เปลี่ยนลูกน้อยจาก “หนูไม่สู้ !” เป็น “ หนูทำได้ !”
โดยทั่วไปแล้ว เด็กจะมีลักษณะอยู่ 2 ประเภท ประเภทแรกคือ “ หนูทำได้ !” และอีกประเภทคือ “หนูไม่สู้!” เด็กหลายคนสามารถพัฒนาจาก “หนูไม่สู้” จนกลายเป็น “ หนูทำได้ !” ได้ไม่ยากเมื่อเด็กโตขึ้น แต่เด็กหลายคนโตขึ้นมาแล้วก็ยังคงเป็น“หนูไม่สู้!” เหมือนเดิม
หากลูกน้อยของคุณเป็น “หนูไม่สู้!” ทุกอย่างในชีวิตเด็กน้อยไล่เลียงไปตั้งแต่แต่งตัว ทำการบ้าน ทำความสะอาดล้วนเป็นปัญหายักษ์เสมอ
แต่คุณพ่อคุณแม่อย่าเพิ่งกังวลไปครับ ไม่มีคำว่าสายเกินไปที่จะสอนให้ลูกน้อยของคุณลุกขึ้นมามีความมั่นใจ พร้อมเผชิญทุกสถานการณ์ และบางทีลูกอาจพัฒนาได้ด้วยตัวเองด้วย ลองมาดูกันครับว่ามีเคล็ดลับอะไรช่วยให้ลูกน้อยมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
1.เลิกช่วยลูก
พ่อแม่หลายคนรีบกระโดดเข้าไปช่วยลูกทันที เมื่อเห็นลูกต้องเจอปัญหา แต่นั่นกลับทำให้เด็กยิ่งอ่อนแอ และกลายเป็น “หนูไม่สู้!” ในที่สุด
กลับกัน คุณพ่อคุณแม่ลองช่วยเหลือเขาแบบอ้อมๆ เช่น พูดว่า “หนูลองซักผ้าดูไหม ซักไม่เป็นก็ไม่เป็นไร ลองทำดูก่อนไหม เดี๋ยวพ่อกับแม่จะค่อยๆ บอกวิธีซักผ้า ง่ายนิดเดียวเองนะ” ค่อยๆ สอนเขาช้าๆ ให้หัดทำทีละอย่าง และควรให้เด็กลองทำเองก่อน โดยที่ไม่ต้องช่วยเหลือ เพราะเด็กสามารถเรียนรู้ได้ดีที่สุดจากการลงมือทำ จากนั้นจึงบอกเขาว่าควรทำอย่างไร เพราะฉะนั้น หากต้องการให้ลูกทำอะไรเป็น คุณพ่อคุณแม่ต้องให้ลูกลองทำ ลองผิดลองถูก แล้วพ่อแม่ค่อยทำให้ดูและให้ลูกเรียนรู้ด้วยตัวเองครับ
2.ช่วยได้ แต่อย่าช่วยทั้งหมด ให้ลูกทำขั้นสุดท้ายให้สำเร็จด้วยตัวเอง
หลายครั้ง เด็กแบบ “หนูไม่สู้!” มักจะประสบปัญหาง่ายๆ ตั้งแต่ถอดเสื้อเองไม่ได้ ผูกเชือกรองเท้าไม่สำเร็จในเด็กเล็ก ไปจนถึงปัญหายากๆ ในเด็กโต เช่น ทำการบ้านไม่ได้ หรือไม่ยอมทำควมสะอาดห้อง
ไม่ว่าจะอย่างไร คุณควรให้ลูกทำเองก่อน และรอจนมั่นใจว่าลูกทำไม่ได้จริงๆ ค่อยช่วยเหลือ แต่อย่าช่วยทั้งหมด ช่วยเพียงบางส่วน และให้ลูกทำขั้นตอนสุดท้ายด้วยตัวเอง จากนั้นเด็กจะรู้สึกดีที่ทำสำเร็จ ภาคภูมิใจว่าเขาทำได้ และเด็กจะค่อยๆ มั่นใจและกล้าทำสิ่งนั้นด้วยตัวเอง
ติดตาม วิธีเปลี่ยนลูกน้อย จาก “หนูไม่สู้!” เป็น “หนูทำได้!” ต่อในหน้าถัดไปครับ
3.เพิ่มความคิดด้านบวก ลดความคิดด้านลบ
เมื่อลูกทำสำเร็จ คุณพ่อคุณแม่อย่าลืมเติมความคิดเชิงบวก และเปลี่ยนความคิดเชิงลบของลูกด้วยนะครับ ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าลูกงอแง ไม่ยอมทำ เพราะเคยทำแล้ว และทำไม่ได้ คุณพ่อคุณแม่สามารถพูดว่า “หนูบอกว่าทำไม่ได้ใช่ไหม แต่ถ้าถ้าหนูไม่ยอมแพ้ ยังไงหนูก็ทำได้อยู่แล้ว ลองทำเลยลูก!” การค่อยๆ เปลี่ยนความคิดแง่ลบของลูกที่คิดว่าตัวเองทำไม่ได้ ช่วยให้ลูกค่อยๆ เปลี่ยนความคิดเชิงลบ และอยากจะทำหลายๆ สิ่งให้สำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ
4.ลูกเก่งเรื่องไหน ส่งเสริมให้ลูกเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องนั้น
ถ้าคุณต้องการให้ลูกคุณเก่ง คุณต้องรู้ว่าลูกเก่งอะไร หากใครในครอบครัวต้องการรู้เรื่องที่ลูกของคุณเก่งหรือถนัด ก็ลูกเป็นคนให้คำตอบหรือช่วยเหลือ
การเน้นว่าลูกคุณเก่งอะไร จะช่วยให้ลูกของคุณมีความคิดแง่บวก มีความภาคภูมิใจในตัวเอง และช่วยให้ลูกของคุณมีความคิดว่า “หนูทำได้!” ได้จากจิตใต้สำนึกของเขาเอง
การมีลูกแบบ “หนูไม่สู้!” นั้นย่อมบั่นทอนจิตใจคนเป็นพ่อแม่ แม้ว่าเคล็ดลับด้านบนไม่อาจเปลี่ยนให้ลูกของคุณเป็น “ หนูทำได้ !” ได้ในเวลาข้ามคืน แต่การค่อยๆ ให้ลูกเรียนผิดถูกด้วยตัวเอง ส่งเสริมจุดเด่น และลบจุดด้อยของลูกเรื่อยๆ จะส่งผลให้ลูกของคุณมีความมั่นใจ และเติบโตอย่างมีความสุขได้ไม่ยากครับ
ที่มา anxioustoddlers
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ
20 เรื่องเบสิกที่แม่ควรสอนลูกชายตั้งแต่เล็ก