X
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
  • อยากท้อง
  • ตั้งครรภ์
    • คำนวณวันคลอด
    • ฉันกำลังตั้งครรภ์
    • ไตรมาสที่ 1
    • ไตรมาสที่ 2
    • ไตรมาสที่ 3
    • Project Sidekicks
    • ตั้งชื่อลูก
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • พัฒนาการลูก
    • ช่วงวัยของเด็ก
    • การศึกษา
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • อีเว้นท์
    • TAP Awards Winners
    • TAP idol
    • TAP x Safari Largest Treasure Hunt
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

อยากรู้ไหม ทารกเพศหญิงกับเพศชาย ต่างกันอย่างไร

บทความ 5 นาที
อยากรู้ไหม ทารกเพศหญิงกับเพศชาย ต่างกันอย่างไรอยากรู้ไหม ทารกเพศหญิงกับเพศชาย ต่างกันอย่างไร

นอกจากเรื่องของกายภาพแล้ว คุณแม่อยากรู้ไหมคะว่า ทารกเพศหญิงและทารกเพศชายนั้น มีความแตกต่างกันอย่างไร อยากรู้ไปอ่านบทความพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

นอกจากเรื่องของทางกายภาพ ที่บ่งบอกถึงความแตกต่างระหว่าง ทารกเพศหญิงกับเพศชาย แล้ว คุณพ่อคุณแม่ อาจจะเคยได้ยินคำบอกเล่าผ่านหูกันมาเป็นต้นว่า ทารกเพศหญิงจะพูดได้เร็วกว่า ทารกเพศชาย แต่ก็ไม่มีใครสามารสรุปได้ว่า คำบอกเล่าดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องจริง ถึงอย่างไร วันนี้เรามีข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับความแตกต่าง ทารกเพศหญิงกับเพศชาย มาฝากกันไปดูกันเลย

ทารกเพศหญิงกับเพศชาย

1. ทักษะในการเข้าหาสังคม มีนักวิจัยหลายคนลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า ทารกเพศหญิงนั้น จะสามารถเข้าหาผู้อื่นได้ง่ายกว่าทารกเพศชาย โดยทารกเพศหญิงนั้น จะชอบที่จะดูและศึกษาหน้าตาของผู้คนที่เธอพบเห็น ผิดกับทารกเพศชาย ที่พวกเขาจะชอบสนใจของเล่น และสิ่งของมากกว่า

2. ความสามารถด้านมิติสัมพันธ์ หมายถึงความสามารถในการรับรู้ตำแหน่งของสิ่งต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี จากการศึกษาพบว่า ทารกเพศชาย จะมีความสามารถในด้านนี้มากกว่าทารกเพศหญิง พวกเขาชอบที่จะดูและสังเกตว่าสิ่งไหนอยู่ที่ใด สามารถรับรู้ถึงมิติ อันได้แก่ รูปร่าง ความสูง-ต่ำ ใกล้-ไกล ได้ไวกว่าทารกเพศหญิง แต่นั่น ไม่ได้หมายความว่าทารกเพศหญิงผิดปกติ เพียงแต่ธรรมชาติของเพศหญิงนั้น จะชอบอยู่กับความสวยความงาม และโลกของแฟนตาซีมากกว่า การต้องมานั่งเล่นแต่เกมส์เหมือนกับเด็กผู้ช่ายนั่นเอง

3. การเลือกของเล่น อาจจะดูแปลกถ้าเห็นทารกเพศชายชอบเล่นตุ๊กตา ส่วนทารกเพศหญิงชอบเล่นรถไฟหรือรถถังกันใช่ไหม จริง ๆ แล้วเรื่องของการเล่นของเล่นนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลก ด้วยความที่พวกเขายังเด็กเล็กเกินไป จึงไม่สามารถแยกแยะได้ว่า ชิ้นไหนคือของเล่นสำหรับเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง แต่ที่แน่ ๆ ทารกเพศหญิงนั้น จะชอบที่เลือกเล่นของเล่นที่มีความหมายทางจิตใจมากกว่าที่จะเล่นของเล่นที่ดูแข็ง ๆ ไม่มีความอ่อนโยน

4. ทักษะการเดิน ปกติแล้ว ทารกจะเริ่มหัดเดิน ตั้งแต่ช่วงที่มีอายุระหว่าง 9 เดือนถึง 11 เดือน แต่ผู้ปกครองบางท่านก็บอกว่า ไม่จริงหรอก ทารกเพศชายสามารถเดินได้ไวกว่า ทารกเพศหญิง แต่บางครอบครัวก็บอกว่า ไม่จริง ทารกเพศหญิงเดินได้ไวกว่า ต่างหาก ทำให้เกิดข้อถกเถียงกันขึ้น ทั้งนี้ การที่ทารกจะเดินได้ไวหรือช้านั้น ขึ้นอยู่กับความพร้อมของทารกเอง รวมถึงสภาพร่างกาย และการฝึกฝนเป็นหลัก

5. ทักษาด้านการพูด จากผลการวิจัยพบว่า ทารกเพศหญิงจะเริ่มออกเสียงเป็นคำ ได้ไวกว่าทารกเพศชาย โดยจะเริ่มส่งเสียงเป็นคำได้ในช่วงอายุระหว่าง 18 เดือนถึง 2 ปี ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับ สภาพแวดล้อมเป็นหลักด้วยเช่นกัน

6. กิจกรรม ผลการวิจัย ของชาวแคนนาดาพบว่า ทารกเพศชาย จะชอบเล่นผาดโผน ชอบกระโดด วิ่งและ สนุกสนานกับการเล่นลูกบอลมากกว่า ผิดกับทารกเพศหญิง ที่จะชอบยืน และนั่งเล่นอยู่ในพื้นที่ และคลานไปรอบ ๆ มากกว่า

พ่อ แม่ ต้องรู้! เสริม พัฒนาการเด็ก 5 เดือน วิธี เสริมพัฒนาการของ ลูก น้อยวัย 5 เดือน

7. ความก้าวร้าว แน่นอนว่า ทารกเพศชายนั้น มีความก้าวร้าว มากกว่า ทารกเพศหญิง พวกเขาชอบความรุนแรง ผิดกับทารกเพศหญิงที่อาจจะมี ความก้าวร้าวอยู่บ้าง แต่แน่นอนว่า ไม่มีทางเท่ากับ ทารกเพศชายแน่ ๆ เว้นแต่ว่า สภาพแวดล้อม จะเป็นสิ่งจูงใจ

ลูกชายหรือลูกสาวดีกว่ากัน

ในยุคสมัยที่เทคโนโลยีก้าวล้ำจนทำให้เราสามารถเลือกเพศของเด็กในท้องได้ โอกาสที่พ่อแม่จะได้ลูกออกมาเป็นชายหรือหญิงจึงกำหนดได้ตั้งแต่ก่อนการตั้งครรภ์ ทั้งด้วยการใช้หลักการทางการแพทย์ไปจนถึงความเชื่อที่บอกเล่าต่อ ๆ กันมา ทำให้โอกาสของการได้เพศลูกตามใจพ่อแม่ได้ต่างจากเมื่อก่อน อย่างไรก็ตาม ข้อดีของการมีลูกชายหรือลูกสาวมีความแตกต่างกันออกไป

ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีเพศไหนที่จะสมบูรณ์แบบไปด้วยข้อดีเพียงอย่างเดียว ความพึงพอใจและสิ่งที่พ่อแม่วาดฝันเอาไว้กับลูกที่เกิดมาจึงมักจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าเพศไหนสำหรับพวกเขามีข้อดีมากกว่ากัน การเลี้ยงดูเด็กทั้งสองเพศจึงแตกต่างกันออกไปด้วย พ่อแม่ที่วาดหวังให้ลูกน้อยได้ดั่งใจจึงจำเป็นต้องเรียนรู้ทำความเข้าใจพัฒนาการความต่างของแต่ละเพศที่จะมีการเปลี่ยนแปลงกันตั้งแต่วินาทีแรกที่ทารกลืมตาขึ้นมาดูโลก เราอาจจะลองมาดูตัวเลือกที่จะเป็นข้อตัดสินใจบางส่วนให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ว่าการมีลูกผู้ชายหรือลูกผู้หญิงมีข้อดีแตกต่างกันออกไปอย่างไรบ้าง

ทำความเข้าใจกับการเลี้ยงลูกชายลูกสาว

เป็นเรื่องปกติที่พ่อแม่จะเลี้ยงลูกเพศชายและหญิงแตกต่างกันออกไป ซึ่งเด็กผู้ชายพ่อแม่มักจะแสดงออกกับลูกด้วยท่าทางที่ไม่อ่อนหวานหรือนุ่มนวลเหมือนเด็กผู้หญิง แต่ก็ยังมีการแสดงออกด้วยความเอ็นดูเช่นเดียวกัน เพราะจะเห็นว่าลูกชายจะต้องเป็นคนเข้มแข็งและมีความกล้าหาญ การร้องไห้ในเด็กผู้ชายจึงมักไม่ค่อยได้รับการปลอบโยนเท่าใดนัก ส่วนเด็กผู้หญิงพ่อแม่จะเห็นว่ามีความอ่อนแอมากกว่า ก็จะมีการผ่อนหนักเป็นเบาตามความเหมาะสม

พ่อแม่ที่เลี้ยงลูกได้อย่างถูกวิธีคือการพยายามแสดงพฤติกรรมที่เหมาะสมกับเพศของตัวเองให้ลูกเห็นอย่างชัดเจน พ่อต้องมีความเข้มแข็ง เป็นสุภาพบุรุษ อ่อนโยนต่อสตรีเพศ และมีอดทนอดกลั้นมากกว่า ส่วนแม่จะต้องทำหน้าที่เป็นคนที่คอยดูแลสิ่งต่าง ๆ ในบ้าน ทำหน้าที่ของความเป็นผู้หญิง มีความอ่อนหวาน พูดจาไพเราะ แต่งตัวเรียบร้อยมิดชิด ไม่พูดจาด้วยคำหยาบคาย และที่สำคัญทั้งพ่อและแม่จะต้องไม่แสดงพฤติกรรมรุนแรงให้ลูกเห็น การเติบโตของเด็กทั้งสองเพศในแต่ละช่วงวัยจะมีความแตกต่างกัน การรับรู้สิ่งแวดล้อมรอบตัวจึงแตกต่างกันออกไปด้วยตามลักษณะทางพฤติกรรมดังต่อไปนี้

ความแตกต่างด้านพัฒนาการของเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงตั้งแต่แรกคลอด

1. เมื่อใดก็ตามที่ทารกชายร้องไห้งอแง การปลอบจะยุ่งยากมากกว่าทารกผู้หญิง เด็กจะไม่ค่อยเชื่อฟังเสียงพูดของพ่อแม่เท่าใดนัก อาจจะต้องใช้เวลากว่าเด็กจะสงบลง อีกทั้งเมื่อใดก็ตามที่ได้ยินเสียงร้องไห้จากเด็กคนอื่น ลูกชายมักจะแสดงท่าทีร้องไห้ออกมาอีกได้ง่าย ส่วนในลูกผู้หญิงจะสามารถปลอบให้หยุดร้องได้ง่ายกว่า ซึ่งเนื่องมาจากพัฒนาการทางสมองที่รับรู้ภาษาของพ่อแม่ได้รวดเร็วกว่า แต่เมื่อได้ยินเสียงเด็กคนอื่นร้องไห้ เด็กผู้หญิงจะร้องไห้ตามนานมากกว่าเด็กผู้ชาย

2. ด้วยพัฒนาการด้านรับรู้ทางภาษา ทำให้การรับรู้เสียงของเด็กผู้หญิงรวดเร็วกว่า การหันมามองเพื่อหาต้นทางของเสียงจึงดีกว่าในเด็กผู้ชาย กรณีที่ได้ยินเสียงพ่อแม่เด็กผู้ชายจะชะงักและหันไปหาเสียงช้ากว่า

3. เด็กผู้หญิงมักจะเรียนรู้สิ่งรอบตัวได้รวดเร็ว สนใจสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัวตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งถือว่าเป็นการกระตุ้นพัฒนาการทางด้านสายตาได้ดีกว่า ส่วนในเด็กผู้ชายพ่อแม่ต้องพยายามกระตุ้นทักษะของพวกเขาให้มากขึ้นจึงจะช่วยเพิ่มทักษะทางด้านการมองเห็น ดังนั้นเด็กผู้หญิงจึงสามารถจ้องหน้าและรับรู้รูปลักษณ์ใบหน้าของพ่อแม่ได้ดีกว่า

4. เด็กผู้หญิงมีความสามารถในการจดจำใบหน้าได้ดีกว่าเด็กผู้ชาย แถมยังแยกแยะอารมณ์ทางสีหน้าของผู้คนได้มากกว่า ส่วนเด็กชายจะหันไปสนใจกับการแยกแยะความแตกต่างจากสิ่งรอบตัวเสียมากกว่า

5. เด็กผู้หญิงจะมีพัฒนาการในการทรงตัวได้ดีกว่า ดังนั้นจึงสามารถลุกขึ้นเดินได้เร็วกว่าในเด็กผู้ชาย

6. เด็กผู้ชายจะสนใจสิ่งรอบตัว พยายามเก็บรายละเอียดสิ่งต่าง ๆ และจดจำได้ดีกว่าเด็กผู้หญิง

7. พัฒนาการในการเจริญเติบโตทุกอย่าง ในเด็กผู้หญิงจะเป็นไปอย่างรวดเร็วกว่าในเด็กผู้ชาย แต่แม้จะมีพัฒนาการที่ช้ากว่า ทว่าเมื่อถึงระยะเวลาที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นทักษะทางด้านการพูด การฟัง การเดิน หรือทักษะด้านอื่น ๆ เด็กผู้ชายจะพัฒนาไปอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดดได้ดีกว่า

8. การเข้าสังคมสำหรับเด็กผู้หญิงแล้วจะเข้ากับเพื่อนฝูงได้ง่ายกว่า ชอบการพูดคุยและพบปะกับเพื่อนใหม่ ๆ ซึ่งนั่นก็เป็นตัวการที่มักทำให้เด็กผู้ชายมีปัญหาทางความเครียดมากกว่า และเกิดเป็นปัญหาทางด้านพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมตามมาได้ง่าย

9. เด็กผู้ชายมักจะชอบการเล่นที่เน้นการแข่งขันเอาชนะ ชอบการเล่นที่ให้ความรู้สึกตื่นเต้น ผาดโผนและเต็มไปด้วยพลังในการกระโดดโลดเต้นมากกว่า ในขณะที่เด็กผู้หญิงจะชอบเล่นอะไรที่มีความนุ่มนวล เรียบง่าย และเต็มไปด้วยจินตนาการเพ้อฝันมากกว่า

อยากรู้ไหม ทารกเพศหญิงกับเพศชาย ต่างกันอย่างไร

ข้อดีของการมีลูกผู้ชาย

1.  ใช้ชีวิตได้ปลอดภัยกว่า พ่อแม่ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยเท่ากับลูกผู้หญิง โดยเฉพาะเรื่องการถูกทำมิดีมิร้าย เพราะปัญหาส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นกับเด็กผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพศที่อ่อนแอกว่านั่นเอง

2. ดูแลได้ง่ายกว่า ดูแลง่ายในช่วงวัยเด็ก โดยเฉพาะการฉี่ที่ไม่ต้องห่วงเรื่องความสะอาดมากเท่ากับเด็กผู้หญิง เพราะทำความสะอาดได้ง่ายกว่า จึงลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและการสะสมของสิ่งสกปรกน้อยลง

3. พ่อแม่ส่วนใหญ่หวังพึ่งพิง เนื่องจากลูกชายมักจะมีความสามารถมากกว่าในการช่วยงานในสิ่งที่ผู้หญิงไม่สามารถทำได้ หรือไม่ค่อยมีความมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นการขับรถยนต์ การซ่อมแซมบ้านในส่วนต่าง ๆ ที่มีปัญหา มีลูกชายเอาไว้จึงเป็นเหมือนช่างประจำตัวของบ้านได้

4. ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องท้อง แน่นอนว่าการท้องเป็นหน้าที่ของผู้หญิง ดังนั้นพ่อแม่ทั้งหลายจึงไม่ต้องมาคอยนั่งปวดหัวกับการท้องก่อนแต่งของลูกชาย หรือท้องไม่มีพ่อ โตขึ้นมาจึงหมดห่วงในเรื่องนี้ไปได้

บทความจากพันธมิตร
น้องนดลต์ และน้องนภนต์ ฝาแฝดที่สูญเสียการได้ยินระดับรุนแรง กับโอกาสสำคัญที่พลิกชีวิตสมาชิกทั้งครอบครัว
น้องนดลต์ และน้องนภนต์ ฝาแฝดที่สูญเสียการได้ยินระดับรุนแรง กับโอกาสสำคัญที่พลิกชีวิตสมาชิกทั้งครอบครัว
BASIS Bangkok โรงเรียนนานาชาติชั้นนำระดับโลก ที่ปูพื้นฐานความเป็นเลิศตั้งแต่ระดับชั้นเด็กเล็ก
BASIS Bangkok โรงเรียนนานาชาติชั้นนำระดับโลก ที่ปูพื้นฐานความเป็นเลิศตั้งแต่ระดับชั้นเด็กเล็ก
เช็กให้ชัวร์ลูกสูงตามเกณฑ์
เช็กให้ชัวร์ลูกสูงตามเกณฑ์
เคล็ดลับกระตุ้นพัฒนาการลูก จากการอาบน้ำด้วยฝักบัวทารกและเด็กเล็ก PUREDOT ZERO WATER
เคล็ดลับกระตุ้นพัฒนาการลูก จากการอาบน้ำด้วยฝักบัวทารกและเด็กเล็ก PUREDOT ZERO WATER

5. หางานได้ง่ายกว่าผู้หญิง ผู้ชายส่วนมากมีโอกาสเติบโตในสังคมเป็นเจ้าคนนายคนได้ดีกว่า การมีลูกชายจึงเปิดโอกาสให้เหล่าพ่อแม่วาดฝันเอาได้ว่าลูกจะมีความสามารถเจริญกว่าหน้าในหน้าที่การงานของตัวเองได้ โอกาสเอาตัวรอดในเรื่องนี้จึงมีสูง

6. ช่วยทำให้บ้านปลอดภัย การมีลูกชายช่วยทำให้บ้านดูปลอดภัยมากกว่าการมีแค่ผู้หญิงอยู่ เมื่อพวกเขาโตขึ้นจึงทำหน้าที่เหมือนบอดี้การ์ดคอยปกป้องครอบครัวจากอันตรายได้บ้าง

7. ทำหน้าที่สืบสกุล ด้วยวัฒนธรรมของไทย การแต่งงานคือการสืบสกุลชาติตระกูลของตัวเอง ผู้หญิงจึงจำเป็นต้องหันมาใช้นามสกุลของผู้ชาย (แม้ในปัจจุบันจะมีทางเลือกตามความสมัครใจก็ตาม) มากกว่า ซึ่งถือว่าเป็นข้อได้เปรียบเมื่อมีการจดทะเบียนสมรสเกิดขึ้น สกุลของบ้านที่มีลูกชายก็จะสามารถถูกสืบทอดต่อไปได้

8. ได้บวชเรียนให้กับพ่อแม่ได้ พ่อแม่ที่มีลูกชายย่อมคาดหวังที่จะได้เห็นพวกเขาบวชเพื่อพวกตนสักครั้งหนึ่งในชีวิต เป็นความเชื่อตามประเพณีไทย พ่อแม่จะรู้สึกดีใจมากเมื่อลูกบวชตามกำหนดเมื่อครบอายุ ให้พวกตนได้เกาะชายผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์

ข้อดีของการมีลูกผู้หญิง

1. มีเสื้อผ้ามากมายให้เลือกใส่ ด้วยชุดเสื้อผ้าสำหรับเด็กผู้หญิงมีให้เลือกมากกว่า คุณแม่จึงสามารถแต่งตัวให้ลูกสาวได้หลากหลาย แถมแต่ละชุดก็ดูน่ารักน่าชัง จะเปลี่ยนเป็นเจ้าหญิงตัวน้อย ๆ หรือตัวการ์ตูนแสนน่ารักก็ได้ตามใจชอบ

2. สนิทกับคุณแม่มากกว่าคุณพ่อ คุณแม่ส่วนใหญ่จึงสามารถกอดหอมลูกไปได้แบบไม่เขินอาย แม้เด็ก ๆ จะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตาม การแสดงออกทางความรักระหว่างแม่ลูกจึงดูเป็นอะไรที่อบอุ่นมากเป็นพิเศษ

3. เป็นเพื่อนสนิทให้กับคุณแม่ ลูกผู้หญิงกับแม่เป็นเพศเดียวกัน ดังนั้นเมื่อใดที่ทั้งสองผูกพันและสนิทสนม คุณแม่ก็จะได้ไม่รู้สึกเหงา มีความสุขกับการได้มีเพื่อนเที่ยว เพื่อนกิน หรือแม้แต่คนที่คอยช่วยเลือกเสื้อผ้าและเครื่องสำอางไปด้วยกัน

4. มีความอ่อนโยน เด็กผู้หญิงมีพฤติกรรมที่อ่อนโยนมากกว่าในเด็กผู้ชาย มีนิสัยขี้อ้อน มีความอ่อนโยน อ่อนหวาน และมีมุมที่น่ารักจนคุณพ่อและแม่ต้องอมยิ้มอยู่บ่อย ๆ จึงทำให้พวกเขาดูน่ารัก น่าทะนุถนอม

5. เลี้ยงง่ายกว่า ลูกผู้หญิงส่วนมากซนน้อยกว่าและเชื่อฟังได้ดี มีความเมตตากรุณา จะสร้างลักษณะนิสัยพื้นฐานของตนเองโดยมีแม่เป็นตัวอย่าง จึงทำให้พ่อแม่เหนื่อยน้อยกว่าการเลี้ยงลูกชายที่มักจะซนเป็นลิงอยู่บ่อย ๆ

6. ช่วยทำงานบ้านได้ดี เด็กผู้หญิงจะทำงานเป็นระเบียบและมีความละเอียดอ่อนได้ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดบ้าน ซักผ้า พับผ้า และงานบ้านอื่น ๆ พวกเขาสามารถใส่ใจกับรายละเอียดในจุดเล็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี จึงช่วยแบ่งเบาภาระของคุณแม่ให้น้อยลงได้

8. ติดพ่อแม่มากกว่า เด็กผู้หญิงส่วนมากจะติดพ่อแม่มากกว่าเด็กผู้ชาย จะชอบพูดคุยอยู่กับพ่อแม่ แต่เด็กผู้ชายมักจะหันเหจุดสนใจของตัวเองไปที่ของเล่น ที่สำคัญสังคมส่วนใหญ่ที่พบเมื่อเด็กผู้หญิงโตขึ้นก็มักจะให้ความสำคัญกับการดูแลครอบครัว ใส่ใจในรายละเอียด ไม่ค่อยปล่อยปละละเลยพ่อแม่ในยามแก่ชรา

9. สอนง่ายกว่าเด็กผู้ชาย เพราะมีพัฒนาการในการเรียนรู้และทำความเข้าใจสิ่งต่าง ๆ รอบตัวได้ดีกว่า พวกเขาจึงเชื่อฟังและทำตามอย่างง่ายดาย ไม่ค่อยแสดงออกด้วยพฤติกรรมต่อต้านที่ก้าวร้าว

10. ช่วยดูแลน้อง ๆ หากคุณแม่มีน้องเพิ่ม ลูกผู้หญิงคนโตจะสามารถทำหน้าที่แบ่งเบาภาระ ช่วยเลี้ยงน้องได้อีกแรง เพราะด้วยเป็นเพศหญิงด้วยกันจึงเข้าใจถึงการเลี้ยงดูเด็กที่เป็นสัญชาตญาณติดตัวมาของผู้หญิงอยู่แล้วนั่นเอง

11. เสี่ยงต่อการติดยาเสพติดน้อยกว่า ลูกผู้หญิงส่วนใหญ่หากเลี้ยงให้ดีแล้ว ก็จะช่วยให้พวกเขาสามารถเติบโตขึ้นเป็นเด็กที่ดีได้ง่าย โดยเฉพาะความเสี่ยงที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและสิ่งไม่ดี มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยกว่า

12. บ้าพลังน้อยกว่า เพราะความอ่อนโยนเป็นพื้นฐานในตัวผู้หญิง เด็ก ๆ จึงมีโอกาสน้อยที่จะเข้าไปสร้างการทะเลาะวิวาท ชกต่อยกับเพื่อน ๆ เหมือนเด็กผู้ชาย

13. มีความระมัดระวัง ลูกผู้หญิงจะมีความระมัดระวังในการทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยความไม่ประมาท จึงทำให้ความเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายได้น้อยกว่า ต่างจากเด็กผู้ชายที่ชอบความท้าทาย ผาดโผน จึงไม่ค่อยระมัดระวังตัวเองทำให้พ่อแม่เป็นห่วงอยู่บ่อย ๆ

ข้อดีของการมีลูกชายหรือลูกสาวของแต่ละครอบครัวจึงแตกต่างกันออกไป ซึ่งถือว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสีย บางคู่รักก็ชอบเด็กผู้หญิง บางคู่ก็ชอบเด็กผู้ชายมากกว่า ตามการปลูกฝังมาจากครอบครัวและประสบการณ์ที่ตนเองมี ถึงอย่างไรก็ตามไม่ว่าลูกที่ออกมาจะเป็นเพศไหน การเลี้ยงดูเป็นหนึ่งในปัจจัยที่จะช่วยส่งผลให้เด็กเลี้ยงง่ายหรือยากพฤติกรรมแต่ละเพศของลูก ๆ จึงเป็นสิ่งที่พ่อแม่จำเป็นต้องเรียนรู้ทำความเข้าใจถึงจุดต่าง การเลี้ยงดูอย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นลูกผู้หญิงหรือชายก็จะทำให้พ่อแม่สบายใจและมีความสุข ดังนั้นหากไม่ได้เพศของลูกอย่างที่ตั้งใจไว้ ขอแค่ให้คุณพ่อและแม่เลี้ยงดูเขาให้ดี ก็จะทำให้ลูก ๆ เป็นคนดีของครอบครัวและสังคม ได้เห็นพวกเขาเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์แบบได้ไม่แพ้กันอย่างแน่นอน

ที่มาจาก : www.si.mahidol.ac.th

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

10 ข้อดีของ การมีลูกชาย มีลูกชายดียังไง มีลูกชาย โชคดีจริงไหม?

เคล็ดลับน่ารู้ ชวนสามีทำลูกสาว ท่าทำลูกสาว เคล็ดลับ อยากมีลูกสาวทำไง!

ชื่อภาษาอังกฤษ สำหรับลูกแฝด ชายหญิง , หญิงหญิง , ชายชาย ไอเดียตั้งชื่อ ลูกแฝด

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

Muninth

  • หน้าแรก
  • /
  • พัฒนาการลูก
  • /
  • อยากรู้ไหม ทารกเพศหญิงกับเพศชาย ต่างกันอย่างไร
แชร์ :
  • ทำความเข้าใจ พัฒนาการ ลูกสาว vs ลูกชาย ต่างกันอย่างไร

    ทำความเข้าใจ พัฒนาการ ลูกสาว vs ลูกชาย ต่างกันอย่างไร

  • คนท้องอ้วน VS คนท้องบวมต่างกันอย่างไร

    คนท้องอ้วน VS คนท้องบวมต่างกันอย่างไร

  • ฝีดาษลิง เสี่ยงเสียชีวิตสูงในกลุ่มเด็กเล็ก ป้องกันได้อย่างไร ?

    ฝีดาษลิง เสี่ยงเสียชีวิตสูงในกลุ่มเด็กเล็ก ป้องกันได้อย่างไร ?

  • 10 ท่วงท่าสู่จุดสุดยอด Woman On Top ท่าเซ็ก ผู้หญิงอยู่บน 10 ท่ายาก จัดเต็ม

    10 ท่วงท่าสู่จุดสุดยอด Woman On Top ท่าเซ็ก ผู้หญิงอยู่บน 10 ท่ายาก จัดเต็ม

app info
get app banner
  • ทำความเข้าใจ พัฒนาการ ลูกสาว vs ลูกชาย ต่างกันอย่างไร

    ทำความเข้าใจ พัฒนาการ ลูกสาว vs ลูกชาย ต่างกันอย่างไร

  • คนท้องอ้วน VS คนท้องบวมต่างกันอย่างไร

    คนท้องอ้วน VS คนท้องบวมต่างกันอย่างไร

  • ฝีดาษลิง เสี่ยงเสียชีวิตสูงในกลุ่มเด็กเล็ก ป้องกันได้อย่างไร ?

    ฝีดาษลิง เสี่ยงเสียชีวิตสูงในกลุ่มเด็กเล็ก ป้องกันได้อย่างไร ?

  • 10 ท่วงท่าสู่จุดสุดยอด Woman On Top ท่าเซ็ก ผู้หญิงอยู่บน 10 ท่ายาก จัดเต็ม

    10 ท่วงท่าสู่จุดสุดยอด Woman On Top ท่าเซ็ก ผู้หญิงอยู่บน 10 ท่ายาก จัดเต็ม

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
    • ก่อนตั้งครรภ์
    • การคลอด
    • ระยะการตั้งครรภ์
    • การคลอด
  • พัฒนาการลูก
    • ทารก
    • เด็กก่อนเข้าเรียน
    • ช่วงวัยของเด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • การวางแผนการเงิน
    • การเลี้ยงลูก
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • นมแม่และนมผง
  • โภชนาการ
    • สินค้าเด็ก
    • นมผง
    • เมนูอาหาร
    • สินค้าแม่
  • เพิ่มเติม
    • TAP สังคมออนไลน์
    • ติดต่อโฆษณา
    • ติดต่อเรา
    • Influencer Marketing (KOL)
    • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Sri-Lanka flag Sri Lanka
  • India flag India
  • Vietnam flag Vietnam
  • Australia flag Australia
  • Japan flag Japan
  • Nigeria flag Nigeria
  • Kenya flag Kenya
© Copyright theAsianparent 2022. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

theAsianparent heart icon
เราต้องการส่งแจ้งเตือนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดูแลทารกและสุขภาพไปให้กับคุณ