วันนี้ theAsianparent Thailand ขอนำบทความเกี่ยวกับอาการป่วยของคุณแม่ตั้งครรภ์มาฝาก มาดูกันว่า แม่ท้องเป็นหวัดได้หรือไม่ ในช่วงที่คุณแม่ตั้งครรภ์จะมีระดับภูมิคุ้มกันที่ต่ำกว่าคนปกติ ทำให้ร่างกายมักอ่อนแอ และติดเชื้อต่าง ๆ ได้ง่าย ซึ่งก็อาจส่งผลให้แม่มีโอกาสได้เป็นหวัดในช่วงตั้งครรภ์ได้
แต่ไข้หวัดส่วนมากเกิดจากเชื้อไวรัสที่มีอาการแค่คัดจมูก มีน้ำมูกใส ๆ มีไข้ต่ำ ๆ ไม่เจ็บคอ ไม่มีเสมหะ หากดูแลร่างกายตัวเองให้ดี จิบน้ำอุ่นเยอะ ๆ มีการพักผ่อนที่เพียงพอ ก็สามารถหายเองได้ หรือกินยารักษาตามอาการ แต่ถ้ามีอาการไม่ดีขึ้น มีอาการไอ เจ็บคอ มีน้ำมูกเหลืองหรือเขียว เสมหะข้นเหนียว แสดงว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรีย ถ้าเป็นลักษณะแบบนี้จะไม่หายเอง ควรไปหาคุณหมอเพื่อรับการตรวจก่อนมีอาการลุกลาม
อาการเป็นหวัด แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ
1.ไข้หวัดธรรมดา เป็นไข้หวัดแบบนี้ไม่ได้มีผลกระทบต่อทารกโดยตรง เนื่องจากเป็นการติดเชื้อที่ระบบหายในส่วนบน ไม่ส่งผลต่อความพิการของทารกในครรภ์ แต่ถ้าคุณแม่เป็นหวัดแล้วไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้อง อาจทำให้ลูกได้รับผลทางอ้อมจากการติดเชื้อได้ เช่น ถ้าคุณแม่มีไข้สูง มีอาการไอร่วมด้วยก็จะไปทำให้มดลูกบีบตัว ส่งผลกระทบถึงทารกในครรภ์ได้ โดยเฉพาะในคุณแม่ที่ท้องในช่วงครรภ์อ่อน ๆ อาจเสี่ยงต่อการแท้งได้
2.ไข้หวัดใหญ่ ที่มีอาการไข้สูง อาจมีการอาเจียน เบื่ออาหาร หรือกินอะไรไม่ได้ ซึ่งอาจทำให้ทารกในครรภ์ได้รับสารอาหารไม่เต็มที่ ส่งผลต่อพัฒนาการของทารก และในระยะยาวอาจเกิดปัญหาทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์ตามมาได้
ในปัจจุบันกระทรวงสาธารณะสุขได้มีโครงการฉีดวัคซีนป้องกันให้คุณแม่ตั้งครรภ์ที่ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มเสี่ยงได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ซึ่งก็ยังป้องกันได้เฉพาะบางสายพันธุ์ ขึ้นอยู่กับความต้านทานของแม่แต่ละคนด้วย ที่น่าเป็นห่วงก็คือ อันตรายจากการเป็นหวัดแล้วเกิดอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น อาการติดเชื้อในปอด
ดังนั้นไม่ว่าจะตั้งครรภ์ในระยะใด หากคุณแม่เริ่มรู้ตัวว่ามีอาการของไข้หวัด หากเป็นไข้หวัดธรรมดา ควรดูแลพักผ่อนให้มาก กินอาหารที่ประกอบด้วยผักผลไม้ เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินและเกลือแร่ คาร์โบไฮเดรต และไขมันในปริมาณที่เหมาะสม ดื่มในปริมาณที่มาก ร่างกายก็จะดีขึ้นภายในเวลา 1 สัปดาห์ แต่หากคุณแม่รู้สึกตัวแย่แล้วมีอาการไข้สูง ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยเพื่อรักษาอาการ
ข้อมูลจากศูนย์มูลนิธินมแม่แห่งประเทศไทย ได้แนะนำยารักษาไข้หวัดที่แม่สามารถกินขณะให้นมลูกได้ เช่น
- คลอเฟนนิรามิน (chlorpheniramine) เป็นยาลดน้ำมูก แต่จะทำให้คุณแม่มีอาการง่วงนอนบ้าง
- Actifed มียาลดน้ำมูกรวมกับยาแก้คัดจมูก (pseudoephedrine) อาจจะทำให้ง่วง และมีเสมหะเหนียว ต้องดื่มน้ำมาก ๆ ในบางคนที่ไวต่อยานี้ (pseudoephedrine) มาก อาจมีผลกดการสร้างน้ำนม ทำให้น้ำนมน้อยลงได้ ให้ลองสังเกตอาการ ถ้ามีปัญหาน้ำนมลดลง ให้หยุดยาก็จะดีขึ้น
- ยาพาราเซตามอล (paracetamol) ใช้ลดไข้ ไม่มีผลต่อลูก
- ยา dextromethorphan เป็นยากดอาการไอ ใช้ได้ ไม่มีผลต่อลูก
ข้อควรระวัง
- ในกรณีของยาบางชนิดที่อาจมีผลบ้าง ควรทิ้งช่วงเวลาให้นม โดยกินยาหลังให้ลูกดูดนมอิ่มแล้ว หรือกินยาในช่วงที่ลูกจะหลับยาว เพื่อให้ระดับยาในเลือดและในน้ำนมแม่ลดลงไปมากในมื้อถัดไป จนไม่เป็นอันตรายต่อลูก
- หากเลือกซื้อยารับประทานเอง ควรแจ้งให้เภสัชกรประจำร้านขายยาทราบว่ากำลังให้นมลูกอยู่ เพื่อคุณหมอจะได้เลือกยาที่มีผลต่อการให้นมทารกน้อยที่สุด
- ในขณะที่แม่เป็นหวัด หรือป่วยเป็นไข้ ควรใส่หน้ากากป้องกันในขณะที่ให้นมลูก ควรแยกที่นอนกับลูกน้อย โดยวางลูกในน้อยไว้ในเปลหรือที่นอนเฉพาะสำหรับเด็กที่ เพราะหากคุณแม่กินยาและส่งผลถึงอาการง่วงนอน หรือเพลียมาก ก็อาจเผลอทำให้นอนพลิกไปทับตัวลูกได้ และเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกติดหวัดจากคุณแม่ด้วย
ยาสำหรับแม่ตั้งครรภ์ที่ช่วยบรรเทาอาการตอนเป็นหวัด
กลุ่มยาแก้ปวดลดไข้
สำหรับอาการแก้ปวดต่าง ๆ เช่น ปวดศีรษะ เป็นไข้ สามารถใช้ พาราเซตามอล หรือ Acetaminophen
กลุ่มยาลดน้ำมูก
คลอร์เฟนนิรามีน (Chlorphenniramine) เป็นยาแก้คัดจมูก ลดย้ำมูก ไม่มีผลต่อความพิการของทารกในครรภ์ แต่เมื่อกินยานี้จะทำให้ง่วงซึม จึงควรพักผ่อนหลังกินยา ไม่ควรขับรถ หรือทำงานที่เกี่ยวกับเครื่องจักรอันตรายระหว่างใช้ยา
กลุ่มยาแก้ไอ
ประเภทยาอม ยาพ่นคอต่าง ๆ ใช้สำหรับทำให้ชุ่มคอ ระคายคอ แก้คอแห้ง ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอและลดอาการไอ ยากลุ่มนี้ออกฤทธ์เฉพาะที่ สามารถรับประทานได้ตอนตั้งครรภ์
เมื่อแม่ท้องไม่สบาย ควรเลือกกินยาที่เหมาะสม ควรศึกษารายละเอียดก่อนก่อนใช้ยาให้ถูกต้อง เลือกในกลุ่มยาที่ปลอดภัย หรือเพื่อความสบายใจ เมื่อเจ็บป่วยในขณะตั้งครรภ์ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจัฉัย เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง และได้รับการสั่งยาจากคุณหมอที่ใช้ได้อย่างปลอดภัยทั้งแม่และลูกในท้อง
อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณแม่เป็นหวัดอาจไม่ได้ส่งผลกับลูกในท้องผ่านทางรกโดยตรง เพราะเป็นการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจส่วนบน แต่ถ้าเป็นแล้วไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ลูกในครรภ์ก็อาจได้รับผลกระทบทางอ้อมจากการติดเชื้อ เช่น การไอมาก ๆ ในช่วงตั้งครรภ์อ่อน ๆ แล้วไม่ดูแลรักษาอาการก็อาจเกิดการติดเชื้อ เสี่ยงต่อการแท้งลูก หรือการกินอาหารไม่ได้ เบื่ออาหาร ทำให้แม่ได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายไม่เพียงพอ ในระยะยาวก็อาจส่งผลให้ทารกโตช้าในครรภ์ได้
การดูแลรักษาร่างกายตัวเองให้ดีเมื่อรู้ตัวว่าตั้งครรภ์จึงเป็นสิ่งสำคัญ คุณแม่ควรป้องกันตัวเองจากการเป็นโรค หลีกเลี่ยงจากการสัมผัสบุคคลที่เป็นโรคหรือไปในแหล่งที่มีโอกาสติดเชื้อสูงเช่น ตามที่สาธารณะต่าง ๆ กินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เท่านี้ก็ช่วยให้คุณแม่ห่างไกลจากโรคหวัดไม่ต้องพึ่งพารับประทานยาให้กังวลใจด้วย
theAsianparent Thailand เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพและสังคมคุณแม่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและเอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่และเด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น theAsianparent Thailand ที่ติดตามการตั้งครรภ์ให้คุณแม่ได้ลงทะเบียนใช้งาน เพื่อติดตามพัฒนาการทารกตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุดและผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์และสื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่และเด็ก โภชนาการแม่และเด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และจิตวิทยาเด็ก theAsianparent Thailand เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้และมีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง เพราะเราเชื่อว่า “พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแรง”
Source : thaibreastfeeding.org , likevitamin.net
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
100 สิ่งที่คุณแม่หลังคลอดต้องรู้ ตอนที่ 10 เจ็บเต้านม บรรเทาอาการอย่างไร
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ : หูดหงอนไก่ อาการเป็นอย่างไร อันตรายหรือไม่?
100 สิ่งแม่ท้องต้องรู้ ตอนที่ 51 อาการบวมน้ำในคนท้อง เป็นอย่างไร