ช่วงตั้งครรภ์ 6 เดือน ควรกินอาหารมากขึ้นและในอาหารที่มีคุณภาพโดยกินอาหารให้หลากหลายและครบ 5 หมู่ เพราะในระยะนี้ลูกน้อยก็กำลังสร้างอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย สารอาหารที่เพียงพอ จะไปช่วยเพิ่มขนาดของอวัยวะที่ทารกกำลังเจริญเติบโต และมากพอที่จะทำให้สุขภาพของแม่แข็งแรงอยู่ได้ นอกจากอาหารและโภชนาการสำหรับแม่ท้องแล้ว วันนี้ theAsianparent พามาดู 100 สิ่งแม่ท้องต้องรู้ ตอนที่ 29 เช็คลิสต์แม่ท้อง ควรทำอายุครรภ์ 6 เดือน
เช็คลิสต์แม่ท้องควรทำอายุครรภ์ 6 เดือน
100 สิ่งแม่ท้องต้องรู้ ตอนที่ 29 เช็คลิสต์แม่ท้อง ควรทำอายุครรภ์ 6 เดือน
การเปลี่ยนแปลงของร่างกายตอนท้อง6เดือน
- ในช่วงเดือนที่ 6 ของการตั้งครรภ์นั้น น้ำหนักของคุณแม่ท้องจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และด้วยเหตุนี้เอง จึงอาจทำให้คุณแม่ท้องรู้สึกหิวมากกว่าปกติ โดยในช่วงนี้ร่างกายของคุณแม่ท้องต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นประมาณ 500 แคลอรีต่อวัน
- ปริมาณเลือดในร่างกายเพิ่มขึ้น
- มดลูกอาจมีการหดรัดตัวเป็นก้อนแข็งนูนอยู่เป็นระยะ แต่ไม่มีอาการเจ็บปวด ซึ่งอาการที่เกิดขึ้นนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติของคนท้อง6เดือน
- คุณแม่ท้องบางคนอาจมีอาการตะคริว แนะนำว่าเมื่อแม่ท้องเกิดอาการตะคริวขึ้นบริเวณน่อง ต้นขา และปลายเท้า ให้คุณแม่ท้องกระดกปลายเท้าขึ้น จะทำให้กล้ามเนื้อที่จับตัวเป็นก้อนนั้นตึง และค่อย ๆ คลายตัวออก ทำให้อาการเป็นตะคริวดีขึ้น
- ขนาดครรภ์ที่ใหญ่ขึ้น บวกกับการดิ้นของทารกในช่วงเดือนที่6นี้ อาจทำให้คุณแม่ท้องเกิดอาการปวดชายโครงได้
เช็คลิสต์แม่ท้อง ควรทำอายุครรภ์ 6 เดือน
1. อาหารที่ไม่ควรทาน
อาหารที่ไม่ควรทานในช่วงท้อง6เดือน มีดังนี้
- เนื้อสัตว์ปรุงไม่สุก รวมถึงไข่ดิบ และอาหารที่มีไข่ดิบเป็นส่วนประกอบ
- ผลิตภัณฑ์จากนมที่ไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์
- ปลาบางชนิดที่อาจมีสารปรอทในระดับสูง เช่น ปลาอินทรี ปลาดาบ ส่วนปลาทูน่า ที่นิยมรับประทานกัน บางครั้งก็อาจพบสารชนิดนี้ได้เช่นกัน ดังนั้น ถ้าจะให้ดีก็ไม่ควรรับประทานบ่อยครั้งจนเกินไป
- นอกจากอาหารที่ไม่ควรทานในช่วงท้อง6เดือนแล้ว คุณแม่ท้องควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในสัดส่วนที่เหมาะสม โดยเน้นผัก ผลไม้ อาหารที่มีโปรตีนสูง และดื่มน้ำให้มาก
2. ไม่หายามาทานเองโดยไม่จำเป็น
เช็คลิสต์แม่ท้องควรทำอายุครรภ์ 6 เดือน
แม้ว่ายาบางชนิดจะเป็นยาที่หาซื้อได้ทั่วไป หรือยาสามัญประจำบ้านก็ตาม ก็ไม่ควรซื้อหรือทานยาโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรเสียก่อน เพราะยาบางชนิดอาจเป็นอันตราย หรือส่งผลข้างเคียงร้ายแรงต่อทารกในครรภ์ได้ ดังนั้น การจะใช้ยาประเภทใดก็ตาม หรือแม้แต่อาหารเสริม และสมุนไพรใด ๆ จึงจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
3. หลีกเลี่ยงสถานที่เสี่ยง
หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีคนสูบบุหรี่ บริเวณที่มีสัตว์ที่เป็นพาหะของโรคอาศัยอยู่ การทำงานที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี รวมถึง งานบ้านที่ต้องสัมผัสกับสารเคมี เช่น ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด น้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำยาล้างเล็บ ยาฉีดยุง ซึ่งมีส่วนผสมที่เป็นอันตรายเมื่อสูดหายใจ หรือสัมผัสและดูดซึมผ่านผิวหนัง เพราะอาจเป็นอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์ได้
4. ห้ามบุหรี่ เหล้า สารเสพติด
ห้ามใช้สารเสพติด ห้ามสูบบุหรี่ รวมไปถึงหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด
5. ห้ามเครียด
เพราะความเครียดของคุณแม่ท้องนั้น จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของลูกน้อยในครภ์ และเพิ่มโอกาสแท้งบุตร กระตุ้นการผลิตสารเคมีและฮอร์โมนในร่างกาย ที่ทำให้หลอดเลือดแคบลง ทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงมดลูกไม่เพียงพอ ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของทารก โดยเด็กที่คลอดจากแม่ที่มีความเครียดสูง มักจะคลอดก่อนกำหนดและมีน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์
6. ห้ามใส่รองเท้าที่มีส้นสูงเกินไป
คุณแม่ท้องควรใส่รองเท้าที่มีส้นไม่สูงจนเกินไป เพราะขนาดท้องที่ใหญ่ขึ้นนั้น ส่งผลให้จุดศูนย์ถ่วงของคุณแม่ท้องเปลี่ยนไป เสี่ยงจ่อการหกล้มได้
7. ห้ามละเลยสัญญาณอันตราย
ในระหว่างตั้งครรภ์นั้น คุณแม่ท้องควรสังเกตความผิดปกติต่าง ๆ ของร่างกายที่อาจจะเกิดขึ้นได้อยู่เสมอ หากมีอาการผิดปกติใด ๆ ให้ใส่ใจ และระมัดระวังไว้ก่อน โดยควรไปพบแพทย์โดยเร็วหากมีสัญญาณผิดปกติเกิดขึ้น
อาหารบำรุงคนท้อง สำหรับแม่ท้อง 6 เดือน ดูแลลูกในครรภ์ยังไง?
ผลไม้ (Fruits)
Piush Mandhane นักเขียน และ รองศาสตราจารย์กุมารเวชศาสตร์ ที่คณะแพทย์ศาสตร์และทันตแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัลเบอร์ตาเผยว่า “เราสามารถระบุปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาความรู้ความเข้าใจ เราพบว่าหนึ่งในการพัฒนาความรู้ความเข้าใจคือปริมาณผลไม้ที่คุณแม่บริโภคในระหว่างตั้งครรภ์ยิ่งมีผลไม้มากเท่าไหร่การพัฒนาความรู้ความเข้าใจของเด็กและพัฒนาทางปัญญาของเด็กก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น” เพราะฉะนั้นหากแม่ท้องอยากให้ลูกฉลาดควรเพิ่มผลไม้ลงไปในมื้ออาหารนะคะ
โยเกิร์ต (Yogurt)
เช็คลิสต์แม่ท้องควรทำอายุครรภ์ 6 เดือน
คนท้องกินโยเกิร์ตทุกวัน ดีต่อสุขภาพแม่และลูก เพราะในโยเกิร์ต มีสารอาหาร ที่มีคุณประโยชน์หลายอย่างสำหรับคุณแม่ที่สามารถกินได้ในช่วงตั้งครรภ์ เช่น คนท้องกินโยเกิร์ตทุกวันดีต่อระบบขับถ่าย แก้ปัญหาที่มักมีอาการท้องผูก ท้องเสีย ท้องอืด ท้องเฟ้อในช่วงตั้งครรภ์ โพรไบติก (Probiotics) ในโยเกิร์ตจะช่วยป้องกันและบรรเทาอาการเหล่านี้ได้ ช่วยดูดซึมแร่ธาตุต่าง ๆ ดีขึ้นเช่น แคลเซียม วิตามินบี ทำให้คุณแม่และเจ้าตัวน้อยในท้องได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน ส่งผลให้มีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง
แคลเซียม (Calcium)
ถ้าอยากให้กระดูก ของลูกเติบโตอย่างแข็งแรง แล้วล่ะก็ แคลเซียมเป็นสิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยล่ะค่ะ นอกจากนมแล้ว ให้คุณแม่ทาน กีวี มัลเบอร์รี ผลฟิก และ อินทผาลัม ก็จะทำให้ได้รับแคลเซียม ได้เป็นอย่างดี
theAsianparent Thailand เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพและสังคมคุณแม่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและเอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่และเด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น theAsianparent Thailand ที่ติดตามการตั้งครรภ์ให้คุณแม่ได้ลงทะเบียนใช้งาน เพื่อติดตามพัฒนาการทารกตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุดและผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์และสื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่และเด็ก โภชนาการแม่และเด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว
การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และจิตวิทยาเด็ก theAsianparent Thailand เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้และมีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง
เพราะเราเชื่อว่า “พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแรง”
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ :
ชุดคลุมท้องทำงาน พาคุณแม่ชอปปิงชุดคลุมท้องสวย ๆ สุภาพ ใส่ไปทำงาน
เพิ่มกล้ามให้คุณพ่อ เปลี่ยนหุ่นหมู ให้เป็นหุ่นฟิต คู่มือออกกำลังของคุณพ่อ
แชร์ให้ลูกดู! น้องณิรินสอนวิธีแปรงฟันอย่างไรให้ถูกวิธี น่ารักมาก
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!