)
แหล่งเรียนรู้บ้านครูธานี ให้เด็กๆ มาศึกษาการทำนาแบบครบวงจร ตั้งแต่ดำนา ฝัดข้าว ทำขนม เน้นกิจกรรมเชิงวิถีชีวิต และของเล่นพื้นบ้าน มีกิจกรรมมาหมายให้เด็กๆ ได้ร่วมสนุก ได้แก่ การทำนา ขี่ควาย นวดข้าว ตำข้าว นั่งเกวียน เก็บไข่ไก่ ทำขนมต้ม และพายเรือ กิจกรรมเพียบขนาดนี้ รับรองมาที่นี่ที่เดียวคุ้มแน่นอนค่ะ
6. ไร่ปลูกรัก (อ.บางแพ จ. ราชบุรี)
เป็นไร่ที่ทำฟาร์มเกษตรอินทรีย์ส่งขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ใครที่ต้องการทัวร์ชมฟาร์มต้องติดต่อก่อนล่วงหน้านะคะ เพราะว่าที่นี่มีกิจกรรมมากมาย เริ่มตั้งแต่การทัวร์ชมฟาร์ม แปลงผักออร์แกนนิกส์ ผักที่ปลูกโดยไม่ใช้ยาฆ่าแมลงแต่ใช้เป็นปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักชีวภาพที่ผลิตขึ้นเองทั้งหมด แล้วก็สอนทำอาหารจากผักอินทรีย์ต่างๆ มีอาหารและเครื่องดื่มสุขภาพจากผลิตผลของไร่ปลูกรัก กิจกรรมการปลูกผัก ที่ทางฟาร์มจะให้ทุกคนได้ปลูกผักในกระถางเล็กๆ ได้นำกลับไปปลูกกินเองที่บ้านค่ะ
ไร่ปลูกรัก
7. Little tree, house of learning (อ.สามพราน จ.นครปฐม)
พื้นที่เพื่อการเรียนรู้อย่างมีความสุขของเด็กๆ ผ่านกิจกรรม “ค่ายจังหวะแห่งชีวิต” ที่จัดในช่วงปิดภาคเรียน เด็กๆ ที่เข้าร่วมจะได้เรียนรู้ผ่านการสัมผัส และจากธรรมชาติที่มีอยู่ภายในสวนแห่งนี้ ในรูปแบบกิจกรรมแสนสนุก เช่น กิจกรรมศิลปะ การถักเชือกเพื่อฝึกสมาธิและกล้ามเนื้อมัดเล็ก การย้อมผ้าด้วยสีจากธรรมชาติ การทำอาหารโดยใช้วัตถุดิบจากในสวน อย่างตำลึง และดอกอัญชัญ เป็นต้น ซึ่งรูปแบบของกิจกรรมจะเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล และยังมีกิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้นเรื่อยๆ
8. เบิกบานบุรี (อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา)
สำหรับสถานที่นี้ เด็กๆ จะได้มาทดลองการใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายแต่ยั่งยืน เพราะกิจกรรมที่นี่จะเน้นกิจกรรมที่ทำให้เด็กๆ ได้เข้าใจธรรมชาติ ปลูกข้าวอินทรีย์ ปลูกผัก ปั้นดินและเผาเป็นเซรามิก ทำอาหาร เล่นน้ำในคลอง สำรวจธรรมชาติ และเรียนรู้เรื่องแมลงด้วยค่ะ
9. ไร่หยดพิรุฬ (จ.สิงห์บุรี)
ไร่แห่งนี้เปรียบเสมือนไร่ปลูกเด็ก เพาะกล้าเด็กไทยให้มีรากที่แข็งแรง เพราะเด็กๆ จะได้เรียนรู้เข้าใจธรรมชาติ วิถีชีวิตที่เรียบง่าย จากนั้นก็จะให้เด็กๆ ค่อยๆ ได้ต่อยอดสร้างสรรค์จินตนาการ ส่งต่อแนวคิดเชิงบวก ผ่านกิจกรรมที่หลากหลายตลอดทั้งวัน เช่น การเพาะกล้า การปั้นดินเหนียวสวนในขวดแก้ว อัศวินม้าก้านกล้วย และกิจกรรมที่จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ค้นหาจุดเด่นและพรสวรรค์ของเด็กได้ค่ะ
ไร่หยดพิรุฬ
10. ศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลนคลองโคน (ต.คลองโคน จ.สมุทรสงคราม)
ที่ศูนย์แห่งนี้เด็กๆ จะได้สนุกกับกิจกรรมปลูกป่าชายเลน รวมถึงได้ถนั่งเรือหางยาว ชมพื้นที่ป่าชายเลน ชมนกนานาชนิดรวมทั้งลิงแสมและสัมผัสกับชีวิตชาวประมงอย่างใกล้ชิด ศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลนคลองโคน จะจัดเตรียมเรือหางยาว กระดานเลน กล้าไม้และอุปกรณ์การปลูกไว้ให้บริการ สำหรับผู้ที่ต้องการมีส่วนร่วมฟื้นฟูป่าชายเลนค่ะ
11. ฟาร์มหมอปอ (อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา)
ถ้าอยากใช้ชีวิตสไตล์คันทรี ขี่ม้าชมธรรมชาติ ต้องมาที่นี่เท่านั้น เพราะฟาร์มหมอปอเป็นแหล่งรวบรวมม้าสายพันธุ์หายาก ทั้งพันธุ์ที่สวยที่สุดในโลกและสายพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งปัจจุบันมีม้าอยู่ในฟาร์มมากถึง 10 สายพันธุ์ จำนวน 70 กว่าตัว นอกจากนี้ยังมีสัตวอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นหมู แพะ เป็ด ไก่ และในส่วนกิจกรรมที่เด็กๆ จะได้ทำกันก็มีทั้งแบบวันเดย์ทริปและแคมป์ค้างคืน โดยแบ่งกิจกรรมเป็นการให้อาหารสัตว์ อาบน้ำม้า เก็บไข่ไก่ ทำอาหาร ขี่ม้า ออกเทรล นั่งรถแทรกเตอร์ชมสวน เรียกว่ามาครั้งนี้ได้เรียนรู้วิถีธรรมชาติแบบสมจริงที่สุดค่ะ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ:
น้ำหนักและส่วนสูงตามเกณฑ์ของเด็ก วัยแรกเกิด-5 ปี พ่อแม่เช็คเลย!!
วิธีเลี้ยงลูกแบบสวีเดน เลี้ยงลูกอย่างไรให้ฉลาดแบบไม่ต้องยัดเยียด
เตรียมลูกก่อนเข้าอนุบาล พ่อแม่ควรสอนลูกเรื่องอะไรบ้าง ทักษะอะไรที่ลูกควรมี!
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!