ทักษะชีวิต (life skills)
คำว่า ทักษะชีวิต (Life skills) อาจจะฟังดูเข้าใจยากไปสักนิด แต่หากบอกว่า ทักษะชีวิต คือ ความสามารถในการจัดการชีวิตของตนเอง เริ่มจากเรื่องง่าย ๆของตนเอง มีความรับผิดชอบ มีระเบียบวินัย ทำตามกฎเกณฑ์ รวมไปถึงการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีต่อบุคคลอื่น การเรียน การทำงาน และการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นในสังคมอย่างมีความสุข เช่นเดียวกันกับ ทักษะชีวิตสำหรับเด็ก เด็กก็ต้องเริ่มเรียนรู้เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการใช้ชีวิตในอนาคต
10 ทักษะชีวิตสำหรับเด็ก ที่ต้องเรียนรู้ มีอะไรบ้างนะ ?
10 ทักษะชีวิตที่ว่านี้เป็นเรื่องง่าย ๆ ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถสอนลูกได้ในชีวิตประจำวันนี่แหละค่ะ ไม่ใช่เรื่องยากเย็นหรือเป็นวิชาการอะไรเลย หากแต่เป็นการพูดคุยกับลูก การร่วมกันทำกิจกรรมต่าง ๆ ในครอบครัวจนเป็นนิสัยสิ่งเหล่านี้ที่จะทำให้ลูกของคุณเป็นเด็กที่มีทักษะในชีวิตที่ดี อย่ารอช้ามาฝึก ทักษะชีวิตสำหรับเด็ก ให้ลูกกันค่ะ
1. ฝึกให้ลูกช่วยเหลือตนเองได้
ตามปกติแล้วคุณพ่อคุณแม่มักจะช่วยลูกทำโน่นทำนี่ไปหมด เข้าใจค่ะว่าเพราะความเป็นห่วง และบางทีก็กลัวไปไม่ทันโรงเรียน สำหรับในช่วงปิดเทอมแบบนี้มีเวลาเหลือเฟือ ที่คุณพ่อคุณแม่จะเริ่มฝึกฝนลูก ๆ ให้ช่วยเหลือตนเอง ลองเปลี่ยนเป้าหมายใหม่เพื่อฝึกทักษะชีวิตให้ลูก คือ ให้ลูกมีหน้าที่รับผิดชอบตนเองอย่างชัดเจน เช่น ตื่นมาก็เก็บที่นอน พับผ้าห่มเองให้เรียบร้อย อาบน้ำ แต่งตัว ทานข้าวเอง รวมถึงการให้ลูกมีส่วนร่วมในการช่วยเหลืองานบ้านเล็ก ๆ น้อย รดน้ำต้นไม้ ช่วยแม่เก็บผ้า พับผ้า เป็นต้น เพื่อกระตุ้นให้เขาฝึกรับผิดชอบตัวเอง
2. ว่ายน้ำเป็น
ตามหน้าข่าวหนังสือพิมพ์หรือสื่อต่าง ๆที่ให้ข่าวเกี่ยวกับอุบัติเหตุเด็กจมน้ำเสียชีวิตให้เห็นกันบ่อย ๆ โดยเฉพาะเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี ยิ่งในช่วงปิดเทอมอากาศร้อน ๆ แบบนี้ กิจกรรมสุดโปรดของเด็ก ๆ ก็คงไม่พ้นการว่ายน้ำ ดังนั้น ทักษะชีวิตอีกอย่างหนึ่งที่ควรฝึกฝนให้ลูก คือ ฝึกให้ลูกว่ายน้ำเป็น ยิ่งช่วงปิดเทอมพาลูกไปเรียนว่ายน้ำ ลูกจะได้ทักษะการว่ายน้ำที่ถูกต้อง รวมไปถึงทักษะด้านความปลอดภัยกับเกี่ยวการว่ายน้ำ และการช่วยเหลือตนเองในเบื้องต้นหากเกิดอุบัติเหตุ ถือเป็นทักษะชีวิตที่สำคัญมาก เพราะประเทศเรามีแหล่งน้ำจำนวนมาก ดังนั้น ควรฝึกให้ลูกว่ายน้ำเป็นจะดีที่สุดค่ะ
3. ทำกับข้าว
ไม่น่าเชื่อว่านี่ก็คือทักษะชีวิตที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งนะคะ แต่ทักษะนี้คงไม่ถึงกับต้องไปลงเรียนทำอาหาร แต่ให้คุณแม่ชวนลูก ๆ ไปเข้าครัวด้วยกันเพื่อช่วยกันทำอาหาร เริ่มจากเมนูง่าย หรือเป็นเมนูโปรดของลูกให้ลูกเริ่มช่วยล้างผัก ขยับขึ้นไปอาจจะให้ลูกช่วยปรุง ช่วยชิมรส นอกจากจะได้ความสนุกสนานแล้ว ลูกยังได้ความภาคภูมิใจด้วยค่ะ
4. ปลูกต้นไม้ ดอกไม้
ลูก ๆ ของเราคงรู้จักต้นไม้ ดอกไม้ หลากหลายชนิด แต่ถ้าเขาได้ลองปลูกและดูแลมันเองจะวิเศษขนาดไหน ถือเป็นการสอนเรื่องชีวิตให้กับลูกไปในตัว ถ้าเราดูแลเอาใจต้นไม้ดี รดน้ำ พรวนดิน ต้นไม้ก็จะเจริญเติบโตออกดอก ออกผล เหมือนกับคนเราก็เช่นกันควรดูแลทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจให้แข็งแรงและเป็นปกติ นอกจากนี้การปลูกต้นไม้ยังช่วยสอนเรื่องวิชาวิทยาศาสตร์ให้กับลูกไปในตัวอีกด้วย
5. อ่านหนังสือกันเถอะ
การอ่านหนังสือใช้ได้ดีกับทุกเพศทุกวัย การเลือกหนังสือดี ๆ มาอ่าน เหมือนกันการขุดสมบัติอันมีค่า ในช่วงปิดเทอมแบบนี้ลูก ๆ มีเวลาว่าง คุณพ่อคุณแม่ลองหาหนังสือดี ๆ อ่านสนุก พาลูกไปซื้อให้เขาเลือกเรื่องที่สนใจด้วยตนเอง แต่ที่สำคัญซื้อมาแล้วต้องกำหนดให้ลูกอ่านให้จบ ไม่ว่าจะกี่เล่มก็ตาม เมื่ออ่านจบแล้วก็อาจชวนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับเนื้อหาในหนังสือ เพื่อกระตุ้นให้ลูกฝึกคิดวิเคราะห์ได้ด้วย ที่สำคัญอย่ากำหนดเป็นหนังสือเรียนเท่านั้นนะคะ
อ่าน 10 ทักษะชีวิตที่เด็กทุกคนต้องเรียนรู้ ข้อ 6-10 คลิกหน้าต่อไป
6. ช่วยกันจัดข้าวของให้เข้าที่เข้าทาง
เริ่มจากภายห้องนอนของลูก โต๊ะ เตียง เก้าอี้ ตู้เสื้อผ้า มุมโปรดของลูก มันอาจจะรกหรือมีฝุ่นจับเต็มไปหมด ปิดเทอมอย่างนี้เป็นเวลาดี ๆ ที่จะ Big clean กันขนานใหญ่ โดยมีคุณแม่เป็นผู้นำทีม ให้ลูกได้มีส่วนร่วมในการทำความสะอาด และจัดสิ่งของให้เป็นระเบียบ เป็นการสอนให้ลูกได้เรียนรู้ด้วยว่าเมื่อข้าวของเป็นระเบียบ ก็ทำให้เราสะดวกในการหาสิ่งของเครื่องใช้ อาจช่วยกันจัดมุมในรูปแบบใหม่ ๆ ช่วยสร้างสีสันให้กับห้องอีกด้วย
7. เล่นกีฬาฮาเฮ
คุณพ่อคุณแม่ถือโอกาสปิดเทอมอย่างนี้ พาลูกไปเล่นกีฬาซึ่งอาจจะเป็นกีฬาที่เพิ่มเติมจากสิ่งที่ไม่ได้เรียนในชั้นเรียน พยายามให้ลูกได้รู้จักกีฬาอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากชั้นเรียน เช่น แบดมินตัน ปิงปอง ว่ายน้ำ เทควันโด มวยไทย ฟังดูอาจจะคิดว่าเด็กจะทำได้หรือ เดี๋ยวนี้กีฬาเหล่านี้มุ่งไปสอนเด็ก ๆ ก็มีจำนวนไม่น้อยเลยค่ะ เรียนรู้เพิ่มอย่างน้อยหนึ่งชนิดก่อนเปิดเทอม และหาโอกาสพาลูกไปออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
8. สุขสันต์หรรษากับแหล่งการเรียนรู้ใหม่ ๆ
แหล่งเรียนรู้ที่ว่านี้อาจเป็นสวนสาธารณะใกล้บ้าน เดินชมนกชมไม้ วิ่งเล่นไล่จับ ปีนป่ายเครื่องเล่น หรือจะพาลูกไปทัศนศึกษาพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจมีมากมาย ร่วมทำกิจกรรมตาง ๆ เช่น เข้าค่ายวิทยาศาสตร์ในช่วงปิดเทอม หรือการเดินทางท่องเที่ยวในวิธีใหม่ ๆ เช่น นั่งรถเมล์ รถตุ๊ก ๆ นั่งเรือ ปั่นจักรยาน หรือแม้แต่การเดินเท้า โดยเก็บรถยนต์ส่วนตัวไว้ที่บ้านก่อน ออกไปหาประสบการณ์ใหม่ ๆ เพิ่มเติมให้ชีวิตกันดีกว่าค่ะ
9. เก็บหนังสือของชั้นปีที่แล้วที่ไม่ได้ใช้ และเตรียมสำหรับชั้นปีต่อไป
ปิดเทอมแบบนี้ สิ่งที่เรียนมาปีที่แล้วและยังเก็บอยู่ในชั้นเคลียร์ออกมาเลยค่ะ ให้ลูก ๆ จัดชั้นเก็บหนังสือ เครื่องเรียนของตนเอง เอาของเก่าออกมาเก็บใส่กล่องให้เรียบร้อย จัดหนังสือใหม่ที่ซื้อมาเข้าไปแทน จัดวางให้เป็นระเบียบ เตรียมพร้อมรับเปิดเทอม
10. สำรวจว่าอุปกรณ์ที่จะต้องใช้ในเปิดเทอมใหม่ต้องเตรียมอะไรบ้าง
อย่างนี้ต้องวางแผน ให้ลูกจดรายการว่าต้องการซื้ออะไรเพิ่มเติม สิ่งไหนยังใช้ได้อยู่ สิ่งให้ต้องหามาเพิ่ม ให้จดเอาไว้เลย เพราะอาจลืมได้ เป็นการสอนให้ลูกรู้จักการวางแผนด้วย เช่น สำรวจดูว่าอุปกรณ์การเรียนขาดอะไรไหม หรือเสื้อผ้าชุดนักเรียนชำรุดหรือไม่ กระดุมขาด ซิปแตกหรือเปล่า หรือรองเท้าขาด ใส่ไม่ได้หรือไม่ จากนั้นก็วางแผนว่าแล้วจะแก้ไขอย่างไร บางอย่างซ่อมได้ บางอย่างต้องซื้อใหม่หรือไม่
แบบนี้ไม่ใช่เรื่องยากเลยนะคะ จึงอยากเชิญชวนคุณพ่อคุณแม่มาฝึกทักษะชีวิตให้กับลูก เริ่มตั้งแต่เรื่องง่าย ๆ เพื่อชีวิตที่ดีและมีคุณภาพของลูกต่อไปค่ะ อย่ารอช้า !!!!มาเริ่มกันเลยค่ะ
อ้างอิงข้อมูลจาก manager, factsforlifethai, taamkru
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ทฤษฎีหมวก 6 ใบ คืออะไร สอนลูกให้คิด เปิดมุมมองของลูกให้มองอย่างรอบด้าน
เทคนิคฝึกลูกให้มีวินัย เลิกนิสัยเล่นแล้วไม่เก็บ
ฝึกลูกให้มีวินัย 5 เรื่องง่ายๆที่ลูกของเราก็ทำได้