เสี่ยงหรือไม่? หากเลี้ยงน้องหมาตอนท้อง
งานวิจัยจากศูนย์ควบคุมโรคติดต่อแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกาได้วิจัยเกี่ยวกับ แม่ท้องที่เลี้ยงน้องหมา พบว่า ทำให้ความเครียดและความวิตกกังวลในช่วงตั้งครรภ์ลดลง จิตใจผ่อนคลาย มองโลกในแง่ดี คลายเหงา ซึ่งจะส่งผลดีต่อสุขภาพ อารมณ์ของแม่ท้อง และทารกในครรภ์ได้เป็นอย่างดี รวมถึงการเล่นกับสัตว์เลี้ยงยังเป็นการออกกำลังกายทำให้ร่างกายของแม่ท้องแข็งแรงไปในตัว แต่ทั้งนี้ก็ต้องรู้จักวิธีดูแลสุนัขและวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายในขณะตั้งครรภ์ เพราะสัตว์เลี้ยงก็สามารถทำให้เกิดโรคในแม่ท้องได้เช่นกันค่ะ แตกต่างจากคนท้องเลี้ยงน้องแมว ที่มีพยาธิชนิดหนึ่งชื่อว่า “ทอกโซพลาสโมซิส” ซ่อนอยู่ในอุจจาระมีความเสี่ยงต่อแม่ท้องและทารกในครรภ์ได้มากกว่า
เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว คำตอบคือ สามารถเลี้ยงได้ค่ะ เพียงแต่เราต้องหาวิธีการที่จะอยู่ร่วมกันกับน้องหมาอย่างปลอดภัย
8 วิธีเตรียมความพร้อมเลี้ยงน้องหมาอย่างปลอดภัยในช่วงตั้งครรภ์
1. การจำกัดพื้นที่ให้เป็นสัดส่วน โดยผู้เลี้ยงควรจัดแบ่งพื้นที่และเลือกตำแหน่งที่คิดว่าเหมาะสมที่สุดให้น้องหมา อาจจะใช้ กรง ที่กั้นคอก จำกัดพื้นที่ไม่ให้น้องหมาเดินได้อย่างอิสระ เพื่อไม่ให้น้องหมารบกวนแม่ท้องและเพื่อเป็นการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น ควรเป็นพื้นที่ห่างจากบริเวณที่แม่ท้องอาศัยอยู่พอสมควร และเป็นพื้นที่ที่เงียบสงบ อากาศถ่ายเทได้สะดวก มีร่มเงาที่เพียงพอ ซึ่งอาจจะเป็นมุมใดมุมหนึ่งของพื้นที่ภายในบริเวณบ้านก็ได้ และที่สำคัญต้องเป็นพื้นที่ที่ง่ายต่อการดูแลทำความสะอาดด้วยค่ะ
2. ถ้าน้องหมาถูกเลี้ยงให้นอนอยู่ในห้องเดียวกันกับแม่ท้องอยู่ก่อนแล้ว แนะนำว่า ควรจัดแบ่งพื้นที่ภายในห้องนอนให้กับน้องหมาอย่างชัดเจน โดยไม่ควรให้น้องหมาขึ้นมานอนร่วมเตียงเดียวกันกับแม่ท้อง และอาจจะหาเครื่องฟอกอากาศเข้ามาติดตั้งสักเครื่อง พร้อมกับหมั่นดูแลทำความสะอาดห้องนอนอย่างสม่ำเสมอเพื่อสุขอนามัยที่ดี
3. ต้องคอยระมัดระวังไม่ให้น้องหมาไปคลุกคลี เล่นกับสัตว์อื่น ๆ ที่อาศัยอยู่นอกบ้าน และถ้าหากบ้านไหนมีน้องหมาที่ชอบวิ่งไล่จับหนู สมาชิกในบ้านก็ควรป้องกันไม่ให้น้องหมาไล่จับหนูโดยอาจจะหากาวดักหนู หรือวิธีอื่น ๆ มาดักหนูแทน เพราะการที่น้องหมาวิ่งไล่หรือกัดหนูนั้น น้องหมาอาจะติดเชื้อโรคต่าง ๆ มา เมื่อแม่ท้องสัมผัสน้องหมาก็อาจจะได้รับเชื้อโรคเหล่านั้นได้
4. การทำความสะอาดบ้าน เป็นหน้าที่ของสมาชิกในบ้านที่ต้องช่วยกันดูแลทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอ ควรหมั่นกวาดบ้าน เพื่อกำจัดเศษขนน้องหมาที่หลุดร่วงออกมา ถูบ้านด้วยน้ำยาที่มีส่วนผสมของยาฆ่าเชื้อทุกวันเพื่อป้องกันไรฝุ่น และฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ ที่อยู่ตามพื้น
5. การกำจัดเห็บภายในบ้าน สมาชิกในบ้านจะต้องทำอย่างสม่ำเสมอทุกสัปดาห์ เพราะเห็บอาจกัดแม่ท้องให้เกิดอาการแพ้ เกิดผื่นคันขึ้นได้ แม่ท้องหลายคนมักกลัว เห็บหมัด ว่าจะเป็นตัวนำเชื้อโรคมาสู่คน ซึ่งจริง ๆ แล้วเห็บหมัดนั้นสามารถกัดเราจนเป็นแผล หรือผื่นได้ แต่ไม่สามารถอาศัยเกาะกินเลือดเราได้นาน เหมือนเกาะอยู่ที่น้องหมา เพราะร่างกายของเราไม่เหมาะสมที่จะเป็นโฮสต์ หรือที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของเห็บหมัด
6. ฉีดยาพ่นกำจัดเห็บ ที่มีส่วนผสมของ Pyrethrin หรือ Permethrin ที่มีฤทธิ์ฆ่าเห็บมาฉีดพ่นตามฝาผนัง ซอกต่าง ๆ เพราะเห็บมักจะเข้าไปหลับและฝังอยู่ตามผนังที่มีช่องว่าง สิ่งสำคัญ ในขณะพ่นยากำจัดเห็บก็ควรใส่หน้ากากป้องกันการสูดดมยา ควรป้องกันสมาชิกในบ้าน ได้แก่ แม่ท้อง เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ที่เสี่ยงได้รับสารเคมีให้อยู่บริเวณนอกบ้านจะดีที่สุด และรอจนกว่าสารเคมีจะแห้งจึงค่อยให้สมาชิกในบ้านกลับเข้าบ้านได้
7. แม่ท้องที่ทำงานบ้าน เช่น ล้างจาน ซักผ้า เป็นต้น เป็นกิจวัตรประจำวันอยู่แล้ว แนะนำว่า ให้สวมใส่ถุงมือยางทุกครั้งที่ล้างจานเพื่อป้องกันการแพ้น้ำยาล้างจาน หรือม่ท้องที่ชอบปลูกต้นไม้ ทำสวนครัว ใส่ถุงมือทุกครั้งที่ลงมือทําสวน เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคจากการสัมผัสพื้นดินและหญ้า ที่น้องหมาอาจขับถ่ายทิ้งเอาไว้ด้วยนะคะ
8. การดูแลน้องหมาให้มีสุขภาพดีก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพราะว่าการพาน้องหมาไปตรวจสุขภาพจะช่วยทำให้ผู้เลี้ยงรู้ถึงแนวโน้ม หรือความเสี่ยงของการเกิดโรคต่าง ๆ ซึ่งเป็นผลดีที่ทำให้ผู้เลี้ยงสามารถเตรียมรับมือ และรักษาน้องหมาได้อย่างทันท่วงที
เป็นอันว่าคนท้องสามารถเลี้ยงน้องหมาได้นะคะ เพียงแต่ดูแลรักษาความสะอาด ที่สำคัญอย่าให้มากระโดดโลดเต้นวิ่งไปวิ่งมา พันแข้งพันขาจนทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ เพราะถึงอย่างไรน้องหมาก็ช่วยทำให้แม่ท้องคลายเครียดและมีอารมณ์ที่ดีขึ้น แม่ท้องและน้องหมายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้เหมือนเดิมค่ะ
อ้างอิงข้อมูลจาก
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
เตรียมสัตว์เลี้ยงให้พร้อมสำหรับสมาชิกใหม่
คนท้องกับแมวภัยใกล้ตัวที่คาดไม่ถึง
เด็กทารกและสัตว์เลี้ยงอยู่ร่วมกันได้มั้ย?