ความภูมิใจสูงสุดของคุณ แม่ ทุกคน คือการได้เห็นความสำเร็จของลูก ทั้งในเรื่องของการศึกษา และอาชีพการงาน
แต่กว่าจะถึงวันนั้น…คงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทั้งคุณแม่และคุณลูกคงต้องพยายาม ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มากมาย เพื่อทำความฝันให้กลายเป็นจริง วันนี้เรามีเคสความสำเร็จของคุณแม่นา กับน้องทราย คณาวรรณ แก้วนพรัตน์ นิสิตจุฬาลงกรณ์ คณะทันตแพทย์ ปี 6 ที่เคยได้คะแนน Admission ลำดับที่ 3 ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 3
ลองมาฟังเคล็ดลับการเลี้ยงลูกให้เรียนเก่งของคุณแม่นากันดีกว่าค่ะ
“ตั้งแต่ตอนลูกยังเล็กๆ คติการเลี้ยงลูกของแม่มีข้อเดียวเลย คือเลี้ยงลูกให้เค้ามีความสุขที่สุด”
คุณแม่นากล่าวพร้อมรอยยิ้ม แต่การเลี้ยงลูกให้มีความสุขคงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะลูกต้องกล้าเปิดอกพูดคุยกับแม่ในทุกเรื่อง และในมุมของคุณแม่ก็ต้องยอมรับ และรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างของลูกเช่นกัน แต่อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ คุณแม่นาเปิดโอกาสให้ลูกมีอิสระทางความคิดในการใช้ชีวิตอีกด้วย “แม่จะไม่มีการบังคับให้น้องทรายทำนู่นนี่ และไม่เคยกำหนดว่าต้องเป็นอะไร หรือว่าต้องเรียนอะไร แม่จะคอยให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษา ไม่ใช่เรื่องการเรียนอย่างเดียว แต่เราคุยกันทุกเรื่องเลยค่ะ”
ในฐานะที่คุณแม่นามีอาชีพเป็นครู แต่คุณแม่ก็ไม่ได้มีเคล็ดลับหรือเข้มงวดเรื่องการเรียนกับน้องทรายอะไรมากนัก “แม่ไม่ค่อยได้แนะนำอะไรมาก ส่วนใหญ่แม่ให้น้องทรายตัดสินใจเอง แต่แม่จะคอยสนับสนุนอยู่ข้างหลังมากกว่า เช่น ถ้าช่วงไหนน้องทรายต้องอ่านหนังสือหนัก แม่ก็จะคอยเตรียมเรื่องอาหาร และคอยให้กำลังใจเขาอยู่เสมอค่ะ”
ว่ากันว่าช่วงเรียนตอนมัธยมฯ ปลาย และก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัย เป็นช่วงเวลาที่หนักที่สุด สำหรับเด็กนักเรียนทุกคน น้องทรายก็เจอปัญหาเดียวกับคนอื่นเช่นกัน คุณแม่นาเล่าย้อนให้ฟังถึงช่วงเวลานั้น “ตอนนั้นน้องทรายต้องอ่านหนังสือเยอะมาก ยิ่งช่วงก่อนเข้ามหาวิทยาลัยต้องเรียนพิเศษหนักมากเกือบทุกวัน แถมยังต้องกลับมาทบทวนต่อที่บ้านอีก” น้องทรายพูดเสริมต่อว่า “ช่วงนั้นพักผ่อนน้อยมากค่ะ สมองเบลอไปเหมือนกัน จริงๆ แล้วทรายก็มีปัญหาในเรื่องของสมาธิเหมือนกัน คือทรายจะจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้แค่ช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้เวลาที่อ่านหนังสือไปเยอะๆ แล้วจะลืม จำเนื้อหาไม่ค่อยได้ เลยต้องอ่านซ้ำหลายรอบค่ะ”
ขณะที่ลูกสาวอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อกับการเรียน การสนับสนุนจากคุณแม่ถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก นอกจากแนะนำเคล็ดลับการเรียนและให้กำลังใจลูกสาวแล้ว สิ่งที่คุณแม่นาดูแลเพิ่มเติมให้กับน้องทรายก็คือเรื่องของอาหารการกิน “ช่วงที่ต้องเรียนหนักแบบนี้ แม่คิดว่าสุขภาพเป็น สิ่งสำคัญมาก เลยอยากดูแลร่างกายของเขาให้แข็งแรงค่ะ แต่แม่ก็ไม่ค่อยมีเวลา ไม่สามารถทำอาหารที่มีประโยชน์ดีๆ ให้เขาทานได้ทุกมื้อ แม่คิดว่าอาหารเสริมที่มี DHA กับวิตามินรวมที่เหมาะกับวัยของเค้านี่แหละเป็นตัวช่วยที่สำคัญของน้องทราย เพราะทำให้น้องได้รับสารอาหารที่เพียงพอและครบถ้วนในทุกๆ วัน”
คุณแม่นาใช้เวลาหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสมอง และยี่ห้ออาหารเสริมที่น่าเชื่อถือ และมีคุณภาพการผลิตที่ดี เพื่อต้องการให้น้องทรายได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วน “จริงๆ แล้วสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสมองมีเยอะมาก และมีหลากหลายยี่ห้อ ทีแรกแม่ก็เลือกไม่ถูก แต่พอได้มีการศึกษาหาข้อมูลอย่างจริงจัง ประกอบกับดูรีวิวจากผู้ที่ทานอาหารเสริมจริงๆ ทำให้แม่ตัดสินใจเลือกแบรนด์ Blackmores เพราะเป็นแบรนด์อาหารเสริมชื่อดัง นำเข้าจากออสเตรเลีย มีคุณภาพในการผลิตสูง และมีการคัดสรรวัตถุดิบมาเป็นอย่างดี แม่เลยเชื่อใจในแบรนด์นี้ ส่วนอาหารเสริมที่เลือกให้น้องทรายคือ Blackmores Omega Me น้ำมันปลาที่มีทั้ง DHA และโอเมก้า-3 600 มิลลิกรัมเข้มข้น นอกจากตัว Omega Me แล้ว แม่ยังให้น้องทรายทานวิตามิน 12+ Multi ควบคู่กันไปด้วย เพราะน้องโตขึ้นก็ควบคุมอาหารแม่ก็ห่วงว่าเค้าจะได้สารอาหารครบไหม เลยหาวิตามินรวมที่น่าจะเหมาะกับวัยของลูก”
เมื่อทราบเคล็ดลับการดูแลลูกของคุณแม่นาแล้ว ลองมาดูในส่วนของน้องทรายกันบ้างว่าเคล็ดลับที่ทำให้น้องเรียนเก่ง และจดจำเนื้อหาได้ดีมีอะไรบ้าง “อย่างแรกเลยก็คือต้องอ่านหนังสือเยอะๆ จดจำประเด็นสำคัญให้ได้ และฝึกฝนปฎิบัติจริง แต่อ่านหนังสืออย่างเดียวอาจทำให้สมองล้าเกินไป เคล็ดลับของทรายก็คือไปออกกำลังกาย เพื่อผ่อนคลายสมองและยังได้ฟิตร่างกายให้แข็งแรงขึ้นด้วย สิ่งสุดท้ายที่สำคัญอีกอย่างก็คือ การทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและสมอง พักผ่อนให้เพียงพอ เพราะเมื่อเรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และสมองได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เราก็จะมีความพร้อมในการรับรู้และจดจำได้ดีมากขึ้นค่ะ ข้อนี้ทรายคอนเฟิร์มค่ะ”
ในที่สุดการดูแลที่ดีของคุณแม่นาก็มอบผลลัพธ์ที่ดีให้กับน้องทราย ทำให้น้องทรายประสบความสำเร็จใน
การเรียนระดับชั้นมัธยมฯ ปลาย “แม่คิดว่าการเตรียมความพร้อมให้กับร่างกาย คือปัจจัยที่สำคัญที่สุด เพราะแม่
สังเกตเห็นได้ว่าน้องทรายมีความพร้อมในการเรียนรู้มากขึ้น มีสมาธิเวลาเรียน และจดจ่อกับหนังสือได้มากขึ้น ที่ดีใจที่สุดก็คือน้องทรายสอบติดคณะที่ตัวเองตั้งใจไว้ และได้คะแนนฟิสิกส์อยู่ในลำดับ 50 คนแรกของประเทศ” คุณแม่นาตอบด้วยรอยยิ้ม “แม่ภูมิใจในตัวเขามาก ไม่ใช่เพราะเขาสอบได้คะแนนสูง แต่เป็นเพราะเขาตั้งใจทำอะไรสักอย่างจนสำเร็จ แม่ดีใจที่เขาทำได้”
การได้เข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย นับเป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวไปสู่อาชีพที่น้องทรายใฝ่ฝันไว้ นั่นคือการได้เป็นหมอ ซึ่งคุณแม่นายังคงเป็นแรงสนับสนุนสำคัญที่พร้อมผลักดันความฝันของน้องทรายให้เป็นจริง “พอเข้ามหาวิทยาลัยน้องเรียนค่อนข้างหนักค่ะ มีเรื่องเครียดและต้องรับผิดชอบมากขึ้น ยิ่งตอนเข้าคลินิกที่ต้องดูแลคนไข้จริงๆ ก็จะไม่ใช่แค่เรื่องเรียนแล้ว แต่เป็นเรื่องหน้าที่ของการเป็นหมอ การพูดคุยกับคนไข้ การดูแลคนไข้ในรูปแบบต่างๆ ก็เป็นเรื่องที่เพิ่มเข้ามา ส่วนใหญ่แม่ก็จะคอยช่วยเหลือ และให้คำแนะนำเค้าอยู่เรื่อยๆ”
อีกไม่กี่ปีน้องทรายก็จะเรียนจบ และได้เป็นหมออย่างที่ฝันไว้ และความฝันของคุณแม่นาที่ต้องการเห็นลูกสาวประสบความสำเร็จก็จะเป็นจริง ถ้ามองย้อนกลับไปจะเห็นว่าทั้งคู่ได้พยายาม และฝ่าฝันร่วมกันมาอย่างมาก เพื่อให้ได้ความสำเร็จที่น่าภูมิใจเช่นนี้ “ที่ผ่านมา…ถือว่าแม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการดูแลต่างๆ การให้คำแนะนำ และการสนับสนุนในทุกๆ เรื่อง ถ้าถึงวันที่น้องทรายได้เป็นหมอจริงๆ แม่ก็ดีใจและภูมิใจที่สุดค่ะ”
เพราะการเดินทางสู่ความสำเร็จในชีวิตเพียงคนเดียวนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่แรงผลักดันของคนข้างๆ เป็นพลังสำคัญที่ยิ่งใหญ่ที่จะทำให้เราเข้มแข้ง และเดินทางสู่ถึงเป้าหมายได้อย่างแท้จริง เช่นเดียวกับคุณแม่นาที่อยู่เคียงข้างลูกสาวตลอดเวลา และดูแลอย่างดีในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะเรื่องการบำรุงร่างกาย และเตรียมความพร้อมให้กับสมอง
ซึ่งถือเป็นเรื่องที่หลายคนมองข้าม ถ้าใครชอบวิธีเลี้ยงดูลูกของคุณแม่นาก็ลองนำไปใช้ดูได้นะคะ ไม่แน่บุตรหลานของคุณอาจจะประสบความสำเร็จแบบน้องทรายก็ได้
บทความอื่นที่น่าสนใจ
ลูกกินยากเสี่ยงพัฒนาการช้า…ทำอย่างไรดี
อยากให้ลูกเกิดมาสมองดีต้องทำอย่างไร