หนี้สินคือเรื่องที่ใครหลาย ๆ คนไม่ปรารถนาแต่เพื่อความอยู่รอดของครอบครัว คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ คนก็จำเป็นที่จะต้องทำ เมื่อถึงปลายเดือนก็ต้องปวดหัวกับยอดบัญชีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไหนจะหนี้บัตรเครดิต ไหนจะหนี้บัตรกดเงินสด ไหนจะหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลอีก กว่าจะหาทางออกในแต่ละเดือนได้ เรียกว่า ชักหน้าไม่ถึงหลังกันเลยทีเดียว แต่วันนี้รัฐบาลมีโครงการดีมาฝากทุก ๆ ครอบครัว โดยโครงการที่ว่านี้จะเป็นโครงการใหม่ที่มาสนับสนุนการปลดหนี้ด้วย “คลีนิกแก้หนี้” รายละเอียดจะมีอะไรบ้างนั้น เราไปอ่านพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
คลีนิกแก้หนี้คืออะไร?
คลีนิกแก้หนี้หรือโครงการแก้ปัญหาหนี้ส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน เป็นนโยบายของภาครัฐที่มีขึ้นเพื่อช่วยเหลือประชาชนรายย่อยที่มีหนี้ค้างชำระอยู่กับธนาคารพาณิชย์หลายแห่งให้มีโอกาสได้ปลดหนี้ โดยมีบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท หรือ บสส. หรือ SAM เป็นศูนย์กลางในการปรับโครงสร้างหนี้ ระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาหนี้สินกับธนาคารพาณิชย์ทั้งหลายให้ได้ข้อยุตินคราวเดียวคล้าย ๆ กับ One Stop Service เรียกได้ว่า “หนี้บัตรทบ จบที่เดียว”
โครงการคลีนิกแก้หนี้ที่ว่านี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้จับมือกับสมาคมธนาคารทั้งไทยและต่างชาติ เพื่อเปิดตัวคลีนิกดังกล่าวเป็นครั้งแรก มีผลเริ่ม 1 มิถุนายนนี้!
คุณสมบัติของผู้ที่เข้าร่วมมีอะไรบ้าง?
- เป็นบุคคลที่มีรายได้ประจำ
- มีอายุไม่เกิน 65 ปี (และต้องไม่เกินตลอดอายุที่อยู่ในโครงการ)
- มีหนี้รวมกันไม่เกิน 2 ล้านบาท
- มีหนี้กับธนาคารมากกว่า 2 แห่งใน 17 ธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ
- จะต้องเสียดอกเบี้ยตั้งแต่ 4% – 7% ต่อปีเท่านั้น
- มีหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน ค้างชำระเกิน 3 เดือนกับ 2 ธนาคารขึ้นไป และไม่ถูกฟ้องร้องดำเนินคดี
ธนาคารอะไรบ้างที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว
- ธนาคารกรุงเทพ
- ธนาคารไทยพาณิชย์
- ธนาคารกสิกรไทย
- ธนาคารกรุงไทย
- ธนาคารทหารไทย
- ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย
- ธนาคารไอซีบีซี
- ธนาคารเกียรตินาคิน
- ธนาคารแลนด์แอนด์เฮาส์
- ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ (ไทย)
- ธนาคารธนชาต
- ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย
- ธนาคารทิสโก้
- ธนาคารยูโอบี
- ซิตี้แบงก์
- แบงก์ออฟไชน่า
เงื่อนไขคืออะไร?
- ลูกหนี้ต้องไม่ก่อหนี้ใหม่เพิ่มในระยะเวลา 5 ปี
- พร้อมเรียนรู้การสร้างวินัยทางการเงินที่ดี
- เสียดอกเบี้ยเฉลี่ย 4-7 % ต่อปี (ตามช่วงรายได้) ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี
อัตราดอกเบี้ยการผ่อนชำระตามช่วงรายได้
- ผู้ที่มีรายได้ต่อเดือนไม่เกิน 30,000 บาทขึ้นไปเสียดอกเบี้ยปีละ 4%
- ผู้ที่มีรายได้ต่อเดือน 30,000 – 50,000 บาทขึ้นไป เสียดอกเบี้ยปีละ 5%
- ผู้ที่มีรายได้ต่อเดือน 50,000 – 100,000 บาทขึ้นไป เสียดอกเบี้ยปีละ 6%
- ผู้ที่มีรายได้ต่อเดือน 100,000 บาทขึ้นไป เสียดอกเบี้ยปีละ 7%
ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับประโยชน์อะไรบ้าง?
- ไม่ถูกทวงถามจากเจ้าหนี้หลายราย
- ลดภาระการผ่อนชำระต่อเดือน เพราะชำระเงินต้นค้างชำระ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราผ่อนปรนไม่เกิน 7% ตามช่วงรายได้ ระยะเวลาผ่อนชำระได้ไม่เกิน 10 ปี
- เป็นการรวมหนี้และผ่อนชำระในที่เดียว
- รู้จักวางแผนทางการเงินที่ดี
หากคุณพ่อคุณแม่ท่านใดสนใจเข้าร่วมโครงการคลีนิกแก้หนี้ที่ว่า สามารถดูรายละเอียดหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
www.คลีนิกแก้หนี้.com และ www.debtclinicsam.com
เบอร์ 02-610-2266 เปิดให้สอบถามทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30 น. ถึงเวลา 17.00 น.
ขอบคุณที่มาและรูปภาพจาก Thaijobsgov www.คลีนิกแก้หนี้.com และ www.debtclinicsam.com
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
ผู้เชี่ยวชาญเเนะนำ 4 เรื่องสำคัญ ที่ลูกจำเป็นต้องเรียนรู้จากพ่อแม่
เพราะโรงเรียนไม่มีสอน พ่อจึงชี้เส้นทางเศรษฐีให้กับลูก
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!