แม่ท้องฝึกสมาธิดีต่อพัฒนาการทารกในครรภ์

เรื่องการฝึกสมาธิหรือการทำสมาธิ มีผลดีต่อผู้ปฏิบัติ คือ มีจิตใจสงบแล้ว ยังมีการศึกษาทางการแพทย์ พบว่า ผู้ที่มีจิตเป็นสมาธิจะมีความดันอัตราการหายใจลดลง คลื่นสมองช้าและเป็นระเบียบขึ้น การเผาผลาญอาหารในร่างกายลดลง ส่งผลให้มีสุขภาพดี และช่วยบำบัดโรคได้ หากแม่ท้องฝึกสมาธิจะส่งผลดีต่อทารกในครรภ์อย่างไร ติดตามอ่าน

สมาธิสำหรับแม่ท้องไม่จำกัดรูปแบบ/วิธีการ

การทำสมาธิสำหรับแม่ท้อง  ไม่จำกัดเฉพาะการนั่งขาขวาทับขาซ้ายเท่านั้น  มาดูกันว่าการทำสมาธิสำหรับคนท้อง  มีอะไรบ้าง

1. ทำสมาธิด้วยการเดิน

การเดินถือเป็นการออกกำลังกายที่ดีมากสำหรับคนท้อง  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินวันละ 30 นาทีดีต่อสุขภาพแม่ท้องและทารกในครรภ์  การเดินเป็นการทำสมาธิอย่างหนึ่ง  เราอาจจะเคยได้ยินการเดินจงกรม หากเคยทำไปสมาธิที่วัด  พระท่านมักจะแนะนำให้เดินจงกรมเพื่อดูจิตของตนเอง  แต่คุณแม่ไม่ถึงกับต้องเดินจงกรมหรอกค่ะ  เพียงแค่คุณแม่มีสมาธิจดจ่อกับการเดิน  เดินช้า ๆ ด้วยความระมัดระวัง  พยายามไม่คิดเรื่องอื่นใด  เพื่อไม่ให้เกิดความเครียดหรือเหม่อลอยจนอาจเกิดการสะดุดหกล้มได้

2. ทำสมาธิด้วยการอ่านหนังสือ

คุณแม่เคยรู้สึกว่า  แม้ตาจะจดจ่ออยู่กับหน้าหนังสือ  แต่สมองกลับคิดอะไรมากมาย  กลับมาค่ะ!!กลับมา พยายามทำใจให้สงบ  บอกตัวเองว่าตอนนี้กำลังทำอะไร  ทำสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่ทำ  “อ่านหนังสือ  อ่านหนังสือ  อ่านหนังสือ”   ท่องไว้ในใจหากรู้สึกว่า  จิตของคุณแม่เริ่มคิดไปเรื่องอื่น  การทำจิตให้จดจ่อกับสิ่งที่ทำจะทำให้คุณแม่เกิดสมาธิ   สำหรับหนังสือที่อ่าน  คุณแม่สามารถเลือกอ่านหนังสือประเภทต่าง ๆ ได้ตามใจชอบ และที่สำคัญ ควรเลือกหนังสือที่อ่านแล้วรู้สึกผ่อนคลาย เนื้อหาไม่ควรหนักมากจนทำให้รู้สึกเครียด

3. ทำสมาธิด้วยการฟังเพลง

คุณแม่เลือกฟังได้ทั้งเพลงที่ให้ความเบาสบาย เป็นบทเพลงที่มีเสียงดนตรีประกอบกับเสียงน้ำไหล เสียงนกร้อง  เสียงธรรมชาติ ควรเลือกเพลงที่มีจังหวะช้า เสียงไม่สูงจนเกินไป และฟังในระดับเสียงที่ไม่ดังมากเกินไป  เมื่อเลือกเพลงได้แล้ว หามุมสงบ นั่งเอนหลังให้สบายหลับตา แล้วปล่อยใจไปกับเสียงเพลง หากทำได้เช่นนี้คุณแม่จะเกิดความสบายใจและเกิดสมาธิได้อย่างดี

4. ทำสมาธิด้วยการฝึกโยคะ

โยคะทั่วไปจุดประสงค์  ฝึกความแข็งแรง ทำให้หัวใจเต้นแรงเหนื่อยง่าย แต่โยคะคนท้องเราต้องพยายามให้เหนื่อยน้อยที่สุดการฝึกโยคะต้องยืดเหยียดกล้ามเนื้อ เพราะถ้าเราไม่ยืด กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานที่เตรียมจะรองรับน้ำหนักตัวของลูกในท้อง จะหนักขึ้นเรื่อยๆ มันจะไปลงอุ้งเชิงกราน นั่นก็คือ ช่วงสะโพก ก้น ต้นขา หากไม่เตรียมพร้อม จะรู้สึกเจ็บ ปวดตามส่วนต่าง ๆ ได้ง่าย  ควรเริ่มฝึกตอนไตรมาสที่ 2 ค่ะ เพราะร่างกายเริ่มปรับตัวได้แล้ว

5. ทำสมาธิด้วยการเล่นเกม

การเล่นเกมก็สามารถฝึกสมาธิได้  ไม่จำกัดเฉพาะ  ปริศนาอักษรไขว้ ต่อจิ๊กซอว์  เป็นต้น  นอกจากความเพลิดเพลิน และมีสมาธิแล้ว ยังเป็นการบริหารสมองอีกด้วย และการที่บริหารสมองอยู่เสมอจะช่วยให้ประสิทธิภาพในการเรียนรู้ดีขึ้น ลดความเครียด ทำให้ใจสงบและรู้สึกสดชื่น ซึ่งส่งผลให้ลูกน้อยอารมณ์ดีไปด้วย

รู้วิธีการฝึกสมาธิในรูปแบบต่าง ๆสำหรับแม่ท้องแล้วนะคะ  คราวนี้มาดูประโยชน์ว่า  การทำสมาธิดีต่อการพัฒนาการทารกในครรภ์อย่างไร

แม่ท้องฝึกสมาธิดีต่อพัฒนาการทารกในครรภ์

1. ประโยชน์ของการทำสมาธิจากผลการวิจัยในต่างประเทศ  พบว่า  ผู้ที่ทำสมาธิจนจิตสงบนิ่งคลื่นสมองจะเรียบขึ้นยิ่งจิตสงบมากเท่าไร คลื่นสมองก็จะยิ่งเรียบและเป็นเส้นตรงปกติมากขึ้นเท่านั้น ส่งผลให้ความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ ของสมองทำงานได้เป็นอย่างดี และยังเป็นการช่วยเพิ่มศักยภาพของเซลล์สมองที่มีอยู่ให้มากขึ้น

2. สมาธิช่วยลดความดันโลหิต ลดความเจ็บปวด เพราะเมื่อคุณแม่มีสมาธิ จิตใจสงบและเป็นสุข สมองจะหลั่งสารแห่งความสุขหรือเอ็นโดรฟินออกมา ซึ่งเป็นสารที่ช่วยคลายความเจ็บปวดได้ และยังส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันต่าง ๆ ภายในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. การทำสมาธิช่วยกระตุ้นช่วยให้ระบบประสาทและวงจรในสมอง ขณะที่คุณแม่ทำสมาธิจิตของคุณแม่สงบนิ่ง ส่งผลต่อคลื่นสมองของทารกน้อยให้เรียบและเป็นเส้นตรง ซึ่งเป็นผลดี เพราะจะช่วยพัฒนาในด้านความจำของเจ้าหนูต่อไป

4. ในช่วงที่ตั้งครรภ์คุณแม่ต้องควบคุมอารมณ์ของตนเอง เพราะการทำสมาธิช่วยให้จิตใจสงบและนิ่ง เกิดการผ่อนคลาย  เมื่อจิตใจของคุณแม่เบาสบาย สิ่งนี้มีผลต่อลูกในครรภ์  ลูกจะมีพัฒนาการด้านสมองและอารมณ์ที่ดี ทำให้เมื่อเจ้าหนูน้อยคลอดออกมาเขาจะเป็นเด็กที่อารมณ์ดี  ไม่โยเย  มีพัฒนาการตามวัย เลี้ยงง่าย

บทสรุป

การทำสมาธิในช่วงตั้งครรภ์  ลูกในครรภ์นอกจากจะได้รับอิทธิพลความสงบไปด้วยแล้วนั้น เมื่อลูกเกิดมาจะสังเกตได้ว่าลูกมีพัฒนาการที่ไวกว่าเด็กทั่วไปในวัยเดียวกัน  ลูกจะกลายเป็นเด็กเรียบร้อย และเชื่อฟังได้ดีกว่า เปรียบเสมือนกระจกเงานั่นเอง สิ่งที่คุณแม่ตั้งครรภ์ได้ทำให้ลูกเมื่อยังเป็นทารกในครรภ์ จะส่งผลสะท้อนเมื่อเวลาลูกโตขึ้น ทั้งพัฒนาการด้านพฤติกรรมและอารมณ์ไปในทิศทางที่ดีนั่นเอง

นำมาฝาก : ดนตรีบรรเลงสำหรับทำสมาธิ

ได้ทราบข้อดีของการฝึกสมาธิในช่วงตั้งครรภ์กันแล้วนะคะว่า  ส่งผลดีต่อทารกน้อยในครรภ์อย่างไร  เริ่มปฏิบัติกันเลยค่ะ

ร่วมบอกเล่าและแชร์ประสบการณ์ในช่วงตั้งครรภ์   คลอดบุตร รวมถึงการเลี้ยงดูทารกน้อย  เพื่อเป็นประโยชน์ต่อครอบครัวอื่น ๆ กันนะคะ  หากมีคำถามหรือข้อสงสัย ทางทีมงานจะหาคำตอบมาให้คุณ

อ้างอิงข้อมูลจาก

https://m.facebook.com

HUGGIES

https://www.iammomsociety.com

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

กิจกรรมแบบนี้? แม่ท้องควรปฏิบัติVSไม่ควรปฏิบัติ

เสริมสมอง 3 ส่วนให้ลูกน้อยฉลาดรอบด้าน