เนื่องในโอกาสวันหัวใจโลก (World Heart Day) วันที่ 29 กันยายนของทุกปี สมาพันธ์หัวใจโลก (World Heart Federation : WHF) และฟิลิปส์ ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมดูแลสุขภาพและพันธมิตรหลักของสมาพันธ์ฯ ร่วมรณรงค์ให้ผู้คนได้ตระหนักถึงความสำคัญของโรคหัวใจ พร้อมให้ความรู้เกี่ยวกับความเสี่ยงของโรคหัวใจและวิธีการดูแลสุขภาพอย่างถูกต้อง
ปัจจุบันพบว่าโรคหัวใจไม่ได้เป็นโรคที่เกิดขึ้นเฉพาะในผู้สูงอายุ เพราะจากผลสำรวจพบว่า 1 ใน 10 ของคนอายุระหว่าง 30 – 70 ปี มีสาเหตุการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด[3] และจากสถิติขององค์การอนามัยโลกพบว่าปัจจุบันร้อยละ 39 ของผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป มีภาวะน้ำหนักเกิน และร้อยละ 13 ของคนเหล่านั้นเป็นโรคเบาหวาน[4] ในขณะที่ผลสำรวจของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ยังพบว่าเด็กไทยวัยประถมร้อยละ 66 มีภาวะไขมันในเลือดสูง และร้อยละ 20 มีภาวะอ้วน[5] ซึ่งภาวะดังกล่าวเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจมากขึ้นในอนาคต ส่งผลให้คาดการณ์ว่าผู้ป่วยโรคหัวใจจะเพิ่มมากขึ้นและมีอายุน้อยลง โดยสาเหตุหลักเกิดจากพฤติกรรมของคนในยุคปัจจุบันที่นิยมรับประทานอาหารสำเร็จรูป อาหาร Junk Food อาหารรสหวาน มัน เค็ม จัด หรืออาหารที่มีปริมาณแคลอรี่ ไขมัน น้ำตาล และเกลือสูง จึงก่อให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง ไขมันสูง น้ำตาลในเลือดสูง และเบาหวาน[6] ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
ศาสตราจารย์ เดวิด วู้ด ประธานสมาพันธ์หัวใจโลก กล่าวว่า “ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา สาเหตุหลักของโรคหัวใจและหลอดเลือดที่คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลก เกิดจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของคนในยุคปัจจุบัน ที่มีการสูบบุหรี่เพิ่มมากขึ้น การนิยมรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ และการออกกำลังกายที่น้อยลง ไลฟ์สไตล์เหล่านี้ส่งผลต่อสุขภาพ และการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในสมอง ดังนั้น แนวทางง่ายๆ สำหรับลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ คือ งดการสูบบุหรี่ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น หลีกเลี่ยงอาหารหวานมันเค็ม อาหาร แปรูป และอาหารสำเร็จรูป และหมั่นออกกำลังกาย เพียงเท่านี้ เราก็จะมีสุขภาพที่ดี และลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดสมองได้”
จะเห็นได้ว่าพฤติกรรมการบริโภคนั้น ส่งผลต่อสุขภาพเราอย่างมาก แต่เป็นธรรมดาที่เรามักจะอยากรับประทานอาหารที่ไม่เพียงแต่สุขภาพดี แต่ยังได้รสชาติอร่อยด้วย โดยเฉพาะเด็กๆ ที่ชอบรับประทานอาหารทอด ลองปรับเปลี่ยนเมนูอาหารเดิมๆ ด้วยการใช้หม้อทอดอากาศ Philips Airfryer ที่ทอดอาหารได้ด้วยอากาศและสามารถลดไขมันสูงสุดถึงร้อยละ 80[7] ดีต่อสุขภาพกว่าทางเลือกเดิมๆ แต่ยังคงให้อาหารได้รสชาติที่อร่อย เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว เพื่อที่เราจะได้มีสุขภาพหัวใจที่แข็งแรงไปด้วยกัน
[1] World Health Organization Factsheet, July 2017: www.who.int/mediacentre/factsheets/fs317/en/
[2] กระทรวงสาธารณสุขไทย, 2560
[3] World Health Organization, 2012
[4] World Health Organization: https://www.who.int/mediacentre/factsheets/fs311/en/
[5] สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.): https://www.fhpprogram.org/news-preview/54
[6] World Health Organization Factsheet, July 2017: www.who.int/mediacentre/factsheets/fs317/en/
[7] เมื่อเทียบกับการทอดมันฝรั่งสดในน้ำมันท่วม
ภาพและข้อมูลมีลิขสิทธิ์เจ้าของโดย บริษัท ทิคเกิ้ลมีเดีย จำกัด ไม่อนุญาตให้คัดลอกข้อมูล และรูปภาพนำไปเผยแพร่ต่อ ไม่ว่าวิธีใดๆ ถ้าฝ่าฝืนทางบริษัทฯจะดำเนินการตามกฎหมาย เว้นแต่ได้มีการขออนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรกับทางบริษัทฯเรียบร้อยแล้ว
บทความที่น่าสนใจ
เป็นโรคหัวใจแล้วท้อง เลือกคลอดแบบไหน ทารกในครรภ์ อันตรายหรือไม่ วิธีดูแลตัวเองหลังคลอด
เตือนภัยจากมือถือและแท็บเล็ต กรมสุขภาพจิตแนะ นั่งให้น้อย เล่นให้เยอะ
เลี้ยงลูกแบบธรรมชาติ ช่วยกระตุ้นพัฒนาการให้รุดหน้าจริงหรือ?