โรคที่เกิดขึ้นในวัยทารก
โรคที่เกิดขึ้นในวัยทารก ทารกเป็นวัยที่มีภูมิต้านทานต่ำทำให้เกิดโรคได้ง่าย ทุกครั้งที่ลูกป่วยเด็กจะแสดงออกด้วยการร้องไห้ งอแง ไม่กินนม ไม่ทานอาหาร และมีอาการอื่นๆ ตามมา ส่วนใหญ่ลูกจะบอกพ่อแม่ด้วยการร้องไห้ เพราะว่าทารกยังไม่สามารถบอกได้ว่าตัวเองเจ็บป่วยตรงไหน ลองมาดูดีกว่าทารกมักจะเจ็บป่วยเป็นโรคอะไรบ้าง พ่อแม่จะรู้ได้อย่างไร
1. โรคหวัด
โรคหวัดนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทารกตั้งแต่วัย 3 เดือนขึ้นไป เป็นโรคที่พบบ่อยมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนหรือช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ทำให้ลูกน้อยเจ็บป่วยได้ง่าย เด็กบางคนไม่ได้เป็นแค่นี้ ยังมีโรคแทรกซ้อนขึ้นมาอีก ซึ่งโรคนี้จะหายในเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ แถมยังติดกันได้ง่ายอีกด้วย บางครั้งพากันติดหวัดกันทั้งบ้านเลยก็มี ลักษณะอาการของหวัดในทารก เด็กที่เป็นหวัดจะมีไข้ 38-39.5 องศาเซลเซียส นอนไม่ได้กระสับกระส่าย ดูดนมลำบาก บางคนมีอาเจียนและท้องเสียร่วมด้วย
2.คออักเสบ และต่อมทอนซิลอักเสบ
โรคนี้เกิดจากเชื้อแบคทีเรียและไวรัส เวลาเป็นจะเห็นว่าต่อมทอนซิลบริเวณคอจะบวมโตขึ้น บางครั้งอาจเกิดหนองหรือแผลที่ต่อมด้วย ลักษณะอาการจะทำให้ทารกมีไข้สูง 38-39.5 องศาเซลเซียส ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร ไอ มีเสมหะ และอาจมีการอาเจียนร่วมด้วย หากทารกติดเชื้อจากแบคทีเรียจะมีอาการที่รุนแรงกว่า
3.หลอดลมอักเสบ
โรคนี้พบมากทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เกิดจากการติดเชื้อที่หลอดลม ทำให้ลอดลมมีอาการบวม ตีบ เกิดการระคายเคือง มีเสมหะเหนียวข้นเป็นสีเขียวหรือเหลือง มีอาการหายใจเหนื่อยหอบ บางคนจะไอหนักมากเมื่อถูกความเย็น
สำหรับหลอดลมฝอยอักเสบจะทำให้เด็กมีไช้ น้ำมูกไหล ไอก่อนสัก 2-3 วัน หายใจหอบแรงมีเสียงดัง ได้ยินเสียงที่ลำคอ เด็กบางคนตัวสีเขียวเลยก็มี โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย ทำให้หลอดลมฝอยเล็กตีบลง ซึ่งพบมากในททารก 6 เดือน – 2 ปี
4.ปวดบวม
โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย หรือการสำลักอาหาร หรือสิ่งแปลกปลอม คุณแม่ต้องระวังให้มากๆ นะคะ เพราะเป็นสาเหตุการตายของทารกเลย ลักษณะอาการจะมีไข้ ไอมาก หอบเหนื่อยหายใจเร็ว จมูกบาน ถ้าไม่รีบรักษาเด็กอาเกิดหัวใจวายตายได้ ลักษณะของหัวใจวาย คือ อาการซีด ตัวเขียว หายใจหอบ หัวใจเต้นเร็ว ชีพจรอ่อน จนสุดท้ายเสียชีวิตมากที่สุด
5.ท้องร่วง
โรคนี้จะทำให้คนป่วยถ่ายอุจจาระเหลว 3 ครั้งใน 1 วัน หรือถ่ายอุจจาระมีมูกหรือเลือดปน 1 ครั้ง หรือถ่ายเป็นน้ำ 1 ครั้ง สาเหตุมาจากการกินอาหารและน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าไป ถ้าลูกน้อยเป็นไวรัสโรต้าจะมีน้ำมูกไหลคล้ายหวัดร่วมด้วย รวมถึงอาการอาเจียน ร่างกายอ่อนแอ กระหายน้ำ ริมฝีปากแห้ง หากไม่รีบรักษาอาจทำให้ลูกน้อยช็อคและหมดสติได้
6.โรคหัด
เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัส พบบ่อยในทารกอายุ 8 เดือน – 5 ปี ติดต่อกันทางน้ำมูก น้ำลายและเสมหะ เด็กที่ไม่เคยได้รับเชื้อหัดมาก่อนหรือไม่มีภูมิต้านทานโรคนี้ก็จะเป็นโรคนี้ได้ อาการจะแสดงให้เห็นหลังจากติดเชื้อ 1 สัปดาห์ โดยทั้งหมด 3 ระยะ ด้วยกัน
- ระยะแรกจะไอ น้ำมูกไหล ตาแดง และมีผื่นที่ปาก
- ระยะที่สอง เรียกว่าระยะผื่นออก ผื่นขึ้นหน้า คอ แขน ขา เหมือนอาการดีขึ้น เพราะไข้ลด แต่สังเกตได้ว่าเด็กจะมีอาการท้องเดินด้วย
- ระยะที่สาม เป็นระยะฝื้นตัว ผื่นจะสีคล้ำลง มีรอยเป็นน้ำตาลไหม้ ผิวหนังแห้งและลอก ไข้ลดลง ไม่มีน้ำมูกและตาแดง ยังคงไออยู่
นอกจากนี้ เด็กอาจมีอาการอื่นแทรกซ้อนขึ้น ได้แก่ ปอดบวม หูชั้นกลางอักเสบ หลอดเสียงและหลอดลมอักเสบ
7.โรคหัดเยอรมัน
โรคนี้เป็นโรคไมม่อันตรายสำหรับเด็กหรือผู้ใหญ่ แต่อันตรายสำหรับทารกในครรภ์ เพราะจะทำให้เด็กหับใจพิการ ต้อหิน ต้อกระจก หูหนวก ปัญญาอ่อน เกิดจากเชื้อไวรัสโดยการหายใจ ลักษณะอาการจะมีตัวร้อน อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ไอ เป็นหวัด ตาแดงประมาณ 1-5 วัน ก่อนที่ผื่นจะออก แต่โรคนี้พบมากในผุ้ใหญ่มากกว่าเด็กค่ะ
8.โรคอีสุกอีใส
เป็นโรคติดต่อที่เป็นได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิด เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดเดียวกับงูสวัด ลักษณะอาการจะเป็นผื่นแดง มีไข้ มีน้ำใสๆ อยู่ข้างใน จะขึ้นบริเวณใบหน้า ลำตัวมากกว่าแขนขา มีผื่นในปาก ใหม่ๆ จะมีสีแดงพอพองเต็มที่จะแตกออกจนทำให้มีรอยบุ๋มตรงกลาง ซึ่งจะทำให้ทารกมีไข้ประมาณ 7-10 วัน
9.โรคเริม
พบบ่อยมากในทารกตั้งแต่ 6 เดือน – 5 ปี เกิดจากการสัมผัสเชื้อ โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกส่วน เมื่อเกิดขึ้นแล้วสามารถเกิดขึ้นอีกได้ เนื่องจากเมื่ออาการของโรคหายไปมันจะยังคงอยู่ในร่างกาย และรอที่จะแสดงอาการออกมาเมื่อร่างกายอ่อนแอและขาดสารอาหาร ลักษณะอาการคือ จะมีตุ่มใสๆ กระจายตามริมฝีปาก ทำให้เจ็บปวด ทานอาหารทานนมไม่ได้ และมีไข้
ที่มา : library.tru
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
หลอดลมอักเสบ เพราะบุหรี่ที่พ่อสูบ ทุกมวนของพ่อ ส่งผลให้ลูกป่วยนะรู้ไหม
คนท้องเครียด ขี้บ่น โมโหร้าย รู้ไหมว่าส่งผลอย่างไรต่อลูกในท้อง
ลูกป่วย..พ่อแม่ ให้ลูกกินยา ถูกวิธีหรือเปล่า?