10 วิธี ฝึกลูกนอนเร็ว เทคนิคที่ทำให้ลูกนอนหลับง่ายขึ้น วิธีให้ลูกนอนง่ายๆ
เด็กบางคนนั้นนอนหลับยาก พ่อแม่ จึงนอนหลับไม่พอในบางครั้ง หลายคนกังวลว่าถ้าลูกนอนหลับยากจะส่งผลเสียอะไรต่อสุขภาพไหม หรือ บางครั้ง พ่อแม่ที่ต้องไปทำงานตอนเช้าก็จะนอนไม่พอหากลูกนอนหลับยาก วันนี้เรามี 10 วิธี ฝึกลูกนอนเร็ว เทคนิคที่ทำให้ลูกนอนหลับง่ายขึ้น วิธีให้ลูกนอนง่ายๆ เทคนิคดีๆ ที่พ่อแม่ไม่ต้องอดหลับอดนอนค่ะ
10 วิธี ฝึกลูก นอนเร็ว เทคนิคที่ทำให้ลูกนอนหลับง่ายขึ้น วิธีให้ลูกนอนง่ายๆ
1.ฝึกลูกนอนเร็วโดยการสร้างบรรยากาศให้น่านอนหลับ
สิ่งที่เด็กๆ จะเรียนรู้ว่านี่คือเวลาที่ควรนอนหลับได้เเล้ว เกี่ยวกับเรื่องของบรรยากาศเเละสิ่งเเวดล้อม โดยก่อนนอน สัก 30 นาที ให้หรี่ไฟสลัวๆ หรี่เสี่ยง หรือ ปิดทีวีหรือเสียงอื่นๆ ลง หลีกเลี่ยงกิจกรรมใช้เเรงในช่วงที่ใกล้เวลานอน เปลี่ยนเป็นการอ่านนิทาน การอาบน้ำอุ่นๆ การร้องเพลงกล่อมเเทน บรรยากาศต่างๆ อย่างเเสงไฟจะช่วยให้นาฬิกาของร่างกายทำงานเเละบ่งบอกว่า ได้เวลาที่ลูกจะนอนลงเเล้ว การฝึกนอนด้วยวิธีนี้ควรทำติดต่อกันทุกวันอย่างน้อย 6-7 สัปดาห์เพื่อประสิทธิภาพที่ดีของการนอนหลับ
2.ฝึกลูกนอนเร็วโดยตั้งเวลานอนที่เหมาะสม
ฝึกลูกนอนเร็วโดยการตั้งเวลาที่เหมาะสมนั้นเป็นกุญแจสำคัญ เพราะ เด็กแต่ละคนต้องการเวลานอนไม่เหมือนกัน เช่น เด็กวัยเรียนต้องการเวลานอน 9 ถึง 11 ชั่วโมงทุกคืน เพราะฉะนั้นพ่อแม่ต้องเริ่มคิดแล้วว่าจะให้ลูกนอนกี่โมงเพื่อที่จะตื่นเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้ลูกนอนหลับที่เพียงพอ และ ทำให้เขาชินกับเวลาตื่นและนอน
3.ฝึกลูกนอนเร็วโดยตั้งเวลาปลุกที่ชัดเจน
หลังจากที่พ่อแม่รู้เวลานอนที่เหมาะสมของลูกแล้ว สิ่งที่จะสามารถทำให้ลูกนอนเร็ว และ การนอนหลับมีประสิทธิภาพมากขึ้นคือตั้งเวลาปลุกที่ชัดเจน โดยการคำนวนจากเวลานอนที่เหมาะสม ควรปลุกตรงเวลาทุกวันเป็นกิจวัตร เพื่อความเคยชินของลูก และ เพื่อประสิทธิภาพในการหลับนอนที่เหมาะสม และในวัดหยุดสุดสัปดาห์ค่อยผ่อนปรนให้เขานอนเกินเวลาได้
4.ฝึกลูกนอนเร็วโดยสร้างกิจวัตรก่อนนอนเป็นประจำ
กิจวัตรก่อนนอนเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับลูกของเรา ไม่ว่าจะเป็นลูกน้อยที่เพิ่งคลอด หรือ ลูกที่กำลังไปเรียน การทำกิจวัตรที่สอดคล้องกับการนอน เช่น อาบน้ำ เล่านินทาน ก็จะทำให้ลูกรู้ว่าต่อไปจะถึงเวลานอนของเขาแล้ว การสร้างบรรยากาศที่น่านอนจะทำให้ลูกรู้สึกง่วง และ การนอนก็จะสำเร็จง่ายมากขึ้น
5.ฝึกลูกนอนเร็วโดยปิดทีวีอย่างน้อยสองชั่วโมงก่อนเข้านอน
จากการวิจัยพบว่า แสงจากหน้าจอโทรทัศน์ หรือ โทรศัพท์ สามารถรบกวนการผลิตฮอร์โมนเมลาโทนินได้ ซึ่งเมลาโทนินเป็นสารที่สำคัญสำหรับการอน หาก เมลาโทนินอยู่ในระดับสูง ส่วนใหญ่คนจะง่วงและพร้อมเข้านอน ซึ่ง ก่อนนอนนั้นควรจะให้ลูกห่างจากหน้าจอโทรศัพท์ หรือ โทรทัศน์ อย่างน้อยที่สุดสามสิบนาที
6.ฝึกลูกนอนเร็วโดยไม่ควรให้ลูกนอนดึก
เเม้ว่าในเเต่ละฤดู จะทำให้เวลากลางคืนมืดช้าไปบ้าง เเต่ในเด็กๆ ควรยึดตามนาฬิกาเป็นหลักค่ะ เช่น ปกติเเล้วลูกจะเข้านอนประมาณ 19.00 เเต่ในหน้าร้อน เวลา 19.00 ท้องฟ้ายังสลัวๆ ไม่มืดเสียทีเดียว คุณพ่อคุณเเม่เลยคิดว่า อาจจะยังไม่ต้องเอาลูกนอนก็ได้ ซึ่งนั่นเป็นการกระทำที่ทำให้นาฬิกาชีวิตของลูกรวนได้นะคะ เเต่การกลับไปฝึกนอนอีกครั้งก็อาจจะเป็นเรื่องที่ยากขึ้น เเละอาจทำให้ลูกนอนยาวๆ ไม่ได้ ตื่นบ่อยขึ้นระหว่างกลางดึกค่ะ
7.ฝึกลูกนอนเร็วโดยลดความเครียดก่อนนอน
ฮอร์โมนที่มีบทบาทในการนอนหลับคือ คอร์ติซอล หรือ ที่เรียกว่า ฮอร์โมนความเครียด เมื่อระดับคอร์ติซอลสูง ร่างกายของลูกจะไม่สามารถเข้านอนได้ เพราะฉะนั้นกิจกรรมก่อนนอนนั้นควรจะเป็นกิจกรรมที่ปราศจากความตึงเครียด เพื่อให้ลูกสามารถเข้านอนได้อย่างมีความสุข
8.ฝึกลูกนอนเร็วโดยปกป้องลูกจากความกลัว
ลูกบางครั้งเกิดความกลัวก่อนนอน พ่อแม่ อาจจะต้องกอดลูกเพื่อให้นอนหลับ หรือ บอกฝันดี เพื่อให้เขารู้สึกปลอดภัย รวมถึง อาจจะบอกว่าพ่อแม่กำจัดสัตว์ประหลาดที่อยู่ในห้องลูกไปหมดแล้ว ก็จะทำให้เขารู้สึกปลอดภัยและพร้อมที่จะนอน
9.ฝึกลูกนอนเร็วโดยปล่อยลูกนอนกลางวันบ้าง
คุณพ่อคุณอาจจะคิดว่าหากไม่นอนกลางวัน เพื่อเวลาที่นอนตอนกลางคืน ลูกจะได้เหนื่อยเเละนอนง่ายขึ้น เเต่นั่นเป็นการทำให้ร่างกายของลูกผลิตฮอร์โมนความเครียดเยอะขึ้น เเละก็อาจจะส่งผลทำให้นอนกลับยากขึ้นได้ในตอนกลางคืน หากลูกส่งสัญญาณว่าหนูง่วงเเล้ว คุณพ่อคุณเเม่ก็อย่าลังเลที่จะให้ลูกนอนกลางวันเลยนะคะ
10.ฝึกลูกนอนเร็วโดยระวังเรื่องความผิดปกติขอการหลับนอน
หาก พ่อแม่ พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกได้นอนหลับ แต่เขายังมีปัญหาในการนอนหลับ หรือ มีการฝันร้าย รวมถึง ควมหวาดกลัว พ่อแม่ควรจะไปปรึกษากุมารแพทย์เรื่องการหลับนอนของลูกด้วยนะคะ
ที่มา : Healthline
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ :
ลูกนอนดึก เสี่ยงเป็น โรคอ้วนในเด็ก ภัยเงียบจากกการนอนดึก
คนท้องนอนกรน มีผลต่อน้ำหนักลูกน้อยในครรภ์ ท้องนอนกรนอันตราย
ทำไมท้องแล้วขี้เกียจ คนท้องนอนเยอะ เหนื่อยง่าย หิวง่าย ผิดปกติหรือเปล่า?